ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 04/01/23 »หยุดทำ 9 เรื่องเหล่านี้กับลูก เพราะจะทำให้เขาไม่รู้จักโต
1.ซักเสื้อผ้าให้ลูก
เมื่อลูกโตพอที่จะทำงานบ้านได้แล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่
ไม่เคยฝึกหรือให้ลูกได้ทำด้วยตัวเองบ้างเลย และการที่
มีคุณแม่ซักเสื้อผ้าให้ลูกอยู่ตลอด อาจทำให้เด็ กเคยตัว
และเป็นคนไม่มีวินัยในตัวเอง หรือไม่มีความรับผิดชอบ
ทางที่ดี หากเด็ กอยู่ในวัยที่พอเรียนรู้และทำอะไรด้วยตัว
เองได้แล้ว คุณแม่ก็ควรสอนลูกถึงวิธีการใช้เครื่องซักผ้า
หรือการซักผ้าด้วยมือ เพื่อที่เขาจะได้ฝึกทำมันด้วยตัวเอง
2. ทำการบ้านให้
คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่ชอบทำการบ้านให้ลูกเป็นประจำ
ควรเลิกทำแบบนี้ได้แล้วนะ เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้มัน
จะทำให้ลูกไม่ได้ฝึกคิดหรือเรียนรู้อะไรเลย ซึ่งถ้าไม่อ ยาก
ให้ลูกเติบโตมาแบบไม่มีความรู้ในสมอง ก็อย่ าทำร้ายลูก
ทางอ้อมแบบนี้เลยนะ
3. ปลุกลูกไปโรงเรียนในทุกๆเช้า
เชื่อว่ากิจวัตรประจำวันของคุณแม่ที่ต้องทำในทุกเช้าเลย
ก็คือการปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งความจริงแล้วคุณพ่อ
คุณแม่ควรฝึกลูกให้ตั้งนาฬิกาปลุก และจัดสรรเวลานอน
ให้เหมาะสม เพื่อให้เขาไจัดการกับตารางชีวิตของตัวเอง
4. ยุ่งกับการเรียน
การเป็นห่วงสนใจในเรื่องเรียน หรือความเป็นอยู่ที่โรงเรียน
ของลูกไม่ใช่เรื่องผิดหรอก แต่การที่คุณพ่อคุณแม่ไปบงการ
หรือกำหนดเส้นทางการเรียนโดยไม่ให้เขามีสิทธิคิด หรือ
ตัดสินใจด้วยตัวเอง นั่นอาจจะทำให้ลูกไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสี ยที
5. ยอมให้ลูกหยุดเรียน
เพราะเด็ กบางคนอาจมีอาการป่ วยการเมือง เนื่องด้วยสาเหตุ
หลายๆ อย่ างอาจจะเกิดจากวิชาเรียน และการบ้านต่าง ๆ ซึ่ง
วิชาเรียนอาจง่ายเกินไป เลยทำให้เด็ กเกิดความเบื่ อ หรือ
วิชาเรียนอาจย ากจนเกินไป ทำให้เด็ กเกิดความกดดันว่า
ตัวเองไม่ฉลาดเท่าเด็ กคนอื่นๆ สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำคือ
อย่ าถามลูกว่าทำไมถึงไม่อย ากไปโรงเรียน เนื่องจากเด็ ก
มักจะไม่รู้คำตอบ เมื่อเด็ กไม่รู้ว่าจะตอบอย่ างไรก็จะเป็นการ
ทำให้เด็ กเกิดความรู้สึกเค รี ยดแทน ทั้งนี้พ่อแม่ควรบอก
เด็ กว่าความกลัวไม่ช่วยอะไร หากแต่ควรเอาชนะความกลัว
ให้ได้ ควรเปิดใจ ให้กว้างในการรับฟังความรู้สึกของลูก
6. ทำอาหารเช้าหรืออาหารกลางวันให้
คุณแม่หลายคนอาจเป็นห่วงว่าลูกจะทานอาหารไม่อิ่ม
และได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน จึงต้องเตรียมอาหารให้
ลูกอยู่ทุกวัน ถ้าคุณอย ากให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ซะทีคุณก็
ควรให้เขาทำอาหารทางเองบ้าง ถ้าเขาทำไม่เป็นคุณแม่
อาจจะต้องสอนลูกก่อนสักหน่อย เด๊่ยวนานไปเขาก็ทำได้
7. เอาของที่ลืมไปให้ที่โรงเรียน
การที่ลูกโทรมาเพื่อบอกให้คุณนำเอาสิ่งของที่ลืมไปส่ง
ที่โรงเรียน โดยที่คุณก็ทำตามที่ลูกสั่งทุกครั้ง ซึ่งนั่นอาจ
ทำให้ลูกกลายเป็นเด็ กที่ไม่รอบคอบได้ ดังนั้นเมื่อลูกคุณ
โทรมาเพื่อให้คุณทำแบบนั้นอีก โดยที่ของชิ้นนั้น็ไม่ได้มี
ความสำคัญที่ต้องใช้ในตอนนั้นเลย ก็ควรบอกปัดไปเพื่อ
ให้ลูกรู้จักมีความรอบคอบมากขึ้น และตรวจความเรียบร้อย
ของสิ่งของเครื่องใ ช้ที่ต้องเอาไปโรงเรียนก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
8. ไม่ยอมปล่อยให้ครูมาว่ากล่าว ตั กเตื อน หรือตีลูก
ถ้าลูกมาฟ้องคุณว่าถูกครูตีหรือว่ากล่าวตักเตือนที่โรงเรียน
ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มีอาการหัวร้อนและพร้อมจะ
ไปเคลียร์กับครูที่โรงเรียน แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อย ากบอกว่า
คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องใจเย็นๆก่อน และอาจต้องสอบถามลูก
ถึงสาเหตุที่ครูทำเช่นนั้น ซึ่งหากลูกเราทำผิดจริงๆ และการ
ลงโทษของครูก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ก็ไม่ต้องถึงขั้นไปคุยกับ
คุณครูเองที่โรงเรียนหรอก ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครู
ที่ต้องอบรมสั่งสอนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรทำคือให้สอนลูกว่า
จะต้องทำตัวอย่ างไร เพื่อไม่ให้โดนครูว่าหรือตีอีก
9. ขีดเส้นชีวิตให้ลูก
การกำหนดกฎเกณฑ์ข้อปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้ลูกเดินตามทาง
ที่พ่อแม่ปูไว้ ซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดี ที่จะทำให้ลูกมีวินัย แต่ใน
ทุกๆกฎที่พ่อแม่ตั้งไว้ ก็ควรให้ลูกรับรู้ด้วย พร้อมให้ลูกมีส่วน
ร่วมในการขีดเส้นชีวิตของตนเอง และต้องปล่อยให้ลูกได้ลอง
เรียนรู้ที่จะทำบางสิ่งด้วยตัวเองบ้าง เพียงเท่านี้ความสำเร็จใน
ชีวิตลูกก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว
1.ซักเสื้อผ้าให้ลูก
เมื่อลูกโตพอที่จะทำงานบ้านได้แล้ว แต่คุณพ่อคุณแม่
ไม่เคยฝึกหรือให้ลูกได้ทำด้วยตัวเองบ้างเลย และการที่
มีคุณแม่ซักเสื้อผ้าให้ลูกอยู่ตลอด อาจทำให้เด็ กเคยตัว
และเป็นคนไม่มีวินัยในตัวเอง หรือไม่มีความรับผิดชอบ
ทางที่ดี หากเด็ กอยู่ในวัยที่พอเรียนรู้และทำอะไรด้วยตัว
เองได้แล้ว คุณแม่ก็ควรสอนลูกถึงวิธีการใช้เครื่องซักผ้า
หรือการซักผ้าด้วยมือ เพื่อที่เขาจะได้ฝึกทำมันด้วยตัวเอง
2. ทำการบ้านให้
คุณพ่อคุณแม่ท่านไหนที่ชอบทำการบ้านให้ลูกเป็นประจำ
ควรเลิกทำแบบนี้ได้แล้วนะ เพราะสิ่งที่คุณกำลังทำอยู่นี้มัน
จะทำให้ลูกไม่ได้ฝึกคิดหรือเรียนรู้อะไรเลย ซึ่งถ้าไม่อ ยาก
ให้ลูกเติบโตมาแบบไม่มีความรู้ในสมอง ก็อย่ าทำร้ายลูก
ทางอ้อมแบบนี้เลยนะ
3. ปลุกลูกไปโรงเรียนในทุกๆเช้า
เชื่อว่ากิจวัตรประจำวันของคุณแม่ที่ต้องทำในทุกเช้าเลย
ก็คือการปลุกลูกเพื่อไปโรงเรียน ซึ่งความจริงแล้วคุณพ่อ
คุณแม่ควรฝึกลูกให้ตั้งนาฬิกาปลุก และจัดสรรเวลานอน
ให้เหมาะสม เพื่อให้เขาไจัดการกับตารางชีวิตของตัวเอง
4. ยุ่งกับการเรียน
การเป็นห่วงสนใจในเรื่องเรียน หรือความเป็นอยู่ที่โรงเรียน
ของลูกไม่ใช่เรื่องผิดหรอก แต่การที่คุณพ่อคุณแม่ไปบงการ
หรือกำหนดเส้นทางการเรียนโดยไม่ให้เขามีสิทธิคิด หรือ
ตัดสินใจด้วยตัวเอง นั่นอาจจะทำให้ลูกไม่โตเป็นผู้ใหญ่เสี ยที
5. ยอมให้ลูกหยุดเรียน
เพราะเด็ กบางคนอาจมีอาการป่ วยการเมือง เนื่องด้วยสาเหตุ
หลายๆ อย่ างอาจจะเกิดจากวิชาเรียน และการบ้านต่าง ๆ ซึ่ง
วิชาเรียนอาจง่ายเกินไป เลยทำให้เด็ กเกิดความเบื่ อ หรือ
วิชาเรียนอาจย ากจนเกินไป ทำให้เด็ กเกิดความกดดันว่า
ตัวเองไม่ฉลาดเท่าเด็ กคนอื่นๆ สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรทำคือ
อย่ าถามลูกว่าทำไมถึงไม่อย ากไปโรงเรียน เนื่องจากเด็ ก
มักจะไม่รู้คำตอบ เมื่อเด็ กไม่รู้ว่าจะตอบอย่ างไรก็จะเป็นการ
ทำให้เด็ กเกิดความรู้สึกเค รี ยดแทน ทั้งนี้พ่อแม่ควรบอก
เด็ กว่าความกลัวไม่ช่วยอะไร หากแต่ควรเอาชนะความกลัว
ให้ได้ ควรเปิดใจ ให้กว้างในการรับฟังความรู้สึกของลูก
6. ทำอาหารเช้าหรืออาหารกลางวันให้
คุณแม่หลายคนอาจเป็นห่วงว่าลูกจะทานอาหารไม่อิ่ม
และได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วน จึงต้องเตรียมอาหารให้
ลูกอยู่ทุกวัน ถ้าคุณอย ากให้ลูกโตเป็นผู้ใหญ่ซะทีคุณก็
ควรให้เขาทำอาหารทางเองบ้าง ถ้าเขาทำไม่เป็นคุณแม่
อาจจะต้องสอนลูกก่อนสักหน่อย เด๊่ยวนานไปเขาก็ทำได้
7. เอาของที่ลืมไปให้ที่โรงเรียน
การที่ลูกโทรมาเพื่อบอกให้คุณนำเอาสิ่งของที่ลืมไปส่ง
ที่โรงเรียน โดยที่คุณก็ทำตามที่ลูกสั่งทุกครั้ง ซึ่งนั่นอาจ
ทำให้ลูกกลายเป็นเด็ กที่ไม่รอบคอบได้ ดังนั้นเมื่อลูกคุณ
โทรมาเพื่อให้คุณทำแบบนั้นอีก โดยที่ของชิ้นนั้น็ไม่ได้มี
ความสำคัญที่ต้องใช้ในตอนนั้นเลย ก็ควรบอกปัดไปเพื่อ
ให้ลูกรู้จักมีความรอบคอบมากขึ้น และตรวจความเรียบร้อย
ของสิ่งของเครื่องใ ช้ที่ต้องเอาไปโรงเรียนก่อนออกจากบ้านทุกครั้ง
8. ไม่ยอมปล่อยให้ครูมาว่ากล่าว ตั กเตื อน หรือตีลูก
ถ้าลูกมาฟ้องคุณว่าถูกครูตีหรือว่ากล่าวตักเตือนที่โรงเรียน
ซึ่งนั่นอาจทำให้คุณพ่อคุณแม่มีอาการหัวร้อนและพร้อมจะ
ไปเคลียร์กับครูที่โรงเรียน แต่เรื่องนี้เป็นสิ่งที่อย ากบอกว่า
คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องใจเย็นๆก่อน และอาจต้องสอบถามลูก
ถึงสาเหตุที่ครูทำเช่นนั้น ซึ่งหากลูกเราทำผิดจริงๆ และการ
ลงโทษของครูก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไร ก็ไม่ต้องถึงขั้นไปคุยกับ
คุณครูเองที่โรงเรียนหรอก ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคุณครู
ที่ต้องอบรมสั่งสอนอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรทำคือให้สอนลูกว่า
จะต้องทำตัวอย่ างไร เพื่อไม่ให้โดนครูว่าหรือตีอีก
9. ขีดเส้นชีวิตให้ลูก
การกำหนดกฎเกณฑ์ข้อปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้ลูกเดินตามทาง
ที่พ่อแม่ปูไว้ ซึ่งนั่นอาจเป็นเรื่องดี ที่จะทำให้ลูกมีวินัย แต่ใน
ทุกๆกฎที่พ่อแม่ตั้งไว้ ก็ควรให้ลูกรับรู้ด้วย พร้อมให้ลูกมีส่วน
ร่วมในการขีดเส้นชีวิตของตนเอง และต้องปล่อยให้ลูกได้ลอง
เรียนรู้ที่จะทำบางสิ่งด้วยตัวเองบ้าง เพียงเท่านี้ความสำเร็จใน
ชีวิตลูกก็จะอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว