ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 28/08/21 »11 เมืองท่องเที่ยว สวิตเซอร์แลนด์ เมืองในฝันที่ สวิส ครั้งหนึ่งในชีวิตต้องไปสัมผัส
Switzerland เป็นประเทศที่หลายๆ คนฝันอยากจะไปท่องเที่ยว สัมผัสกับความงดงามด้วยตาของตัวเองสักครั้ง หากกำลังวางแผนจะไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนแล้วล่ะก็ วันนี้เราขอแนะนำ 11 เมืองในสวิส ที่ไม่ควรพลาดมาฝากกัน !
เมืองไหนสวย เที่ยวไหนดี ในสวิตเซอร์แลนด์?
1. (Lauterbrunnen)
หมู่บ้านในรัฐเบิร์นของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อ (Lauterbrunnen) แปลว่า Many Fountains ซึ่งเป็นการบ่งบอกให้เห็นถึงทิวทัศน์ของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะมีน้ำตกเยอะถึง 72 แห่งในหุบเขา และยังมีน้ำตกที่สูงที่สุดในยุโรปด้วย นั้นคือน้ำตก Staubbach ที่ดิ่งลงมาจากหน้าผาเกือบ 300 เมตร เลยทีเดียว
Lauterbrunnen เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบตั้งอยู่กลางหุบเขาสูงชัน อยู่ลึกเข้ามาจากเมืองอินเทอร์ลาเคินราว 12 กิโลเมตร ที่นี้ยังเป็นทางผ่านไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในแถบเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่ต้องมา!
2. (Fribourg)
เมืองเล็กๆ ที่เก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ระหว่างทางไปเมืองโลซาน เป็นเมืองแห่งปราสาท สามารถแวะถ่ายรูปได้หลายจุด ไฮไลท์ของเมืองนี้คือ Zaehringen Bridge เป็นสะพานเก่าแก่ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำซารีน
ฟรีบูรก์ เมืองที่ถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำซารีน โดย 2 ฝั่งแม่น้ำจะพูดกันคนละภาษา คือ สวิส-ฝรั่งเศส และสวิส-เยอรมัน หมู่บ้านนี้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นยุคกลาง ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม มีเสน่ห์ และมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามอีกด้วย
3. (Zermatt)
เป็นเมืองเล็กน่ารักมีขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถเดินเที่ยว และเดินถ่ายรูปชิคๆ ได้แบบไม่เหนื่อย ถนนสายหลักอย่าง Bahnhof strasse ซึ่งแปลได้ว่า ถนนแถวสถานีรถไฟ ตั้งชื่อตรงตัว เพราะเป็นถนนที่ทอดตรงมาจากสถานีรถไฟของเมืองนั่นเอง
บ้านเรือนที่นี่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นชาวสวิสแบบดั้งเดิมไว้ด้วย ที่สำคัญถ้าเอ่ยถึงเมืองนี้ก็ต้องนึกถึงจุดชมวิว Matterhorn ยอดเขารูปทรงพีรามิดที่อยู่ในหมู่เทือกเขาแอลป์ ซึ่งที่นี่จะทำให้เราสนุกไปกับการเล่นสกีหิมะ รับรองฟินแน่นอน
4. (Interlaken)
อยู่ระหว่าง 2 ทะเลสาบ คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ และทะเลสาบทูน เมืองนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า และทะเลสาบ อีกทั้งยังเป็นทางขึ้นยอดเขาธารน้ำแข็งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงเป็นสถานที่ยอดฮิตของคนที่รักการเล่นสกี
นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นยอดเขา 3แห่ง คือ ยอดเขาจุงฟราวน์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดมีความสูงถึง 4,158 เมตร ยอดเขามอนซ์ และยอดเขาอีเกอร์ แถบนี้จึงมีอากาศบริสุทธิ์ และสวยงามเกินคำบรรยาย ไม่แปลกที่จะเรียกว่า “สวยเหมือนเมืองในฝัน” ยังไงยังงั้นเลย
5. (Geneva)
เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศรองจากเมืองซูริค ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นเมืองนานาชาติ ก็เพราะประชากรถึง 1 ใน 3 ล้วนเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานในองค์กรสำคัญๆ ที่ตั้งอยู่ ณ เจนีวาทั้งสิ้น เช่น องค์การสหประชาชาติ (UN), คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงินของโลกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เจนีวา ก็ไม่ได้มีแค่สถานที่สำคัญด้านองค์กรต่างๆ เท่านั้น แต่ยังมีที่เที่ยวแลนด์มาร์คน่าสนใจที่แขกไปใครมาก็ต้องแวะหลายแห่ง เช่น ทะลสาบเจนีวา ชมน้ำพุเจ็ดโด (Jet d’eau) น้ำพุยักษ์ที่มีความสูงถึง 140 เมตร ย่านเมืองเก่าเจนีวา (Old Town) ที่ให้คุณได้เดินเล่นสัมผัสบรรยากาศบ้านเรือนเก่าแก่แบบโรมัน รวมไปถึงแวะชิมชีสฟองดูว์ที่โรงแรม Edelweiss หนึ่งในร้านอาหารดั้งเดิมของเจนีวา
6. (Lausanne)
อีกหนึ่งเมืองเล็กน่ารักริมทะเลสาบใน สวิตเซอร์แลนด์ ที่คนไทยน่าจะคุ้นหูกับชื่อของเมืองนี้เป็นอย่างดี ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ยังใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก
โลซานน์ยังเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิคสากล หรือ IOC และมีพิพิธภัณฑ์โอลิมปิคตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวาด้วย จึงทำให้เมืองโลซานน์ได้รับการขนานนามว่า “เมืองหลวงแห่งโอลิมปิค” ด้วยนะ
7. (Bern)
เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ หรือเมืองหมีนั่นเอง (คำว่า Bern แปลว่า Bear หรือหมีนั่นเอง) ซึ่งเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่งดงาม น่าหลงใหลที่สุดของสวิสเลยก็ว่าได้
เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองหลวง จึงมีความเจริญตามสไตล์ศุนย์กลางประเทศ และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ที่ทำให้กรุงเบิร์นขึ้นชื่อจริงๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเขต Old Town หรือเขตเมืองโบราณยุคกลางที่สวยงาม และสมบูรณ์ เป็นสถานที่ที่ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์น่าค้นหา ฟินไปกับการเดินชมวิวเมืองเพลินๆ จนลืมเหนื่อยกันเลยที่เดียว
8. (Montreux)
ที่สุดของเมืองตากอากาศของสวิสที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดริมทะเลสาบเจนีวา ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางที่โรมันใช้สัญจรผ่าน ใครที่อยากสัมผัสความเนิบช้า เที่ยวพักผ่อนแบบไม่เร่งรียจะถูกใจเมืองนี้เป็นพิเศษ
ที่มงเทรอซ์นี้แม้ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรให้ทำมากมายเท่าเมืองใหญ่อื่นๆ แต่การได้เดินเล่นริมทะเลสาบ ล่องเรือชมบรรยากาศ แวะชมปราสาทชิลยอง (Chillon Castle / Château de Chillon) ที่มีประวัติยาวนานมาเกือบ 1,000 ปี รับรองว่าได้ชาร์จความเมื่อยล้าเป็นปลิดทิ้งจากที่นี่แน่นอน
9. (Lucerne)
อีกหนึ่งหัวเมืองโบราณของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความเจริญมาก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เพราะการติดต่อค้าขายกับอิตาลี ตัวเมือง Lucerne นั้นเคยถูกนำไปขายให้กับราชสำนักฮับสบูรก์ของออสเตรียในปี คอ(ศอ) 1291 ด้วย แต่ได้กลับคืนมาอยู่ในมณฑลเดิมในปี คอ(ศอ) 1332
Lucerne นั้นมีที่เที่ยวเก่าแก่โบราณอยู่มากมาย แต่ที่โด่งดังมากที่สุดเห็นจะเป็น สะพานไม้ซาเปล สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุเกือบ 700 ปี ทอดข้ามแม่น้ำรอยส์จากสถานีรถไฟไปสู่ฝั่งเมืองเก่า มีหลังคาที่มุงแบบโบราณ เชื่อมต่อไปถึงป้อมแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่กลางน้ำ ที่แต่ก่อนเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและเก็บเอกสารรวมทั้งของมีค่าของเมือง อีกสถานที่สำคัญก็คือ ทะเลสาบ Lucerne ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ด้วย รอบๆ ทะเลสาบนั้นก็มีเส้นทางการเดินป่ามากมาย รวมทั้งเส้นทางขี่จักรยานพื้นราบ และเส้นทางจักรยานภูเขาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวสายผจญภัยด้วย
10. (Thun)
เรียกได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักริมทะเลสาบโดยแท้จริง ใครใฝ่ฝันอยากเดินเที่ยวเมืองเงียบๆ สงบๆ ที่ยังมีปราสาทสูงตั้งอยู่กลางเมืองจะหลงรักที่นี่ ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กเลยทำให้หลายๆ คนตั้งเป้าว่าเที่ยวที่นี่แบบ One Day Trip เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมาพักสักคืนสองคืนได้จะฟินมาก ใช้ชีวิตสบาย ๆ เดินเล่นริมทะเลสาบน้ำใส อากาศดี หลายๆ คนเรียกที่นี่ว่าเป็นเมือง Lucerne แบบย่อส่วน ทั้งที่ความจริงแล้วเมืองนี้ก็มีเสน่ห์ที่ต่างออกไป ไม่แพ้กันเลย
เดินทางออกจากเมืองไม่นาน จะมีอีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญของที่นี่ นั่นคือปราสาทสวยสุดโรแมนติกริมทะเลสาบ Thun ชื่อว่า Oberhofen castle เป็นปราสาทเก่ารูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอโกธิคที่ได้รับการยกให้เป็นหนึ่งในปราสาทที่คลาสสิกที่สุดในแถบเทือกเขาแอลป์
11. (Gruyeres)
เมืองเล็กกลางหุบเขาทางตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์
กรุยแยร์ เมืองเล็กกลางหุบเขาทางตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์ ใครชอบกินชีสน่าจะคุ้นชื่อเมืองนี้เป็นพิเศษ เพราะเขาเป็นเมืองต้นกำเนิดของชีสกรุยแยร์นั่นเอง เป็นชีสที่ว่ากันว่าเอาไปทำฟองดูได้ดีที่สุด สำหรับตัวเมืองก็น่าเที่ยวไม่แพ้กัน เพราะมีย่านเก่าบรรยากาศแบบยุคกลาง เช่นพื้นที่ปูด้วยหินอ่อน บ่อน้ำกลางเมือง และปราสาทกรุยแยร์ ปราสาทเก่าสมัยศตวรรษที่ 13 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติด้วย เป็นเมืองที่เหมาะกับคนที่ชอบความสโลว์ไลฟ์ เดินชมเมืองแบบสบายๆ นักท่องเที่ยวไม่เยอะ แวะชิมชีสอร่อยๆ ไปเรื่อยๆ ตลอดทาง
Switzerland เป็นประเทศที่หลายๆ คนฝันอยากจะไปท่องเที่ยว สัมผัสกับความงดงามด้วยตาของตัวเองสักครั้ง หากกำลังวางแผนจะไปเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนแล้วล่ะก็ วันนี้เราขอแนะนำ 11 เมืองในสวิส ที่ไม่ควรพลาดมาฝากกัน !
เมืองไหนสวย เที่ยวไหนดี ในสวิตเซอร์แลนด์?
1. (Lauterbrunnen)
หมู่บ้านในรัฐเบิร์นของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ชื่อ (Lauterbrunnen) แปลว่า Many Fountains ซึ่งเป็นการบ่งบอกให้เห็นถึงทิวทัศน์ของเมืองนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะมีน้ำตกเยอะถึง 72 แห่งในหุบเขา และยังมีน้ำตกที่สูงที่สุดในยุโรปด้วย นั้นคือน้ำตก Staubbach ที่ดิ่งลงมาจากหน้าผาเกือบ 300 เมตร เลยทีเดียว
Lauterbrunnen เป็นเมืองเล็กๆ ที่เงียบสงบตั้งอยู่กลางหุบเขาสูงชัน อยู่ลึกเข้ามาจากเมืองอินเทอร์ลาเคินราว 12 กิโลเมตร ที่นี้ยังเป็นทางผ่านไปยังจุดท่องเที่ยวต่างๆ ในแถบเทือกเขาแอลป์ของสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยทัศนียภาพที่สวยงามจึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งที่ต้องมา!
2. (Fribourg)
เมืองเล็กๆ ที่เก่าแก่ของสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ระหว่างทางไปเมืองโลซาน เป็นเมืองแห่งปราสาท สามารถแวะถ่ายรูปได้หลายจุด ไฮไลท์ของเมืองนี้คือ Zaehringen Bridge เป็นสะพานเก่าแก่ที่ทอดยาวข้ามแม่น้ำซารีน
ฟรีบูรก์ เมืองที่ถูกคั่นกลางด้วยแม่น้ำซารีน โดย 2 ฝั่งแม่น้ำจะพูดกันคนละภาษา คือ สวิส-ฝรั่งเศส และสวิส-เยอรมัน หมู่บ้านนี้ยังคงเอกลักษณ์ความเป็นยุคกลาง ที่มีสถาปัตยกรรมสวยงาม มีเสน่ห์ และมีวิวทิวทัศน์ที่งดงามอีกด้วย
3. (Zermatt)
เป็นเมืองเล็กน่ารักมีขนาดไม่ใหญ่นัก สามารถเดินเที่ยว และเดินถ่ายรูปชิคๆ ได้แบบไม่เหนื่อย ถนนสายหลักอย่าง Bahnhof strasse ซึ่งแปลได้ว่า ถนนแถวสถานีรถไฟ ตั้งชื่อตรงตัว เพราะเป็นถนนที่ทอดตรงมาจากสถานีรถไฟของเมืองนั่นเอง
บ้านเรือนที่นี่ยังคงอนุรักษ์ความเป็นชาวสวิสแบบดั้งเดิมไว้ด้วย ที่สำคัญถ้าเอ่ยถึงเมืองนี้ก็ต้องนึกถึงจุดชมวิว Matterhorn ยอดเขารูปทรงพีรามิดที่อยู่ในหมู่เทือกเขาแอลป์ ซึ่งที่นี่จะทำให้เราสนุกไปกับการเล่นสกีหิมะ รับรองฟินแน่นอน
4. (Interlaken)
อยู่ระหว่าง 2 ทะเลสาบ คือ ทะเลสาบเบรียนซ์ และทะเลสาบทูน เมืองนี้ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขา ทุ่งหญ้า และทะเลสาบ อีกทั้งยังเป็นทางขึ้นยอดเขาธารน้ำแข็งที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จึงเป็นสถานที่ยอดฮิตของคนที่รักการเล่นสกี
นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่สามารถมองเห็นยอดเขา 3แห่ง คือ ยอดเขาจุงฟราวน์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดมีความสูงถึง 4,158 เมตร ยอดเขามอนซ์ และยอดเขาอีเกอร์ แถบนี้จึงมีอากาศบริสุทธิ์ และสวยงามเกินคำบรรยาย ไม่แปลกที่จะเรียกว่า “สวยเหมือนเมืองในฝัน” ยังไงยังงั้นเลย
5. (Geneva)
เมืองใหญ่อันดับสองของประเทศรองจากเมืองซูริค ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นเมืองนานาชาติ ก็เพราะประชากรถึง 1 ใน 3 ล้วนเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานในองค์กรสำคัญๆ ที่ตั้งอยู่ ณ เจนีวาทั้งสิ้น เช่น องค์การสหประชาชาติ (UN), คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นเมืองศูนย์กลางทางการเงินของโลกอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เจนีวา ก็ไม่ได้มีแค่สถานที่สำคัญด้านองค์กรต่างๆ เท่านั้น แต่ยังมีที่เที่ยวแลนด์มาร์คน่าสนใจที่แขกไปใครมาก็ต้องแวะหลายแห่ง เช่น ทะลสาบเจนีวา ชมน้ำพุเจ็ดโด (Jet d’eau) น้ำพุยักษ์ที่มีความสูงถึง 140 เมตร ย่านเมืองเก่าเจนีวา (Old Town) ที่ให้คุณได้เดินเล่นสัมผัสบรรยากาศบ้านเรือนเก่าแก่แบบโรมัน รวมไปถึงแวะชิมชีสฟองดูว์ที่โรงแรม Edelweiss หนึ่งในร้านอาหารดั้งเดิมของเจนีวา
6. (Lausanne)
อีกหนึ่งเมืองเล็กน่ารักริมทะเลสาบใน สวิตเซอร์แลนด์ ที่คนไทยน่าจะคุ้นหูกับชื่อของเมืองนี้เป็นอย่างดี ผู้คนในเมืองส่วนใหญ่ยังใช้ภาษาฝรั่งเศสเป็นหลัก
โลซานน์ยังเป็นเมืองที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของคณะกรรมการโอลิมปิคสากล หรือ IOC และมีพิพิธภัณฑ์โอลิมปิคตั้งอยู่ริมทะเลสาบเจนีวาด้วย จึงทำให้เมืองโลซานน์ได้รับการขนานนามว่า “เมืองหลวงแห่งโอลิมปิค” ด้วยนะ
7. (Bern)
เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ หรือเมืองหมีนั่นเอง (คำว่า Bern แปลว่า Bear หรือหมีนั่นเอง) ซึ่งเมืองนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่งดงาม น่าหลงใหลที่สุดของสวิสเลยก็ว่าได้
เนื่องจากที่นี่เป็นเมืองหลวง จึงมีความเจริญตามสไตล์ศุนย์กลางประเทศ และมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว แต่ที่ทำให้กรุงเบิร์นขึ้นชื่อจริงๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นเขต Old Town หรือเขตเมืองโบราณยุคกลางที่สวยงาม และสมบูรณ์ เป็นสถานที่ที่ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์น่าค้นหา ฟินไปกับการเดินชมวิวเมืองเพลินๆ จนลืมเหนื่อยกันเลยที่เดียว
8. (Montreux)
ที่สุดของเมืองตากอากาศของสวิสที่ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาแอลป์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดริมทะเลสาบเจนีวา ซึ่งในอดีตเป็นเส้นทางที่โรมันใช้สัญจรผ่าน ใครที่อยากสัมผัสความเนิบช้า เที่ยวพักผ่อนแบบไม่เร่งรียจะถูกใจเมืองนี้เป็นพิเศษ
ที่มงเทรอซ์นี้แม้ไม่ได้มีกิจกรรมอะไรให้ทำมากมายเท่าเมืองใหญ่อื่นๆ แต่การได้เดินเล่นริมทะเลสาบ ล่องเรือชมบรรยากาศ แวะชมปราสาทชิลยอง (Chillon Castle / Château de Chillon) ที่มีประวัติยาวนานมาเกือบ 1,000 ปี รับรองว่าได้ชาร์จความเมื่อยล้าเป็นปลิดทิ้งจากที่นี่แน่นอน
9. (Lucerne)
อีกหนึ่งหัวเมืองโบราณของสวิตเซอร์แลนด์ที่มีความเจริญมาก ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 เพราะการติดต่อค้าขายกับอิตาลี ตัวเมือง Lucerne นั้นเคยถูกนำไปขายให้กับราชสำนักฮับสบูรก์ของออสเตรียในปี คอ(ศอ) 1291 ด้วย แต่ได้กลับคืนมาอยู่ในมณฑลเดิมในปี คอ(ศอ) 1332
Lucerne นั้นมีที่เที่ยวเก่าแก่โบราณอยู่มากมาย แต่ที่โด่งดังมากที่สุดเห็นจะเป็น สะพานไม้ซาเปล สะพานไม้เก่าแก่ที่สุดในโลก อายุเกือบ 700 ปี ทอดข้ามแม่น้ำรอยส์จากสถานีรถไฟไปสู่ฝั่งเมืองเก่า มีหลังคาที่มุงแบบโบราณ เชื่อมต่อไปถึงป้อมแปดเหลี่ยมที่ตั้งอยู่กลางน้ำ ที่แต่ก่อนเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษและเก็บเอกสารรวมทั้งของมีค่าของเมือง อีกสถานที่สำคัญก็คือ ทะเลสาบ Lucerne ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ด้วย รอบๆ ทะเลสาบนั้นก็มีเส้นทางการเดินป่ามากมาย รวมทั้งเส้นทางขี่จักรยานพื้นราบ และเส้นทางจักรยานภูเขาไว้สำหรับนักท่องเที่ยวสายผจญภัยด้วย
10. (Thun)
เรียกได้ว่าเป็นเมืองเล็กๆ น่ารักริมทะเลสาบโดยแท้จริง ใครใฝ่ฝันอยากเดินเที่ยวเมืองเงียบๆ สงบๆ ที่ยังมีปราสาทสูงตั้งอยู่กลางเมืองจะหลงรักที่นี่ ด้วยความที่เป็นเมืองเล็กเลยทำให้หลายๆ คนตั้งเป้าว่าเที่ยวที่นี่แบบ One Day Trip เท่านั้น แต่จริงๆ แล้วมาพักสักคืนสองคืนได้จะฟินมาก ใช้ชีวิตสบาย ๆ เดินเล่นริมทะเลสาบน้ำใส อากาศดี หลายๆ คนเรียกที่นี่ว่าเป็นเมือง Lucerne แบบย่อส่วน ทั้งที่ความจริงแล้วเมืองนี้ก็มีเสน่ห์ที่ต่างออกไป ไม่แพ้กันเลย
เดินทางออกจากเมืองไม่นาน จะมีอีกหนึ่งที่เที่ยวสำคัญของที่นี่ นั่นคือปราสาทสวยสุดโรแมนติกริมทะเลสาบ Thun ชื่อว่า Oberhofen castle เป็นปราสาทเก่ารูปแบบสถาปัตยกรรมนีโอโกธิคที่ได้รับการยกให้เป็นหนึ่งในปราสาทที่คลาสสิกที่สุดในแถบเทือกเขาแอลป์
11. (Gruyeres)
เมืองเล็กกลางหุบเขาทางตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์
กรุยแยร์ เมืองเล็กกลางหุบเขาทางตะวันตกของสวิตเซอร์แลนด์ ใครชอบกินชีสน่าจะคุ้นชื่อเมืองนี้เป็นพิเศษ เพราะเขาเป็นเมืองต้นกำเนิดของชีสกรุยแยร์นั่นเอง เป็นชีสที่ว่ากันว่าเอาไปทำฟองดูได้ดีที่สุด สำหรับตัวเมืองก็น่าเที่ยวไม่แพ้กัน เพราะมีย่านเก่าบรรยากาศแบบยุคกลาง เช่นพื้นที่ปูด้วยหินอ่อน บ่อน้ำกลางเมือง และปราสาทกรุยแยร์ ปราสาทเก่าสมัยศตวรรษที่ 13 ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกของชาติด้วย เป็นเมืองที่เหมาะกับคนที่ชอบความสโลว์ไลฟ์ เดินชมเมืองแบบสบายๆ นักท่องเที่ยวไม่เยอะ แวะชิมชีสอร่อยๆ ไปเรื่อยๆ ตลอดทาง