ข้อความโดย: banrong
« เมื่อ: 24/09/18 »หลายๆคนคงเคยได้ยินประโยคคลาสสิคว่า "ถ้าอยากมีอิสรภาพทางการเงิน ต้องใช้เงินทำงาน ต้องลงทุน" คำถามต่อมาคือจะลงทุนอะไร ซึ่งหลักๆก็หนีไม่พ้นการลงทุนในหุ้น อสังหาฯ ธุรกิจ ฯลฯ ซึ่งผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่คงคุ้นชินกับการลงทุนในหุ้นมากที่สุด ดังนั้นในกระทู้นี้ผมจะพูดเจาะไปที่การลงทุนในหุ้นครับ
ผมเชื่อว่ามีหลายคนอยากทำเงินมากๆจากตลาดหุ้นใช่มั้ยครับ ผมเองก็เป็นคนนึงเหมือนกัน ผมคิดว่าผมเริ่มต้นเหมือนคนส่วนใหญ่นะครับ คือเริ่มหาข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับหุ้น ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ ฟังคลิปในยูทูบ หาบทความอ่าน เข้าสัมมนา ต่างๆนาๆ
จนวันหนึ่งผมรู้ว่าการทำเงินในตลาดหุ้นมีอยู่ 2 แนวทาง นั่นคือ 1.ลงทุนโดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน 2.เก็งกำไร (เรียกอีกอย่างว่าสายเทคนิคอล) ทีนี้ผมก็ศึกษาไปเรื่อยๆ หาแบบที่ตัวเองชอบ ซึ่งสำหรับตัวผมชอบวิธีแรก คือใช้ปัจจัยพื้นฐาน ลงทุนระยะยาว
ต่อมา ผมก็ต้องมาลงลึกว่ากระบวนการลงทุนโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานนั้นมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ซึ่งผมสรุปได้ง่ายๆดังนี้ครับ (มีหลายแบบนะครับ ขึ้นอยู่กับวิธีการนำไปประยุกต์ของแต่ละคนด้วยครับ)
1.ดู megatrend ที่กำลังมา
2.เลือกอุตสาหกรรมขาขึ้น
3.เลือกหุ้นที่คิดว่าใช่
4.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆอย่างแตกฉาน ไม่ว่าจะเป็น อ่านรายงานประจำปี,แบบ 56-1,งบการเงิน ฯลฯ
5.วัดมูลค่าของหุ้นตัวนั้นๆ และเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม
พอรู้ขั้นตอนคร่าวๆแล้วผมก็ลองทำตามทีละขั้นเลยครับ ขั้นที่ 1กับ 2 เนี่ย ไม่ค่อยมีปัญหาครับ (ไม่มีสอนกันนะครับ สำหรับผมใช้การอ่านข่าว ถามผู้รู้ต่างๆ และใช้ประสบการณ์ล้วนๆครับ ใครมีวิธีแนะนำกันได้นะครับ ^^) แต่พอมาถึงขั้นที่ 3 4 และ 5 ผมก็เริ่มงงและสงสัยว่าจะทำยังไงถึงจะหาได้ จึงต้องหาหนังสือมาอ่านมากมายเหมือนเดิม จึงรู้ว่าต้องทำการบ้านเยอะมาก จะอ่านแบบ 56-1 บริษัทนึงบางทีเป็น 60-70 หน้าก็มี เป็น 100-200 หน้าก็มีครับ ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะเจอ 20-30 หน้า พอรับได้ ก็คิด โอ้โห ใครจะไปอ่านไหววะ 55555 จากนั้นต้องดูงบการเงินอีกอะไรอีก เยอะไปหมด แต่ผมก็ตั้งใจว่าจะศึกษาให้ได้ จึงค้นหาว่าแหล่งข้อมูลของแต่ละข้อหาจากไหน
ซึ่งผมพบว่าการศึกษาทั้งหมดต้องใช้เวลานานพอสมควรหากต้องการได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีเยี่ยม อย่างไรก็ตามผมเจอวิธีที่จะร่นระยะเวลาให้เหลือน้อยที่สุดครับ
ผมจึงนำมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านกันนี่ละครับ สรุปให้เห็นกันจะๆไปเลย (อาจมีหลายท่านหาจากแหล่งอื่นนะครับ แบ่งปันกันได้เลยครับ ^^)
1.
อ่านแบบ 56-1 แบบสรุปเข้าใจง่ายๆในหน้าเดียว ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาทีต่อบริษัทเท่านั้นในการสกรีน เพื่อให้เห็นภาพรวมของบริษัทต่างๆ แล้วหากสนใจก็ค่อยไปอ่านแบบ 56-1 ฉบับเต็ม, รายงานประจำปี, งบการเงินต่อไป หรือหากมีหุ้นในใจอยู่แล้วก็สามารถเชคว่าหุ้นที่เราสนใจนั้นดีจริงหรือไม่ได้จากเพจนี้เช่นกันครับ
แหล่งข้อมูล : เพจ "L2B" ผมใช้เพจนี้เป็นตัวเริ่มต้นครับ ประหยัดเวลาได้เยอะจริงๆครับ
ปล.ถึงจะเป็นคนที่เล่นเก็งกำไรระยะสั้นก็สามารถใช้ข้อมูลนี้ให้เกิดประโยชน์ได้นะครับ อย่างน้อยรู้ว่าบริษัททำอะไร ก็ช่วยลดความเสี่ยงไปได้มากขึ้นแล้วครับ
ตัวอย่างข้อมูล :
ดูตัวอย่างกันอีกซัก 1 บริษัท….
ให้ดูตัวอย่างเป็นน้ำจิ้มซัก 2 บริษัทนะครับ ที่เหลือไปดูเอง ^^
เข้าลิ้งค์นี้เลยครับบบ https://www.facebook.com/LookingthroughBMC/
2.การอ่านงบการเงิน/ประเมินมูลค่าหุ้นเบื้องต้น อ่านจากการ์ตูนซึ่งผู้เขียนทำออกมาได้เข้าใจง่ายมากๆ ใช้เวลาอ่านไม่นานเช่นเคย แล้วเมื่อสนใจจริงๆค่อยลงลึกอ่านแบบละเอียดอีกทีครับ
แหล่งข้อมูล : เพจ "ลงทุน หุ้น การเงิน Tactschool ส่งต่อความรู้ทางการเงิน" ผมใช้เพจนี้ในการศึกษาวิธีการอ่านงบการเงินแบบคร่าวๆ ประหยัดเวลาได้มากอีกตามเคยครับ
ปล.เพจนี้ไม่ได้มีแต่วิธีอ่านงบการเงินนะครับ ยังมีหัวเรื่องอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านครับ
ตัวอย่างข้อมูล :
ประมาณนี้นะครับ เอามาให้ประมาณ 6 หน้าจากเกือบ 200 หน้าครับ ลองดูเองละกัน ^^
เข้าลิ้งค์นี้เลยครับบบ https://www.facebook.com/Tactschool/
นอกเหนือจากนั้น การอ่านรายงานประจำปี อ่าน 56-1 ฉบับเต็ม ดูผู้บริหาร ประเมินมูลค่าหุ้นอย่างละเอียด ต้องอาศัยความขยันเท่านั้นครับ อ่านๆๆ และก็อ่านเท่านั้น เพราะสำหรับผม ขั้นตอนการลงทุนนั้นไม่มีแบบไหนที่ตายตัวหรอกนะครับ ทุกๆอย่างเกิดจากการสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ รวมถึงจิตวิทยาในการลงทุนด้วยครับ
ดังนั้นหลายคนก็อาจจะอยากรู้อีกว่า ถ้าอยากอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น จะอ่านเล่มไหนดี ต่อไปนี้คือหนังสือน่าอ่านที่ช่วยเพิ่มความรู้และประสบการณ์ได้ครับ (และเช่นเคยครับ นี่คือความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ใครคิดว่าเล่มไหนดีๆ แบ่งปันกันได้เลยนะครับ ไม่มีใครรู้ดีหมดทุกอย่างหรอกครับ ^^)
หนังสือน่าอ่าน :
1.
ลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ The New Buffettology
ผู้เขียน Marry Buffett (แมรี่ บัพเฟ็ตต์),David Clark (เดวิด คลาร์ค)
ผู้แปล พรชัย รัตนนนทชัยสุข
2.
The intelligent investor
ผู้เขียน Benjamin Graham (เบนจามิน เกรแฮม)
ผู้แปล พรชัย รัตนนนทชัยสุข
3.
เหนือกว่าวอลสตรีท : One Up On Wall Street
ผู้เขียน Peter Lynch (ปีเตอร์ ลินซ์),John Rothchild
ผู้แปล ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
4.
ลงทุนอย่าง...ปีเตอร์ ลินช์ : Beating the Street
ผู้เขียน Peter Lynch,John Rothchild
ผู้แปล พรชัย รัตนนนทชัยสุข
5.
ตีแตก : กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต
ผู้เขียน ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
6.
กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ และอีกเล่ม วิถีแห่งเซียน หุ้นห่านทองคำ
ผู้เขียน เทพ รุ่งธนาภิรมย์
ปล. สองเล่มนี้ไม่น่าจะมีขายแล้วนะครับ แต่มีการพิมพ์ใหม่เป็น 4 เล่ม ดังนี้ครับ
แล้วก็จะมี ซีรี่ส์ “คัมภีร์หุ้นห่านทองคำ” เล่ม 1-6 อีกครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเนื้อหาข้างในมันซ้ำหรือเปล่า หรือยังไง ใครทราบรบกวนบอกหน่อยนะครับ ^^ หน้าปกแบบนี้ครับ
นี่ก็คือหนังสือเล่มหลักๆที่ผมชอบเป็นพิเศษนะครับ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเล่มที่ผมอ่านแล้วก็คิดว่าดี แต่จะให้แนะนำกันก็คงจะแนะนำไม่ไหวนะครับ เพราะมันก็ดีหลายเล่มเลย นอกจากนี้ในร้านหนังสือก็ยังมีอีกหลายเล่มมากๆที่ผมยังไม่เคยอ่าน อาจจะดีมากๆก็ได้ ต้องศึกษาต่อไปเรื่อยๆครับ การศึกษาไม่มีวันสิ้นสุดนะครับ
จะเห็นว่า การจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องทุ่มเทเวลา อดทน และมีหลายปัจจัยด้วยกันถึงจะสำเร็จนะครับ ขอย้ำว่ามันต้องใช้เวลานะครับ แต่อย่างน้อยถ้าเริ่มต้นจากแหล่งข้อมูลที่ผมแนะนำไป ก็จะช่วยประหยัดเวลาให้ทุกท่านได้อย่างแน่นอนครับ
ผมเชื่อว่ามีหลายคนอยากทำเงินมากๆจากตลาดหุ้นใช่มั้ยครับ ผมเองก็เป็นคนนึงเหมือนกัน ผมคิดว่าผมเริ่มต้นเหมือนคนส่วนใหญ่นะครับ คือเริ่มหาข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับหุ้น ไม่ว่าจะเป็นอ่านหนังสือ ฟังคลิปในยูทูบ หาบทความอ่าน เข้าสัมมนา ต่างๆนาๆ
จนวันหนึ่งผมรู้ว่าการทำเงินในตลาดหุ้นมีอยู่ 2 แนวทาง นั่นคือ 1.ลงทุนโดยใช้ปัจจัยพื้นฐาน 2.เก็งกำไร (เรียกอีกอย่างว่าสายเทคนิคอล) ทีนี้ผมก็ศึกษาไปเรื่อยๆ หาแบบที่ตัวเองชอบ ซึ่งสำหรับตัวผมชอบวิธีแรก คือใช้ปัจจัยพื้นฐาน ลงทุนระยะยาว
ต่อมา ผมก็ต้องมาลงลึกว่ากระบวนการลงทุนโดยใช้ปัจจัยพื้นฐานนั้นมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ซึ่งผมสรุปได้ง่ายๆดังนี้ครับ (มีหลายแบบนะครับ ขึ้นอยู่กับวิธีการนำไปประยุกต์ของแต่ละคนด้วยครับ)
1.ดู megatrend ที่กำลังมา
2.เลือกอุตสาหกรรมขาขึ้น
3.เลือกหุ้นที่คิดว่าใช่
4.ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นๆอย่างแตกฉาน ไม่ว่าจะเป็น อ่านรายงานประจำปี,แบบ 56-1,งบการเงิน ฯลฯ
5.วัดมูลค่าของหุ้นตัวนั้นๆ และเข้าซื้อในราคาที่เหมาะสม
พอรู้ขั้นตอนคร่าวๆแล้วผมก็ลองทำตามทีละขั้นเลยครับ ขั้นที่ 1กับ 2 เนี่ย ไม่ค่อยมีปัญหาครับ (ไม่มีสอนกันนะครับ สำหรับผมใช้การอ่านข่าว ถามผู้รู้ต่างๆ และใช้ประสบการณ์ล้วนๆครับ ใครมีวิธีแนะนำกันได้นะครับ ^^) แต่พอมาถึงขั้นที่ 3 4 และ 5 ผมก็เริ่มงงและสงสัยว่าจะทำยังไงถึงจะหาได้ จึงต้องหาหนังสือมาอ่านมากมายเหมือนเดิม จึงรู้ว่าต้องทำการบ้านเยอะมาก จะอ่านแบบ 56-1 บริษัทนึงบางทีเป็น 60-70 หน้าก็มี เป็น 100-200 หน้าก็มีครับ ถ้าโชคดีหน่อยก็อาจจะเจอ 20-30 หน้า พอรับได้ ก็คิด โอ้โห ใครจะไปอ่านไหววะ 55555 จากนั้นต้องดูงบการเงินอีกอะไรอีก เยอะไปหมด แต่ผมก็ตั้งใจว่าจะศึกษาให้ได้ จึงค้นหาว่าแหล่งข้อมูลของแต่ละข้อหาจากไหน
ซึ่งผมพบว่าการศึกษาทั้งหมดต้องใช้เวลานานพอสมควรหากต้องการได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีเยี่ยม อย่างไรก็ตามผมเจอวิธีที่จะร่นระยะเวลาให้เหลือน้อยที่สุดครับ
ผมจึงนำมาเขียนให้ทุกท่านได้อ่านกันนี่ละครับ สรุปให้เห็นกันจะๆไปเลย (อาจมีหลายท่านหาจากแหล่งอื่นนะครับ แบ่งปันกันได้เลยครับ ^^)
1.
อ่านแบบ 56-1 แบบสรุปเข้าใจง่ายๆในหน้าเดียว ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาทีต่อบริษัทเท่านั้นในการสกรีน เพื่อให้เห็นภาพรวมของบริษัทต่างๆ แล้วหากสนใจก็ค่อยไปอ่านแบบ 56-1 ฉบับเต็ม, รายงานประจำปี, งบการเงินต่อไป หรือหากมีหุ้นในใจอยู่แล้วก็สามารถเชคว่าหุ้นที่เราสนใจนั้นดีจริงหรือไม่ได้จากเพจนี้เช่นกันครับ
แหล่งข้อมูล : เพจ "L2B" ผมใช้เพจนี้เป็นตัวเริ่มต้นครับ ประหยัดเวลาได้เยอะจริงๆครับ
ปล.ถึงจะเป็นคนที่เล่นเก็งกำไรระยะสั้นก็สามารถใช้ข้อมูลนี้ให้เกิดประโยชน์ได้นะครับ อย่างน้อยรู้ว่าบริษัททำอะไร ก็ช่วยลดความเสี่ยงไปได้มากขึ้นแล้วครับ
ตัวอย่างข้อมูล :
ดูตัวอย่างกันอีกซัก 1 บริษัท….
ให้ดูตัวอย่างเป็นน้ำจิ้มซัก 2 บริษัทนะครับ ที่เหลือไปดูเอง ^^
เข้าลิ้งค์นี้เลยครับบบ https://www.facebook.com/LookingthroughBMC/
2.การอ่านงบการเงิน/ประเมินมูลค่าหุ้นเบื้องต้น อ่านจากการ์ตูนซึ่งผู้เขียนทำออกมาได้เข้าใจง่ายมากๆ ใช้เวลาอ่านไม่นานเช่นเคย แล้วเมื่อสนใจจริงๆค่อยลงลึกอ่านแบบละเอียดอีกทีครับ
แหล่งข้อมูล : เพจ "ลงทุน หุ้น การเงิน Tactschool ส่งต่อความรู้ทางการเงิน" ผมใช้เพจนี้ในการศึกษาวิธีการอ่านงบการเงินแบบคร่าวๆ ประหยัดเวลาได้มากอีกตามเคยครับ
ปล.เพจนี้ไม่ได้มีแต่วิธีอ่านงบการเงินนะครับ ยังมีหัวเรื่องอีกมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านครับ
ตัวอย่างข้อมูล :
ประมาณนี้นะครับ เอามาให้ประมาณ 6 หน้าจากเกือบ 200 หน้าครับ ลองดูเองละกัน ^^
เข้าลิ้งค์นี้เลยครับบบ https://www.facebook.com/Tactschool/
นอกเหนือจากนั้น การอ่านรายงานประจำปี อ่าน 56-1 ฉบับเต็ม ดูผู้บริหาร ประเมินมูลค่าหุ้นอย่างละเอียด ต้องอาศัยความขยันเท่านั้นครับ อ่านๆๆ และก็อ่านเท่านั้น เพราะสำหรับผม ขั้นตอนการลงทุนนั้นไม่มีแบบไหนที่ตายตัวหรอกนะครับ ทุกๆอย่างเกิดจากการสั่งสมความรู้ ประสบการณ์ รวมถึงจิตวิทยาในการลงทุนด้วยครับ
ดังนั้นหลายคนก็อาจจะอยากรู้อีกว่า ถ้าอยากอ่านหนังสือเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น จะอ่านเล่มไหนดี ต่อไปนี้คือหนังสือน่าอ่านที่ช่วยเพิ่มความรู้และประสบการณ์ได้ครับ (และเช่นเคยครับ นี่คือความเห็นส่วนตัวเท่านั้น ใครคิดว่าเล่มไหนดีๆ แบ่งปันกันได้เลยนะครับ ไม่มีใครรู้ดีหมดทุกอย่างหรอกครับ ^^)
หนังสือน่าอ่าน :
1.
ลงทุนอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ The New Buffettology
ผู้เขียน Marry Buffett (แมรี่ บัพเฟ็ตต์),David Clark (เดวิด คลาร์ค)
ผู้แปล พรชัย รัตนนนทชัยสุข
2.
The intelligent investor
ผู้เขียน Benjamin Graham (เบนจามิน เกรแฮม)
ผู้แปล พรชัย รัตนนนทชัยสุข
3.
เหนือกว่าวอลสตรีท : One Up On Wall Street
ผู้เขียน Peter Lynch (ปีเตอร์ ลินซ์),John Rothchild
ผู้แปล ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
4.
ลงทุนอย่าง...ปีเตอร์ ลินช์ : Beating the Street
ผู้เขียน Peter Lynch,John Rothchild
ผู้แปล พรชัย รัตนนนทชัยสุข
5.
ตีแตก : กลยุทธ์การเล่นหุ้นในภาวะวิกฤต
ผู้เขียน ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
6.
กลยุทธ์หุ้นห่านทองคำ และอีกเล่ม วิถีแห่งเซียน หุ้นห่านทองคำ
ผู้เขียน เทพ รุ่งธนาภิรมย์
ปล. สองเล่มนี้ไม่น่าจะมีขายแล้วนะครับ แต่มีการพิมพ์ใหม่เป็น 4 เล่ม ดังนี้ครับ
แล้วก็จะมี ซีรี่ส์ “คัมภีร์หุ้นห่านทองคำ” เล่ม 1-6 อีกครับ แต่ผมไม่รู้ว่าเนื้อหาข้างในมันซ้ำหรือเปล่า หรือยังไง ใครทราบรบกวนบอกหน่อยนะครับ ^^ หน้าปกแบบนี้ครับ
นี่ก็คือหนังสือเล่มหลักๆที่ผมชอบเป็นพิเศษนะครับ อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายเล่มที่ผมอ่านแล้วก็คิดว่าดี แต่จะให้แนะนำกันก็คงจะแนะนำไม่ไหวนะครับ เพราะมันก็ดีหลายเล่มเลย นอกจากนี้ในร้านหนังสือก็ยังมีอีกหลายเล่มมากๆที่ผมยังไม่เคยอ่าน อาจจะดีมากๆก็ได้ ต้องศึกษาต่อไปเรื่อยๆครับ การศึกษาไม่มีวันสิ้นสุดนะครับ
จะเห็นว่า การจะลงทุนให้ประสบความสำเร็จนั้นต้องทุ่มเทเวลา อดทน และมีหลายปัจจัยด้วยกันถึงจะสำเร็จนะครับ ขอย้ำว่ามันต้องใช้เวลานะครับ แต่อย่างน้อยถ้าเริ่มต้นจากแหล่งข้อมูลที่ผมแนะนำไป ก็จะช่วยประหยัดเวลาให้ทุกท่านได้อย่างแน่นอนครับ