ตอบ

Warning: this topic has not been posted in for at least 120 days.
Unless you're sure you want to reply, please consider starting a new topic.
ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

กันการสแปม
คำว่า "การท่องเที่ยว" มีตัว "ท" อยู่ทั้งหมดกี่ตัว (ตอบเป็นตัวเลข)


shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 17/12/18 »

ทำงานอบรมเรื่องสร้างวินัยเชิงบวกมาค่ะ

สั้นๆเลย

1 เด็กที่ก้าวร้าว ดื้อ คือ เด็กที่รู้สึกว่าไม่ได้รับความรัก ความสนใจพอ หรือ อย่างเหมาะสม

2 ถ้าพ่อ แม่ ปล่อยให้เด็กก้าวร้าวใส่ แล้วไม่มีผลอะไรต่อ คือ แม่ก็ยังให้ตัง ให้ขนม ให้ไปเที่ยวเหมือนเดิม แบบนี้ เด็กจะเรียนรู้ว่า ขนาดพ่อ แม่ ยังทำอะไรชั้นไม่ได้เลย

3 การลงโทษแบบพ่อแม่บ่น ด่า ตี โมโห ในสายตาเด็ก เค้าเห็นสองสิ่ง คือ พ่อแม่ชั้นควบคุมอารมณ์ตัวเองยังไม่ได้เลย และ ชั้นยั่วโมโหพ่อแม่ได้ตลอดเมื่อต้องการ

4 ถ้าพ่อบังคับให้ลูกพูดดีๆไม่ได้ ก็จงหาสิ่งที่คุณควบคุมได้แทน เช่น ถ้าตะโกนใส่พ่อ ทุกครั้งคือ การถูกงดเล่นเกม ห้านาที คุณไม่ต้องต่อล้อต่อเถึยงกับลูก นับไปเลยค่ะ พูดหยาบคายหนึ่งคำ เท่ากับงดดูทีวีห้านาที หรือ อะไรก็ได้ที่ลูกชอบ

ทำมาแล้ว ได้ผลเลยสอนต่อค่ะ หาหลักสูตร วินัยเชิงบวก นะคะ

ดิฉันทำงานกับอาจารย์คนไทยที่ไปอบรมเรื่องนี้ให้เมืองนอก เมืองนา

เลยอยากแบ่งปันด้วยใจจริง เป็นพ่อแม่คน คือ งานทั้งชีวิต สู้ๆค่ะ
ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 17/12/18 »

1.การที่ลูกมีพฤติกรรมก้าวร้าว เกิดจากการเรียนรู้ ลูกได้เห็นพฤติกรรมเช่นนี้เรื่อยๆ เช่นพ่อแม่ทะเลาะกัน แม่ต่อว่าพ่อรุนแรง และใช้อารมณ์ต่อว่าลูกทั้งที่แม่หวังดีแต่เมื่อเด็กได้ยินได้เห็นพฤติกรรมเช่นนี้เป็นประจำเด็กก็เกิดการเอ็นตี้พฤติกรรมของแม่ เด็กจึงแสดงพฤติกรรมเช่นนี้ให้แม่เห็นว่าแม่ทำได้เขาก็ทำได้  (เป็นกรณียกตัวอย่างไม่ใช่ว่าต้องเป็นแม่ อาจจะเป็นคนใกล้ตัว หรือเพื่อนที่โรงเรียนที่ทำกับเขาแล้วเขาไม่ชอบ)

2. ให้ตรวจสอบหรือแอบสอบถามจากเพื่อนๆผู้หญิง และเพื่อนผู้ชายถึงเพื่อนๆในห้อง หรือรุ่นพี่มีใครรังแกเขาหรือไม่ หรืออาจจะเป็นคุณครูที่ลำเอียงเลือกที่รัก มักที่ชัง ทำให้เขารู้สึกถูกทอดทิ้ง พูดอะไรทำอะไรไม่ได้ มีคนแกล้งมีคนว่าตลอด เลยทำให้ไม่อยากไปโรงเรียน ถ้าเป็นเช่นนี้ต้องย้ายโรงเรียนค่ะ หรือไม่ก็ต้องขอโรงเรียนย้ายห้องไปก่อน พอปิดภาคเรียนแล้วค่อยย้ายโรงเรียน มิเช่นนั้นอาจจะสายไปถ้าลูกคุณตัดสินใจทำอะไรที่คุณคาดไม่ถึง

3. วิธีแก้ความก้าวร้าว ในขณะที่เขากำลังแสดงความก้าวร้าว ให้พยายามเปลี่ยนเรื่องหรือสร้างจุดสนใจอย่างอื่นแทนสิ่งที่เขากำลังโมโห เพื่อดึงความสนใจไปเรื่องอื่น โดยคุณต้องสงบนิ่งให้มากที่สุด  หากไม่ได้ผลให้กอดเขาไว้แล้วพาเขาไปอยู่ในห้อง ให้เขาสงบสติอารมณ์คนเดียวแต่อย่าใหเขาล็อคห้อง

4. พยายามหากิจกรรมระหว่างครอบครัว เช่นออกไปปั่นจักรยานเล่นที่สวน พาเขาไปเรียนดนตรี สมัครเล่นกีฬา เพื่อให้เขาเบี่ยงเบนสิ่งที่เขาเห็นและทำประจำเป็นอย่างอื่น เป็นการเปลี่ยนพฤติกรรมเขา

5. เวลานอนให้นอนกับลูกชาย เวลาที่เขานิ่งเงียบตอนนอน เอาเขามากอดไว้ หอมแก้มเขาบ้าง กอดเขาบ้าง บอกรักเขา บอกให้เขารู้ว่าแม่รักเขามาก พูดให้เขาฟังบ้างว่า ตอนลูกอยู่ในท้องแม่ ลูกยืดเท้าออกมาที่ท้องแม่ตรงนี้ ปูดออกมาเลย เป็นการชวนคุยเล่นแต่แฝงไปด้วยความรู้สึกที่แม่รักลูกถึงมีลูกจนถึงทุกวันนี้ คุยวันละนิดละหน่อย แล้วลูกจะมีคำถามเอง    เมื่อมีโอกาสก็ให้คุยเกี่ยวกับเรื่องที่ลูกอารมณ์เสียเมื่อวันก่อน ว่าแม่พูดแบบนี้ทำไมลูกต้องโมโหมากขนาดนั้น ลูกต้องฝึกต้วเองให้ใจเย็นลงนะลูก ถ้าลูกพยายามแม่ก็จะพยายาม แล้วครอบครัวเราจะมีความสุขมากกว่านี้ หรือจะพูดว่าแม่เป็นคนโมโหง่าย แม่อยากให้ลูกช่วยแม่ว่าอย่าทำแบบนั้นกับแม่ เพราะมันทำให้แม่โมโหมากขึ้น ลูกต้องควบคุมตัวเองให้ได้แล้วแม่ก็จะพยายามด้วยเป็นต้น

6.มีเวลานั่งทานอาหารร่วมโต๊ะกัน พูดคุยเรื่องที่โรงเรียน และปัญหาการเรียนต่างๆ จำไว้ว่าต้องการให้ลูกคิดบวก เราต้องพูดคิดบวกด้วย เช่นลูกบอกเพื่อนคนนั้นแกล้งอย่างนั้นอย่างนี้ เราต้องพูดเชิงบวกโดยไม่ติลูกเราว่าก็เพราะลูกทำอย่างนั้นพูดแบบนี้เขาก็โกรธสิ (ซึ่งมันเป็นความจริงเด็กอาจจะไม่อยากรับก็จะโมโห)  เราจึงต้องเปลี่ยนเป็นว่า เพื่อนไม่น่าทำแบบนี้เลยทำให้ลูกต้องพูดแบบนั้นมันก็เลยทำให้ไม่พอใจกันมากขึ้น คราวหน้าหน้าจะลองพูดแบบนี้ทำแบบนั้นดีมั๊ย แต่ที่สำคัญมีอะไรก็ต้องบอกคุณครู ถ้าครูไม่ช่วย โรงเรียนไม่ทำอะไรแม่จะย้ายโรงเรียนให้ลูกนะ

สุดท้ายนี้ อยากจะฝากถึงผู้ปกครองทุกท่านว่า โรงเรียนดี เด็กก็ดีมันก็จริง แต่โรงเรียนที่ไม่ได้โดดเด่นอาจจะเป็นโรงเรียนที่เหมาะกับลูกเราก็ได้เพราะเขามีความสุขที่จะไปโรงเรียน ฉะนั้นอย่าบังคับลูกให้ไปโรงเรียนที่ลูกไม่อยากไปเลยค่ะ เพราะคุณไม่รู้ว่าที่โรงเรียนมีอะไรที่เขาไม่ชอบ บางทีการเรียนหนักเกินไปทำให้เด็กเบื่อเรียน แล้วเรียนไม่ทัน ทำให้เด็กน้อยใจ ทุกข์ใจ ก็เปลี่ยนพฤติกรรมลูกเราได้ จึงถือว่าโรงเรียนดีโรงเรียนสอนเด็กเรียนมากๆ ก็ไม่ใช่โรงเรียนที่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับลูกเราเสมอไปค่ะ

โชคดีนะค่ะ ขอให้มีความสุขทุกคน
ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 17/12/18 »

ผมไม่เห็นด้วยกับคุณความเห็น2 นะครับ

เด็กวัยนี้ใจใหญ่ ความคิดยังคับแคบ ทั้งเข้าข้างตัวเองและเพื่อนกลุ่มสนิท
สังคมโรงเรียนสำคัญเหนือกว่าที่บ้าน
เพราะถ้าได้รับการยอมรับที่โรงเรียนจะเท่ากับมีคนจำนวนมาก(กว่าที่บ้านยอมรับ) และได้ประโยชน์มากกว่าที่บ้าน
(เพราะยังไงพ่อแม่ก็ต้องเลี้ยงดูอยู่แล้ว)

ถ้าจะเลี้ยงให้ลูกยังเป็นลูกเรา อย่าใช้วิธีตาต่อตา ฟันต่อฟันครับ เลี้ยงแบบนี้จะได้ศัตรูคู่เวรครับ
เขาจะคิดตลอดไปว่าพ่อแม่ไม่มีวันเข้าใจเขา ไม่เคยเข้าใจเขา ไม่ฟังเขา (ผมบอกแล้วเด็กวัยนี้เข้าข้างตัวเองและเพื่อนก่อนครับ)
เขาจะคิดถึงพ่อแม่เป็นอย่างสุดท้ายครับแบบนี้ ถ้าเขามีเรื่องเดือดร้อน

การเริ่มต้นที่ผิดคือ ตอนลูกเล็กๆชอบตีลูก คุณตีมานานแค่ไหนแล้วครับ ถ้าตีมาหลายปี
แล้วจะให้แก้ปัญหานี้รวดเร็วทันใจได้อย่างไรครับ?

ส่วนวิธีแก้นั้นไม่มีวิธีที่ตายตัว

ในความเห็นผมนะครับ
ลองเปรียบเทียบว่าตอนนี้ลูกคุณมองพ่อแม่เป็นคนนอก มองแง่ลบ(เพราะฝังใจจากการถูกตี)
เป็นคนนอกเพราะ "ไม่เข้าใจอะไรเลย เอาแต่ตี เอาแต่สั่ง"

แล้วคุณก็ลองนึกกลับกันครับ
เป็นคุณบ้าง ถ้าคนที่เคยทำแบบนี้กับคุณอยู่ๆวันหนึ่งเปลี่ยนมาพูดดีไม่ตีแล้ว
จะให้เชื่ออะไรได้ง่ายๆครับในเมื่อทุกอย่างเป็นลบ

คุณลองนึกดูว่าคุณแสดงออกกิริยาแบบไหนเพื่อพิสูจน์ความตั้งใจ?
คุณต้องอดทนควบคุมตนเป็นระยะเวลานานแค่ไหนเพื่อกระทำ?
คุณต้องรอ"ฉวยโอกาส"นั้นไว้อย่างจดจ่อ...
และคุณต้องทำมันตลอดไป...

เปรียบเทียบหยาบๆเหมือนพวกขายตรง ขายประกันก็พอถูไถ
ต้องเทียวไล้เทียวขื่อนานแค่ไหนคุณถึงจะซื้อ
ต้องสังเกตนานแค่ไหนถึงชักจูงหว่านล้อมได้ว่า ใครในบ้านมีโอกาสจะป่วยเป็นโรคอะไร
จะได้ฉวยไว้ขายอาหารเสริมกับประกันสุขภาพ
ทำยังไงให้คุณเชื่อว่า ตั้งใจมาเป็นมิตรกับคุณ ไม่ได้อยากได้เงินของคุณเป็นสำคัญ


สำหรับพ่อแม่
เราก็ตั้งใจเป็นมิตรกับลูก ให้ลูกมีอิสรภาพทางความคิด และการกระทำตามกรอบศีลธรรมและกฎหมาย
อะไรที่ได้ดุด่าว่ากล่าวฟาดตีไปก็เป็นเพราะต้องการให้ลูกได้รับการยอมรับในสังคมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
ไม่เคยอยากให้ลูกมาเป็นทาสรับฟังคำสั่ง หรือให้ลูกมาทดแทนเลี้ยงดูตอนแก่

บอกกล่าวเขาด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดก้องกังวานครับ(แนวๆเสียงเวลาใช้ปราศรัย)
ไม่ตะเบ็ง ตะคอก


แนะนำ จขกท.ไปตั้งที่ห้องสยามสแควร์นะครับ
แท็ก สุขภาพจิต สวนลุมด้วยก็ได้

ลองถามว่าหนูๆวัยรุ่นเขาอยากได้อะไรจากพ่อแม่กันครับ

หรือลองเสริช์คีย์เวิร์ดประเภท "เบื่อแม่ชอบตี" "ทำไมแม่บ่นตลอด" "เกลียดพ่อแม่" "ทำไมแม่ถึงเข้าใจ"ฯลฯ

ปัญหาโลกแตกครับ ทุกประเทศมีหมด

ยิ่งประเทศพัฒนาแล้วก็มีเยอะมากนะครับ
"อยากให้พ่อแม่ตาย"ยังมีเลยครับ


ที่ญี่ปุ่นปัญหากับพ่อแม่นี้ก็เยอะครับ

เป็นกำลังใจให้นะครับ

เราทุกคนต่างก็พยายามจะเป็นพ่อแม่ที่ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะพยายามได้นะครับ

แล้วก็อีกเรื่องหนึ่ง...เกี่ยวกับคุณในวัยเด็กด้วยนะครับว่าเป็นอย่างไร
คุณได้รับการเลี้ยงดูมาอย่างไร ที่จะส่งผลให้คุณเลี้ยงลูกอย่างไร
อันนี้ผมก็แนะเผื่อๆไว้นะครับ เพราะเคยอ่านหนังสือจิตวิทยาเด็กมา