ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 09/08/23 »Ep 5. ทำไมต้องกราฟเปล่า ??????
มาเกริ่น เรื่องเก่าๆก่อน สำหรับท่านที่ยังไม่ได่อ่านโพสต์เก่าๆ มาทำความเข้าใจ มองกราฟหลายไทม์เฟรมก่อน
อยากจะบอกว่า ให้ทำความเข้าใจ เเพทเทิร์นเเท่งเทียน / รับต้าน / ดีมาน ซัพพลาย / Chart Pattern ต่างๅ มองซ้ำเเล้ว ซ้ำเล่า จนชินตา มองจน เเบบเปิดกราฟมารู้เลย ว่าควรจะทำอะไรยังไง ตีเเนวไหนบ้าง
เเละที่สำคัญ ให้มองกราฟ เเบบ มัลติไทม์เฟรม เมื่อเราเห็นสัญญาณเทรดในไทม์เฟรมเล็ก ให้เปิดไทม์เฟรมใหญ่ ว่ามีสัญญาณการกลับตัวเหมือนกันหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็เป็นการยืนยันสัญญาณ ซึ่งกันเเละกัน ยิ่งดี เเละกลับกัน ถ้าไทม์เฟรมใหญ่เกิดสัญญาณ ให้ลองไล่เปิดไทม์เฟรมเล็กดู ไปในทิศทางเดียวกันหรือเปล่า
ส่วนตัวให้ความสำคัญ กับไทม์เฟรมดังนี้
เปิด D1 เจอรูปเเบบเเท่งเทียนกลับตัว เปิดดู H4 H1 เจอเเนวสำคัญหรือไม่ เเละเกิดรูปเเบบกลับตัวหรือไม่ ถ้าเกิดสัญญาณ หาจุดเข้าเทรด จะย่อลงไป M30 M15 อีกที
————————————————————-
ทำไมต้องใช้กราฟเปล่า ???
กราฟเปล่าในที่นี้ คือใช้เทคนิค ที่อิง อินดิเคเตอร์ให้น้อยที่สุด เช่นรับต้าน ดีมานด์ ซัพพลาย รูปเเบบเเท่งเทียน ข้อดีของกราฟใช้กราฟเปล่า ในระบบเทรด คือ ตัดสินใจได้ฉับไว ต่อสถานการณ์กราฟปัจจุบัน ถ้าใครเชี่ยวชาญในการดูกราฟเปล่า ก็จะสามารถทำกำไรได้ไม่ยากนัก ข้อเสียคือยากต่อการใช้ เพราะพลิกเเพลงได้หลากหลาย เเละยืนหยุ่น
ต้องบอกก่อนว่า การใช้ อินดิเคเตอร์ ไม่ใช่จะไม่ดี เเต่อินดิเคเตอร์ ต้องรอราคาวิ่งไปจุดๆนึงก่อน ถึงจะเกิดสัญญาณให้เรา เทค แอคชั่น ซึ่งตลาดForex เป็นตลาดที่ผันผวนมาก บางครั้งไม่ทันการ ทำให้ไป buy ที่ดอย Sell ที่เหวได้
เเต่อินดิเคเตอร์ หลักๆที่ผมนำมาใช้ คือนำมาประยุกต์เป็นจุดสังเกตุ หรือจุดยืนยัน ระบบกราฟเปล่า ในเทรด setup เช่น เกิดรูปเเบบเเท่งเทียนที่เเนวรับ เเนวต้าน เกิด Convergence Divergence ก็เป็นการช่วยยืนยันระบบเทรดเป็นต้น
( “เทคนิค เเละเครื่องมือ ใช้กันทั่วโลก เหมือนๆกัน เเต่ที่ต่างกัน คือเเต่ละคน นำมาประยุกต์ เเละปรับใช้ ในเเบบที่ตนเข้าใจ จนเกิดความชำนาญเฉพาะตัว”)
เเล้วเจอกันที่ ep ถัดๆไปครับ
มาเกริ่น เรื่องเก่าๆก่อน สำหรับท่านที่ยังไม่ได่อ่านโพสต์เก่าๆ มาทำความเข้าใจ มองกราฟหลายไทม์เฟรมก่อน
อยากจะบอกว่า ให้ทำความเข้าใจ เเพทเทิร์นเเท่งเทียน / รับต้าน / ดีมาน ซัพพลาย / Chart Pattern ต่างๅ มองซ้ำเเล้ว ซ้ำเล่า จนชินตา มองจน เเบบเปิดกราฟมารู้เลย ว่าควรจะทำอะไรยังไง ตีเเนวไหนบ้าง
เเละที่สำคัญ ให้มองกราฟ เเบบ มัลติไทม์เฟรม เมื่อเราเห็นสัญญาณเทรดในไทม์เฟรมเล็ก ให้เปิดไทม์เฟรมใหญ่ ว่ามีสัญญาณการกลับตัวเหมือนกันหรือเปล่า ถ้าใช่ ก็เป็นการยืนยันสัญญาณ ซึ่งกันเเละกัน ยิ่งดี เเละกลับกัน ถ้าไทม์เฟรมใหญ่เกิดสัญญาณ ให้ลองไล่เปิดไทม์เฟรมเล็กดู ไปในทิศทางเดียวกันหรือเปล่า
ส่วนตัวให้ความสำคัญ กับไทม์เฟรมดังนี้
เปิด D1 เจอรูปเเบบเเท่งเทียนกลับตัว เปิดดู H4 H1 เจอเเนวสำคัญหรือไม่ เเละเกิดรูปเเบบกลับตัวหรือไม่ ถ้าเกิดสัญญาณ หาจุดเข้าเทรด จะย่อลงไป M30 M15 อีกที
————————————————————-
ทำไมต้องใช้กราฟเปล่า ???
กราฟเปล่าในที่นี้ คือใช้เทคนิค ที่อิง อินดิเคเตอร์ให้น้อยที่สุด เช่นรับต้าน ดีมานด์ ซัพพลาย รูปเเบบเเท่งเทียน ข้อดีของกราฟใช้กราฟเปล่า ในระบบเทรด คือ ตัดสินใจได้ฉับไว ต่อสถานการณ์กราฟปัจจุบัน ถ้าใครเชี่ยวชาญในการดูกราฟเปล่า ก็จะสามารถทำกำไรได้ไม่ยากนัก ข้อเสียคือยากต่อการใช้ เพราะพลิกเเพลงได้หลากหลาย เเละยืนหยุ่น
ต้องบอกก่อนว่า การใช้ อินดิเคเตอร์ ไม่ใช่จะไม่ดี เเต่อินดิเคเตอร์ ต้องรอราคาวิ่งไปจุดๆนึงก่อน ถึงจะเกิดสัญญาณให้เรา เทค แอคชั่น ซึ่งตลาดForex เป็นตลาดที่ผันผวนมาก บางครั้งไม่ทันการ ทำให้ไป buy ที่ดอย Sell ที่เหวได้
เเต่อินดิเคเตอร์ หลักๆที่ผมนำมาใช้ คือนำมาประยุกต์เป็นจุดสังเกตุ หรือจุดยืนยัน ระบบกราฟเปล่า ในเทรด setup เช่น เกิดรูปเเบบเเท่งเทียนที่เเนวรับ เเนวต้าน เกิด Convergence Divergence ก็เป็นการช่วยยืนยันระบบเทรดเป็นต้น
( “เทคนิค เเละเครื่องมือ ใช้กันทั่วโลก เหมือนๆกัน เเต่ที่ต่างกัน คือเเต่ละคน นำมาประยุกต์ เเละปรับใช้ ในเเบบที่ตนเข้าใจ จนเกิดความชำนาญเฉพาะตัว”)
เเล้วเจอกันที่ ep ถัดๆไปครับ