ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

ตัวหนา ตัวเอียง ตัวขีดเส้นใต้ ตัวมีขีดกลาง | จัดย่อหน้าอิสระ จัดย่อหน้าชิดซ้าย จัดย่อหน้ากึ่งกลาง จัดย่อหน้าชิดขวา
ใส่แฟลช ใส่รูป ใส่ไฮเปอร์ลิ้งค์ ใส่อีเมล์ ใส่ลิ้งค์ FTP | ตัวเรืองแสง ตัวมีเงา ตัวอักษรวิ่ง | ตัวยก ตัวห้อย ตัวพิมพ์ดีด | ใส่ตาราง ใส่โค้ด ใส่การอ้างถึงคำพูด | Insert Unordered List Insert Ordered List เส้นขวาง | Remove Formatting Toggle View
Sad Shocked Tongue Embarrassed Lips Sealed Cry angel angry cheesy cool grin huh kiss laugh rolleyes smiley undecided wink wanwan31 wanwan04 wanwan08 wanwan28 wanwan17 wanwan01 wanwan05 wanwan32 wanwan14 wanwan23 wanwan07 wanwan02 wanwan27 wanwan13 wanwan35 wanwan15 wanwan26 wanwan09 wanwan33 wanwan30 wanwan06 wanwan11 wanwan25 wanwan29 wanwan03 wanwan22 wanwan18 wanwan24 wanwan21 wanwan19 wanwan12 wanwan10 wanwan20 wanwan16 wanwan34
กันการสแปม
คำนำหน้านามของผู้ชายไทยคือ


Verification:
Type the letters shown in the picture
Listen to the letters / Request another image

Type the letters shown in the picture:
ลูกเจ้าของบอร์ทมีกี่คน:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 02/03/25 »

การสังเกตคลื่น Elliott Wave ให้ง่ายขึ้นต้องอาศัยการฝึกฝนและความเข้าใจในรูปแบบคลื่นพื้นฐาน รวมถึงการใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ เช่น Fibonacci Retracement และ Moving Average นอกจากนี้ การเลือก Timeframe (TF) ที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละ TF จะให้รายละเอียดของคลื่นที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือคำแนะนำในการสังเกตคลื่น Elliott Wave อย่างง่ายๆ และการเลือก TF ที่เหมาะสม:

1. การสังเกตคลื่น Elliott Wave อย่างง่าย
คลื่น 1 (Wave 1):

มักเริ่มต้นจากจุดต่ำสุดหรือสูงสุดของเทรนด์ก่อนหน้า

มักมีแรงซื้อหรือขายที่ค่อยเป็นค่อยไป

คลื่น 2 (Wave 2):

ปรับตัวจากคลื่น 1 แต่ไม่ต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น 1

มักปรับตัวประมาณ 50-61.8% ของคลื่น 1 (ใช้ Fibonacci Retracement ช่วย)

คลื่น 3 (Wave 3):

คลื่นที่แข็งแกร่งที่สุด มักยาวที่สุดและมีปริมาณการซื้อขายสูง

มักมีแรงซื้อหรือขายที่รุนแรงและรวดเร็ว

คลื่น 4 (Wave 4):

ปรับตัวจากคลื่น 3 แต่ไม่ต่ำกว่าจุดสิ้นสุดของคลื่น 1

มักปรับตัวประมาณ 38.2-50% ของคลื่น 3

คลื่น 5 (Wave 5):

คลื่นสุดท้ายของเทรนด์ มักมีแรงซื้อหรือขายที่อ่อนลง

มักไม่ยาวเท่าคลื่น 3

คลื่น A (Wave A):

เริ่มต้นการปรับตัวจากคลื่น 5

มักมีแรงขายหรือซื้อที่ค่อยเป็นค่อยไป

คลื่น B (Wave B):

ปรับตัวขึ้นจากคลื่น A

มักปรับตัวประมาณ 50-61.8% ของคลื่น A

คลื่น C (Wave C):

คลื่นสุดท้ายของการปรับตัว มักยาวที่สุดและมีแรงขายหรือซื้อที่แข็งแกร่ง

2. การเลือก Timeframe (TF) ที่เหมาะสม
TF สูง (Higher Timeframe):

เช่น H4 (4 ชั่วโมง), D1 (1 วัน)

เหมาะสำหรับการวิเคราะห์คลื่นใหญ่ (Higher Degree Waves)

ให้สัญญาณที่แม่นยำกว่า แต่ต้องรอนานกว่าจะเกิดคลื่น

TF ต่ำ (Lower Timeframe):

เช่น M15 (15 นาที), M30 (30 นาที)

เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นและจับคลื่นย่อย (Lower Degree Waves)

มีสัญญาณบ่อยกว่า แต่มีความผันผวนสูง

แนะนำ:

เริ่มต้นด้วย TF สูง (เช่น H4 หรือ D1) เพื่อระบุคลื่นใหญ่

ใช้ TF ต่ำ (เช่น M15 หรือ M30) เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ

3. ขั้นตอนการสังเกตคลื่นอย่างง่าย
ระบุเทรนด์หลัก:

ใช้เส้น Moving Average (MA) เช่น MA 50 หรือ MA 200 เพื่อระบุทิศทางเทรนด์

ระบุคลื่น 1-5:

คลื่น 1: เริ่มต้นเทรนด์ใหม่

คลื่น 2: ปรับตัวจากคลื่น 1

คลื่น 3: คลื่นที่แข็งแกร่งที่สุด

คลื่น 4: ปรับตัวจากคลื่น 3

คลื่น 5: คลื่นสุดท้ายของเทรนด์

ระบุคลื่นปรับตัว A-B-C:

คลื่น A: เริ่มต้นการปรับตัวจากคลื่น 5

คลื่น B: ปรับตัวขึ้นจากคลื่น A

คลื่น C: คลื่นสุดท้ายของการปรับตัว

4. ตัวอย่างการสังเกตคลื่น
ตัวอย่าง 1: คลื่น 3

คลื่น 1: ราคาเริ่มต้นเทรนด์ขาขึ้น

คลื่น 2: ราคาปรับตัวลงประมาณ 50-61.8% ของคลื่น 1

คลื่น 3: ราคาเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งและมีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง

ตัวอย่าง 2: คลื่น C

คลื่น A: ราคาเริ่มต้นปรับตัวลงจากคลื่น 5

คลื่น B: ราคาปรับตัวขึ้นประมาณ 50-61.8% ของคลื่น A

คลื่น C: ราคาเริ่มต้นลงอีกครั้งและมีแรงขายที่แข็งแกร่ง

5. เครื่องมือช่วยวิเคราะห์
Fibonacci Retracement: ใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของคลื่น 2 และคลื่น 4

Moving Average: ใช้เพื่อยืนยันทิศทางของเทรนด์

Volume: ใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของคลื่น 3

6. สรุป
การสังเกตคลื่น Elliott Wave อย่างง่ายต้องอาศัยการฝึกฝนและความเข้าใจในรูปแบบคลื่นพื้นฐาน การเลือก TF ที่เหมาะสมจะช่วยให้การวิเคราะห์คลื่นแม่นยำขึ้น โดยแนะนำให้เริ่มต้นด้วย TF สูงเพื่อระบุคลื่นใหญ่ และใช้ TF ต่ำเพื่อหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์เช่น Fibonacci Retracement และ Moving Average จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการระบุคลื่น
ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 02/03/25 »

การเทรดตามกลยุทธ์ "Elliott Wave" เป็นวิธีการวิเคราะห์ตลาดที่อาศัยทฤษฎีคลื่นของ Ralph Nelson Elliott ซึ่งเชื่อว่าตลาดเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบคลื่น (Wave) ที่สามารถคาดการณ์ได้ โดยคลื่นเหล่านี้ประกอบด้วยคลื่นกระแสหลัก (Impulse Waves) และคลื่นปรับตัว (Corrective Waves) ต่อไปนี้คือขั้นตอนการเทรดตามกลยุทธ์ Elliott Wave:

1. เข้าใจพื้นฐาน Elliott Wave
คลื่นกระแสหลัก (Impulse Waves): ประกอบด้วย 5 คลื่น (Wave 1-5) โดยคลื่น 1, 3, 5 เป็นคลื่นขึ้น ส่วนคลื่น 2 และ 4 เป็นคลื่นปรับตัวลง

คลื่นปรับตัว (Corrective Waves): ประกอบด้วย 3 คลื่น (Wave A, B, C) โดยคลื่น A และ C เป็นคลื่นลง ส่วนคลื่น B เป็นคลื่นขึ้น

2. ขั้นตอนการวิเคราะห์ Elliott Wave
ระบุคลื่น 1-5:

คลื่น 1: เริ่มต้นเทรนด์ใหม่ มักมีแรงซื้อหรือขายที่แข็งแกร่ง

คลื่น 2: ปรับตัวจากคลื่น 1 แต่ไม่ต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น 1

คลื่น 3: คลื่นที่แข็งแกร่งที่สุด มักยาวที่สุดและมีปริมาณการซื้อขายสูง

คลื่น 4: ปรับตัวจากคลื่น 3 แต่ไม่ต่ำกว่าจุดสิ้นสุดของคลื่น 1

คลื่น 5: คลื่นสุดท้ายของเทรนด์ มักมีแรงซื้อหรือขายที่อ่อนลง

ระบุคลื่นปรับตัว A-B-C:

คลื่น A: เริ่มต้นการปรับตัวจากคลื่น 5

คลื่น B: ปรับตัวขึ้นจากคลื่น A

คลื่น C: คลื่นสุดท้ายของการปรับตัว มักยาวที่สุดและมีแรงขายหรือซื้อที่แข็งแกร่ง

3. กลยุทธ์การเทรดตาม Elliott Wave
เทรดตามคลื่นกระแสหลัก (Impulse Waves):

รอให้คลื่น 1 และคลื่น 2 เกิดขึ้น

เปิดออเดอร์ซื้อเมื่อคลื่น 3 เริ่มต้น และตั้ง Stop Loss (SL) ไว้ด้านหลังจุดสิ้นสุดของคลื่น 1

ตั้ง Take Profit (TP) ไว้ที่จุดสิ้นสุดของคลื่น 3 หรือคลื่น 5

เทรดตามคลื่นปรับตัว (Corrective Waves):

รอให้คลื่น A และคลื่น B เกิดขึ้น

เปิดออเดอร์ขายเมื่อคลื่น C เริ่มต้น และตั้ง Stop Loss (SL) ไว้ด้านหลังจุดสิ้นสุดของคลื่น B

ตั้ง Take Profit (TP) ไว้ที่จุดสิ้นสุดของคลื่น C

4. เครื่องมือช่วยวิเคราะห์
Fibonacci Retracement: ใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของคลื่น 2 และคลื่น 4

Moving Average: ใช้เพื่อยืนยันทิศทางของเทรนด์

Volume: ใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของคลื่น 3

5. การจัดการความเสี่ยง
กำหนด Risk-Reward Ratio อย่างน้อย 1:2

ใช้ Stop Loss ทุกครั้งเพื่อป้องกันการขาดทุนใหญ่

ไม่เทรดเกิน 2-3% ของทุนต่อออเดอร์

6. ตัวอย่างการเทรด
ตัวอย่าง 1: เทรดคลื่น 3

ระบุคลื่น 1 และคลื่น 2 บนแผนภูมิ

เปิดออเดอร์ซื้อเมื่อราคาเริ่มต้นคลื่น 3

ตั้ง SL ไว้ด้านหลังจุดสิ้นสุดของคลื่น 1

ตั้ง TP ไว้ที่จุดสิ้นสุดของคลื่น 3 หรือคลื่น 5

ตัวอย่าง 2: เทรดคลื่น C

ระบุคลื่น A และคลื่น B บนแผนภูมิ

เปิดออเดอร์ขายเมื่อราคาเริ่มต้นคลื่น C

ตั้ง SL ไว้ด้านหลังจุดสิ้นสุดของคลื่น B

ตั้ง TP ไว้ที่จุดสิ้นสุดของคลื่น C

7. การทดสอบกลยุทธ์
ทดสอบกลยุทธ์บนบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนนำไปใช้จริง

บันทึกผลการเทรดเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์

สรุป
การเทรดตามกลยุทธ์ Elliott Wave ต้องอาศัยความเข้าใจในทฤษฎีคลื่นและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ควรใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์เช่น Fibonacci Retracement และ Moving Average เพื่อเพิ่มความแม่นยำ นอกจากนี้ การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรด เพื่อป้องกันการสูญเสียทุนในระยะยาว