ตอบ

ชื่อ:
อีเมล์:
หัวข้อ:
ไอค่อนข้อความ:

กันการสแปม
คำนำหน้านามของผู้ชายไทยคือ


Verification:
Type the letters shown in the picture
Listen to the letters / Request another image

Type the letters shown in the picture:
ลูกคนเล็กของadminชื่อ:

shortcuts: กด alt+s เพื่อตั้งกระทู้ หรือ alt+p แสดงตัวอย่าง


สรุปหัวข้อ

ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 04/08/25 »

 บทบรรยายวิดีโอ: ประวัติศาลยุติธรรมไทย

เสียงบรรยายพร้อมภาพประกอบ: รูปภาพเก่า, พระราชกรณียกิจ, อาคารศาล, พิพิธภัณฑ์ศาลไทย ฯลฯ

[ช่วงที่ 1: จุดเริ่มต้นของระบบศาลไทย]

ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ศาลไทยยังไม่มีรูปแบบชัดเจน การพิจารณาคดีต่างๆ กระจายอยู่ตามกระทรวงและกรมต่างๆ โดยศาลเหล่านี้ทำหน้าที่แทนพระมหากษัตริย์ในการตัดสินคดี

แต่เมื่อสังคมไทยเริ่มเปิดรับอิทธิพลตะวันตก และมีความสัมพันธ์กับต่างประเทศมากขึ้น ระบบศาลไทยจึงจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูป เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากลและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างประเทศ

[ช่วงที่ 2: การปฏิรูปในสมัยรัชกาลที่ 5]

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวางรากฐานระบบศาลยุติธรรมสมัยใหม่ โดยรวมศาลที่กระจัดกระจายมาอยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน เพื่อความเป็นธรรม รวดเร็ว และเหมาะสมในการพิจารณาคดี

ในโอกาสครบรอบ 100 ปีกรุงเทพฯ วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2425 พระองค์ทรงเสด็จวางศิลาฤกษ์ “ศาลสถิตย์ยุติธรรม” พร้อมจารึกพระราชดำรัสลงในแผ่นเงินที่เรียกว่า “หิรัญบัตร” เพื่อแสดงพระราชประสงค์ในการตั้งศาลให้เป็นที่พึ่งของประชาชน และเป็นหลักประกันความสงบสุขของแผ่นดิน

[ช่วงที่ 3: การพัฒนาต่อเนื่อง และการกำหนดวันศาลยุติธรรม]

นับแต่นั้นมา ศาลยุติธรรมได้ทำหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และในโอกาสกรุงเทพฯ ครบรอบ 220 ปี ซึ่งตรงกับศาลยุติธรรมครบรอบ 120 ปีในปี พ.ศ. 2545 สำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ศาลไทยและหอจดหมายเหตุ เพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์

และกำหนดให้วันที่ 21 เมษายนของทุกปี เป็น “วันศาลยุติธรรม”

[ช่วงที่ 4: การแยกอำนาจตุลาการให้เป็นอิสระ]

ในปี พ.ศ. 2478 มีการประกาศใช้พระธรรมนูญศาลยุติธรรม แยกงานออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ งานธุรการที่อยู่ภายใต้กระทรวงยุติธรรม และงานตุลาการซึ่งเป็นอำนาจของผู้พิพากษา

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2540 รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้บัญญัติให้แยกศาลยุติธรรมออกจากกระทรวงยุติธรรมอย่างชัดเจน โดยมีสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานอิสระขึ้นตรงต่อประธานศาลฎีกา และในปี พ.ศ. 2543 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรมได้ให้สถานะนิติบุคคลแก่สำนักงานศาลยุติธรรม

นับตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2543 ศาลยุติธรรมไทยจึงมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง

[ช่วงสรุป: ความสำคัญของศาลยุติธรรม]

จากวันวางรากฐานสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ศาลยุติธรรมไทยได้ยืนหยัดเป็นเสาหลักแห่งความยุติธรรม รับใช้ประชาชน ด้วยความซื่อสัตย์ เที่ยงธรรม และเป็นอิสระ เพื่อให้สังคมไทยดำรงอยู่ด้วยความสงบสุข มั่นคง และน่าเชื่อถือ สืบไป

 (ขึ้นข้อความท้ายคลิป)
21 เมษายน
"วันศาลยุติธรรม"
วันแห่งการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
และตระหนักถึงคุณค่าของความยุติธรรมในสังคมไทย