ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 09/10/23 »9 เทคนิค เริ่มเทรด Forex ใหม่อย่างถูกต้อง พร้อมเห็นผลลัพธ์ ใน 6 เดือน และเปลี่ยนชีวิตภายใน 3 ปี
1. ห้ามหยุดเรียนรู้ เปิดใจรับสิ่งใหม่ ลดอัตตาของตัวเอง ทำตัวให้เป็นน้ำก้นแก้ว การหยุดเรียนรู้พัฒนา และไม่ฝึกฝนถือเป็นความเสี่ยงรูปแบบนึง ใครบอกตลาดไม่เคยเปลี่ยน กัปตันยืนยันเลยว่าตลาดเปลี่ยนทุกปี มีปัจจัยเสริมเข้ามาตลอด แต่สิ่งนึงที่ไม่เปลี่ยนคือ ยังมีคนขาดทุนเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่เยอะกว่าคนได้กำไร ฉะนั้นอย่าหยุดเรียนรู้ และปรับตัว
2. อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่มีสิ่งใดมายืนยันว่าแผนที่วางไว้ หรือออเดอร์ที่เราเข้า จะเป็นไปตามนั้น 100 % เพราะฉะนั้นจงมี Stoploss เสมอ
เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้ เราสามารถรู้ได้ตั้งแต่ต้นว่า ออเดอร์นี้เราจะเสียเท่าไหร่ และอย่าใช้มือคัทลอส เพราะมนุษย์เราจะไม่ยินดีกับความสูญเสีย เราจะรับไม่ได้ หากจะต้องคัทลอสแล้ว พอร์ตติดลบไปเกินครึ่ง และวิธีที่จะช่วยตัดอารมณ์ขณะขาดทุน ก็คือการใช้ Stoploss !
3.เมื่อมี Stoploss แล้วก็จงมี Take Profit และ Break Even (BE)
การหาจุดออกทำกำไร ก็มีความสำคัญไม่แพ้กับจุดเข้า เพราะมันสามารถตัดสินได้เลยว่า เราจะออกในฝั่ง กำไรหรือ ขาดทุน จงตั้ง TP เสมอ และเรียนรู้วิธีการใช้มันอย่างชาญฉลาด เพราะบางครั้งจุด TP ของเรา อาจจะเป็นจุด SL ของคนอื่น
และการเลื่อน Stoploss มาจุดเข้า เราเรียกว่า Break even หรือ BE เป็นส่วนสำคัญในการปกป้องเงินทุน และลดความเสี่ยง ในหลายครั้งที่ราคาเคลื่อนที่ไปจนจะถึงจุด TP ของเรา แต่สุดท้ายแล้ว ราคากลับตัวมาชน Stoploss ของเราจนได้ ปัญหานี้จะหายไป ถ้าเรารู้จักการใช้ BE เลื่อน SL มาจุดเข้าป้องกันทุน
เทคนิคของกัปตันคือ การเลื่อน SL ตามโครงสร้างราคาหรือเทรนด์ของ Dow Theory ทุกครั้งที่มีการ BOS ( Break of Structure ) กัปตัน จะเลื่อน SL ตามสวิงของราคาไปด้วยเสมอ เพราะใช้หลักการคิด Reverse Engineering หรือวิศวกรรมย้อนกลับ ถ้าเราเทรดด้วยเทรนด์ ถ้ามันเปลี่ยนเทรนด์ แปลว่าแผนเราผิดพลาดแล้ว การเลื่อน SL ตามโครงสร้างตลาด จึงใช้ได้ดีในกรณีนี้
4. อย่าเสี่ยงเกินกว่าจำนวนที่เราจะรับได้
ข้อนี้สำคัญ เนื่องจากสำหรับกัปตันแล้ว คำว่า OVT (Over trade) ไม่มีอยู่จริง มีแค่สิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยง แล้วเราเสี่ยงเกินกว่าจำนวนที่เราจะรับได้
เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน บางคนมีเงิน 1,000$ ก็อยากจะเสี่ยงกับไม้นั้น 500$ เพราะเป็นความเสี่ยงที่รับได้ หากสูญเสียไป ก็ไม่กระทบต่อชีวิตและสภาพจิตใจ
แต่กับอีกคน รับความเสี่ยงได้ แค่ครั้งละ 100$ มากกว่านี้ จะส่งผลต่อจิตใจแล้ว เพราะฉะนั้นถามตัวเองว่า รับความเสี่ยงได้แค่ไหน จำนวนเท่าไหร่ที่เรายอมเสียได้ และจะไม่มี Effect ใดๆ ตามมา สำหรับกัปตัน
รับความเสี่ยงออเดอร์ละไม่เกิน 1% !
5. อย่าใช้ Leverage เยอะเกินกว่าจำเป็น และต้องเรียนรู้ว่า ประเภทพอร์ตไหนควรมี Leverage เท่าไหร่
เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงและการจัดการเงินของกัปตัน จำเป็นต้องแยกพอร์ตการลงทุนไว้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างหากเป็นพอร์ตหลัก ที่เทรดด้วยจำนวนเงินเยอะๆ กัปตันจะใช้ Leverage ไม่เกิน 1:100 เพราะยิ่งมี lv เยอะเรายิ่งกดได้เยอะ หากอารมณ์เราหลุดการควบคุมเมื่อไหร่ เราจะยิ่งอยากกดเยอะๆ เพื่อเอาคืนตลาด (เป็นการควบคุมจิตใจและวินัยไปในตัว เพราะแม้เราอยากจะแหกกฎแค่ไหน ก็ทำไม่ได้)
6.ตั้งเป้ากำไร ให้ยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และอย่าทำให้ตัวเองกดดัน เรารู้ว่าตลาด Forex สามารถทำกำไรได้วันละ 100% หรือ 1000%
และแน่นอนว่า หากคิดกลับกัน เราก็สามารถสูญเสียวันละ 100% หรือ 1000% เช่นกัน
เพราะฉะนั้นการตั้งเป้ากำไรไม่ควรตั้งให้สูงเวอร์จนเกินไป จะกลายเป็นการกดดันตัวเอง และความโลภจะมาครอบงำ คำแนะนำจากกัปตัน ในช่วงแรกที่ฝึกฝน อย่าพึ่งตั้งเป้ากำไร ให้คิดแค่ว่าทำยังไง ให้รักษาเงินต้นให้ได้ และอยู่รอดเกินหนึ่งปีก่อน หลังจากนั้นค่อยนำสถิติของระบบ เพื่อมาหาว่า ระบบเราควรมีกำไรเท่าไหร่ ถึงจะพอดีกับสถิติของระบบ
7.มีแผนการเทรดเสมอ
ข้อนี้สำคัญมากๆ เราควรตอบตัวเองให้ได้ ว่าเมื่อไหร่ที่เราควรเทรด เมื่อไหร่ที่เราควรหยุด อย่าเทรดโดยใช้อารมณ์ เพราะมันจะต่างอะไรกับการเล่นพนัน ทำให้การเทรดเป็นเหมือนการทำธุรกิจ ต้องมีแผนชัดเจน และต้องทำตามให้ได้ตลอดรอดฝั่ง สิ่งนี้จะทำให้เราอยู่รอด
8. ควบคุมอารมณ์ของตัวเองขณะเทรดให้ได้ เพราะถ้าไม่ได้ อารมณ์จะเข้ามาเทรดแทนเรา และตอนนั้นความหายนะจะมาเยือน สำหรับกัปตันแล้ว เทคนิคคอลต่างๆ จุดเข้า จุดออก สามารถเรียนรู้กันได้ ใช้เวลาไม่นานแต่จิตวิทยาการเทรด การควบคุมอารมณ์ นี่ละ Key สำคัญที่ต้องใช้เวลาฝึกฝน เรียนรู้ และควบคุมมันให้ได้
ทำไมเทรดเดอร์สองคน เข้าออเดอร์จุดเดียวกัน พร้อมกัน แต่คนนึงขาดทุน แต่คนนึงกำไร นอกจากระบบที่จะเหมือนกันแล้ว แต่การควบคุมอารมณ์ขณะเข้าออเดอร์ ถืออเดอร์ แต่ละคนควบคุมได้ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน สิ่งนี้เรียกว่าจิตวิทยาการเทรด
9.จดบันทึกการเทรด และเรียนรู้ที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อพัฒนาตนเองในอนาคต การจดบันทึกการเทรด เป็นสิ่งนึงที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นเลย แต่เท่าที่คุยมากับน้องๆ ที่มาปรึกษา น้อยคนที่จะจดบันทึกการเทรด
หากเราไม่จดบันทึก เราจะจำได้อย่างไรว่าเราทำอะไรพลาดไปอารมณ์ของเราขณะนั้นเป็นแบบไหน และอัตราชนะ ความเสี่ยง ผลตอบแทน การเติบโตของพอร์ตเรา
.
Tip: ใช้ myfxbook เพื่อดูสถิติของเรา และบันทึกการเทรดแบบง่ายๆ ลงใน Word แล้วกลับมาดูเดือนละครั้ง แล้วหาจุดบกพร่องให้เจอ และแก้ไขมัน
1. ห้ามหยุดเรียนรู้ เปิดใจรับสิ่งใหม่ ลดอัตตาของตัวเอง ทำตัวให้เป็นน้ำก้นแก้ว การหยุดเรียนรู้พัฒนา และไม่ฝึกฝนถือเป็นความเสี่ยงรูปแบบนึง ใครบอกตลาดไม่เคยเปลี่ยน กัปตันยืนยันเลยว่าตลาดเปลี่ยนทุกปี มีปัจจัยเสริมเข้ามาตลอด แต่สิ่งนึงที่ไม่เปลี่ยนคือ ยังมีคนขาดทุนเป็นจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่เยอะกว่าคนได้กำไร ฉะนั้นอย่าหยุดเรียนรู้ และปรับตัว
2. อะไรก็เกิดขึ้นได้ ไม่มีสิ่งใดมายืนยันว่าแผนที่วางไว้ หรือออเดอร์ที่เราเข้า จะเป็นไปตามนั้น 100 % เพราะฉะนั้นจงมี Stoploss เสมอ
เพราะมันคือสิ่งเดียวที่เราควบคุมได้ เราสามารถรู้ได้ตั้งแต่ต้นว่า ออเดอร์นี้เราจะเสียเท่าไหร่ และอย่าใช้มือคัทลอส เพราะมนุษย์เราจะไม่ยินดีกับความสูญเสีย เราจะรับไม่ได้ หากจะต้องคัทลอสแล้ว พอร์ตติดลบไปเกินครึ่ง และวิธีที่จะช่วยตัดอารมณ์ขณะขาดทุน ก็คือการใช้ Stoploss !
3.เมื่อมี Stoploss แล้วก็จงมี Take Profit และ Break Even (BE)
การหาจุดออกทำกำไร ก็มีความสำคัญไม่แพ้กับจุดเข้า เพราะมันสามารถตัดสินได้เลยว่า เราจะออกในฝั่ง กำไรหรือ ขาดทุน จงตั้ง TP เสมอ และเรียนรู้วิธีการใช้มันอย่างชาญฉลาด เพราะบางครั้งจุด TP ของเรา อาจจะเป็นจุด SL ของคนอื่น
และการเลื่อน Stoploss มาจุดเข้า เราเรียกว่า Break even หรือ BE เป็นส่วนสำคัญในการปกป้องเงินทุน และลดความเสี่ยง ในหลายครั้งที่ราคาเคลื่อนที่ไปจนจะถึงจุด TP ของเรา แต่สุดท้ายแล้ว ราคากลับตัวมาชน Stoploss ของเราจนได้ ปัญหานี้จะหายไป ถ้าเรารู้จักการใช้ BE เลื่อน SL มาจุดเข้าป้องกันทุน
เทคนิคของกัปตันคือ การเลื่อน SL ตามโครงสร้างราคาหรือเทรนด์ของ Dow Theory ทุกครั้งที่มีการ BOS ( Break of Structure ) กัปตัน จะเลื่อน SL ตามสวิงของราคาไปด้วยเสมอ เพราะใช้หลักการคิด Reverse Engineering หรือวิศวกรรมย้อนกลับ ถ้าเราเทรดด้วยเทรนด์ ถ้ามันเปลี่ยนเทรนด์ แปลว่าแผนเราผิดพลาดแล้ว การเลื่อน SL ตามโครงสร้างตลาด จึงใช้ได้ดีในกรณีนี้
4. อย่าเสี่ยงเกินกว่าจำนวนที่เราจะรับได้
ข้อนี้สำคัญ เนื่องจากสำหรับกัปตันแล้ว คำว่า OVT (Over trade) ไม่มีอยู่จริง มีแค่สิ่งที่เรียกว่าความเสี่ยง แล้วเราเสี่ยงเกินกว่าจำนวนที่เราจะรับได้
เพราะแต่ละคนรับความเสี่ยงได้ไม่เท่ากัน บางคนมีเงิน 1,000$ ก็อยากจะเสี่ยงกับไม้นั้น 500$ เพราะเป็นความเสี่ยงที่รับได้ หากสูญเสียไป ก็ไม่กระทบต่อชีวิตและสภาพจิตใจ
แต่กับอีกคน รับความเสี่ยงได้ แค่ครั้งละ 100$ มากกว่านี้ จะส่งผลต่อจิตใจแล้ว เพราะฉะนั้นถามตัวเองว่า รับความเสี่ยงได้แค่ไหน จำนวนเท่าไหร่ที่เรายอมเสียได้ และจะไม่มี Effect ใดๆ ตามมา สำหรับกัปตัน
รับความเสี่ยงออเดอร์ละไม่เกิน 1% !
5. อย่าใช้ Leverage เยอะเกินกว่าจำเป็น และต้องเรียนรู้ว่า ประเภทพอร์ตไหนควรมี Leverage เท่าไหร่
เนื่องจากการบริหารความเสี่ยงและการจัดการเงินของกัปตัน จำเป็นต้องแยกพอร์ตการลงทุนไว้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างหากเป็นพอร์ตหลัก ที่เทรดด้วยจำนวนเงินเยอะๆ กัปตันจะใช้ Leverage ไม่เกิน 1:100 เพราะยิ่งมี lv เยอะเรายิ่งกดได้เยอะ หากอารมณ์เราหลุดการควบคุมเมื่อไหร่ เราจะยิ่งอยากกดเยอะๆ เพื่อเอาคืนตลาด (เป็นการควบคุมจิตใจและวินัยไปในตัว เพราะแม้เราอยากจะแหกกฎแค่ไหน ก็ทำไม่ได้)
6.ตั้งเป้ากำไร ให้ยืนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริง และอย่าทำให้ตัวเองกดดัน เรารู้ว่าตลาด Forex สามารถทำกำไรได้วันละ 100% หรือ 1000%
และแน่นอนว่า หากคิดกลับกัน เราก็สามารถสูญเสียวันละ 100% หรือ 1000% เช่นกัน
เพราะฉะนั้นการตั้งเป้ากำไรไม่ควรตั้งให้สูงเวอร์จนเกินไป จะกลายเป็นการกดดันตัวเอง และความโลภจะมาครอบงำ คำแนะนำจากกัปตัน ในช่วงแรกที่ฝึกฝน อย่าพึ่งตั้งเป้ากำไร ให้คิดแค่ว่าทำยังไง ให้รักษาเงินต้นให้ได้ และอยู่รอดเกินหนึ่งปีก่อน หลังจากนั้นค่อยนำสถิติของระบบ เพื่อมาหาว่า ระบบเราควรมีกำไรเท่าไหร่ ถึงจะพอดีกับสถิติของระบบ
7.มีแผนการเทรดเสมอ
ข้อนี้สำคัญมากๆ เราควรตอบตัวเองให้ได้ ว่าเมื่อไหร่ที่เราควรเทรด เมื่อไหร่ที่เราควรหยุด อย่าเทรดโดยใช้อารมณ์ เพราะมันจะต่างอะไรกับการเล่นพนัน ทำให้การเทรดเป็นเหมือนการทำธุรกิจ ต้องมีแผนชัดเจน และต้องทำตามให้ได้ตลอดรอดฝั่ง สิ่งนี้จะทำให้เราอยู่รอด
8. ควบคุมอารมณ์ของตัวเองขณะเทรดให้ได้ เพราะถ้าไม่ได้ อารมณ์จะเข้ามาเทรดแทนเรา และตอนนั้นความหายนะจะมาเยือน สำหรับกัปตันแล้ว เทคนิคคอลต่างๆ จุดเข้า จุดออก สามารถเรียนรู้กันได้ ใช้เวลาไม่นานแต่จิตวิทยาการเทรด การควบคุมอารมณ์ นี่ละ Key สำคัญที่ต้องใช้เวลาฝึกฝน เรียนรู้ และควบคุมมันให้ได้
ทำไมเทรดเดอร์สองคน เข้าออเดอร์จุดเดียวกัน พร้อมกัน แต่คนนึงขาดทุน แต่คนนึงกำไร นอกจากระบบที่จะเหมือนกันแล้ว แต่การควบคุมอารมณ์ขณะเข้าออเดอร์ ถืออเดอร์ แต่ละคนควบคุมได้ไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน สิ่งนี้เรียกว่าจิตวิทยาการเทรด
9.จดบันทึกการเทรด และเรียนรู้ที่จะแก้ไขข้อผิดพลาดในอดีต เพื่อพัฒนาตนเองในอนาคต การจดบันทึกการเทรด เป็นสิ่งนึงที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นเลย แต่เท่าที่คุยมากับน้องๆ ที่มาปรึกษา น้อยคนที่จะจดบันทึกการเทรด
หากเราไม่จดบันทึก เราจะจำได้อย่างไรว่าเราทำอะไรพลาดไปอารมณ์ของเราขณะนั้นเป็นแบบไหน และอัตราชนะ ความเสี่ยง ผลตอบแทน การเติบโตของพอร์ตเรา
.
Tip: ใช้ myfxbook เพื่อดูสถิติของเรา และบันทึกการเทรดแบบง่ายๆ ลงใน Word แล้วกลับมาดูเดือนละครั้ง แล้วหาจุดบกพร่องให้เจอ และแก้ไขมัน