ข้อความโดย: banrong
« เมื่อ: 18/05/22 »การเทรดเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความพยายาม
แต่กับชีวิตคู่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน #ยิ่งพยายามยิ่งเหนื่อย
.
สำหรับคนที่มีคู่อยู่เเล้ว เเละคนที่ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตคู่
มันจะดีแค่ไหน ถ้าเรามีแหล่งพลังงานที่ดี
ที่ชาร์ตพลังให้เราได้ตลอด ไม่มีวันหมด
.
คู่เราก็มีช่วงเวลาเเย่ๆ บ่อยเหมือนกับครับ
แต่ถ้าให้นึกถึง พวกเราเเทบจะจำไม่ได้เลย เพราะพวกเราไม่ได้โฟกัส
.
พลังชีวิตคู่ที่ดีไม่จำเป็นต้องมาจากเรื่องราวที่ดีเสมอไป
แต่การพูดคุยแบบเปิดใจรับฟังกันต่างหากที่ใช่
เเละเป็นจุดเริ่มต้นของพลังเเห่งความรักที่มั่นคงมาก
.
ถ้าคู่ไหนไม่เคยทำ ในช่วงแรกจะยากเเละอาจจะเจ็บปวด
การปล่อยให้อีกฝ่ายพูดถึงความไม่สมบูรณ์แบบ
และเรื่องราวแย่ๆ ของเรา ซึ่งผมยอมรับเลยว่ามันเเทงใจมากครับ
มันเป็นช่วงที่ยากที่จะยอมรับเพื่อเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น
และใช้ชีวิตคู่ต่อแบบที่ไม่หลงเหลือสิ่งเคลือบเเคลงใจไว้เลย
.
วิธีการฝึกเปลี่ยนช่วงเวลาเเย่ๆ ให้เป็นความสัมพันธ์ที่เเข็งเเรงของคู่เรา
1. เลือก “ช่วงเวลาที่เหมาะสม”
เปิดใจพูดคุยเรื่องที่ต้องการเคลียร์ ในเวลาที่อีกฝ่ายพร้อมเท่านั้น
2. พูดคุยด้วย “ความรู้สึกที่เป็นกลาง” และเคารพอีกฝ่าย
เป็นการพูดเพื่อเคลียร์ความรู้สึกที่ติดค้าง หรืออะไรที่ไม่สบายใจ
ต้องพูดให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น ส่งผลยังไง ต้องการให้อีกฝ่ายช่วยอะไร
แล้วตกลงกันว่าเเล้วเราจะทำยังไงต่อดี
ถ้าอีกฝ่ายต้องปรับ แล้วอีกฝ่ายจะช่วยซัพพอร์ตยังไง
เพื่อให้การปรับนี้เป็นไปด้วยความสบายใจเเละไม่เครียดจนเกินไป
3. ฝึก “ตีความให้เห็นเฉพาะประโยชน์” จากเหตุการณ์นี้
แต่ถ้าผ่านไปด้วยตัวเองไม่ได้ ให้รีบเคลียร์คำถามที่เกิดขึ้นในใจ
หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เผลอไปตัดสินอีกฝ่ายว่าเขาทำร้ายเรา
จากการเข้าใจผิดหรือคิดไปเองข้างเดียว
4. ถ้ายังจบข้อ 3. ด้วยตัวเองไม่ได้ ให้ “ถามอีกผ่าย” ไปตรงๆ
ว่า เขาคิดยังไงกันเเน่ สิ่งที่เราเข้าใจหรือตีความหมายเชิงลบใช่ไหม
ความจริงเป็นยังไง เช่น ประโยคที่เธอพูด มันหมายความว่าฉันไม่เอาไหน
เธอหมายความว่ายังไงกันเเน่ เเล้วถ้าเขาตอบเเค่ว่าทั้งหมดเขาหมายความว่า
เขาเป็นห่วง เราก็จะตีความหมายเเค่นั้น ห้ามตีความในทางที่ผิดต่ออีก เพราะมันจะบานปลาย
5. รู้สึก “ขอบคุณกันและกัน” ที่จริงใจ เคารพ ช่วยเหลือและต่างก็ทำเพื่อต้องการรักษาความสัมพันธ์
จะพูดหรือเเค่รู้สึกก็ได้ แต่ถ้าช่วงเเรกพูดออกมา จะดีมากๆเลยครับ หรือถ้าคู่ไหนชอบที่จะเเสดงความรักต่อกันอยู่เเล้ว ทั้งกอดทั้งหอมได้หมดเลยครับยิ่งดีเลย เป็นการเพิ่มพลังเเละเคลียร์จบเหตุการณ์นี้ได้ดีมากๆ
วิธีการทั้งหมดนี้ทั้งสองฝ่ายต้องทำด้วยความยินดีที่จะเรียนรู้ ยอมรับ เติบโต และเคารพทั้งตัวเองและอีกฝ่ายนะครับ ปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามเวลาของมันด้วยความรู้สึกสนุกและปล่อยจอยไปกับมัน ถ้ารู้สึกเหนื่อยนั่นอาจจะหมายความว่าคุณพยายามมากจนเกินไป พยายามอยากจะผ่านเรื่องเเย่ๆไปเร็วๆ แต่ลองใช้วิธีนี้แบบไม่คาดหวังให้อีกฝ่ายเปลี่ยนทันใจเราดูครับ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของอีกฝ่าย จะเห็นว่าไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
.
.
ผมเชื่อว่าหลายคู่มีคู่ชีวิตที่ดีอยู่เเล้ว และถ้าเขาคนนั้นคือคนที่ใช่ เรามาเปลี่ยนความสัมพันธ์ของคู่เราให้เเข็งเเรงขึ้นจนเป็นพลังแห่งคู่ชีวิตที่ดีให้คู่เรากันครับ ใครผ่านเรื่องเเย่ๆด้วยกันมาด้วยวิธีไหนบ้าง เเชร์ให้ต้องอ่านกันได้นะครับ
แต่กับชีวิตคู่เป็นเรื่องละเอียดอ่อน #ยิ่งพยายามยิ่งเหนื่อย
.
สำหรับคนที่มีคู่อยู่เเล้ว เเละคนที่ตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตคู่
มันจะดีแค่ไหน ถ้าเรามีแหล่งพลังงานที่ดี
ที่ชาร์ตพลังให้เราได้ตลอด ไม่มีวันหมด
.
คู่เราก็มีช่วงเวลาเเย่ๆ บ่อยเหมือนกับครับ
แต่ถ้าให้นึกถึง พวกเราเเทบจะจำไม่ได้เลย เพราะพวกเราไม่ได้โฟกัส
.
พลังชีวิตคู่ที่ดีไม่จำเป็นต้องมาจากเรื่องราวที่ดีเสมอไป
แต่การพูดคุยแบบเปิดใจรับฟังกันต่างหากที่ใช่
เเละเป็นจุดเริ่มต้นของพลังเเห่งความรักที่มั่นคงมาก
.
ถ้าคู่ไหนไม่เคยทำ ในช่วงแรกจะยากเเละอาจจะเจ็บปวด
การปล่อยให้อีกฝ่ายพูดถึงความไม่สมบูรณ์แบบ
และเรื่องราวแย่ๆ ของเรา ซึ่งผมยอมรับเลยว่ามันเเทงใจมากครับ
มันเป็นช่วงที่ยากที่จะยอมรับเพื่อเคลียร์เรื่องที่เกิดขึ้น
และใช้ชีวิตคู่ต่อแบบที่ไม่หลงเหลือสิ่งเคลือบเเคลงใจไว้เลย
.
วิธีการฝึกเปลี่ยนช่วงเวลาเเย่ๆ ให้เป็นความสัมพันธ์ที่เเข็งเเรงของคู่เรา
1. เลือก “ช่วงเวลาที่เหมาะสม”
เปิดใจพูดคุยเรื่องที่ต้องการเคลียร์ ในเวลาที่อีกฝ่ายพร้อมเท่านั้น
2. พูดคุยด้วย “ความรู้สึกที่เป็นกลาง” และเคารพอีกฝ่าย
เป็นการพูดเพื่อเคลียร์ความรู้สึกที่ติดค้าง หรืออะไรที่ไม่สบายใจ
ต้องพูดให้หมดว่าเกิดอะไรขึ้น ส่งผลยังไง ต้องการให้อีกฝ่ายช่วยอะไร
แล้วตกลงกันว่าเเล้วเราจะทำยังไงต่อดี
ถ้าอีกฝ่ายต้องปรับ แล้วอีกฝ่ายจะช่วยซัพพอร์ตยังไง
เพื่อให้การปรับนี้เป็นไปด้วยความสบายใจเเละไม่เครียดจนเกินไป
3. ฝึก “ตีความให้เห็นเฉพาะประโยชน์” จากเหตุการณ์นี้
แต่ถ้าผ่านไปด้วยตัวเองไม่ได้ ให้รีบเคลียร์คำถามที่เกิดขึ้นในใจ
หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เผลอไปตัดสินอีกฝ่ายว่าเขาทำร้ายเรา
จากการเข้าใจผิดหรือคิดไปเองข้างเดียว
4. ถ้ายังจบข้อ 3. ด้วยตัวเองไม่ได้ ให้ “ถามอีกผ่าย” ไปตรงๆ
ว่า เขาคิดยังไงกันเเน่ สิ่งที่เราเข้าใจหรือตีความหมายเชิงลบใช่ไหม
ความจริงเป็นยังไง เช่น ประโยคที่เธอพูด มันหมายความว่าฉันไม่เอาไหน
เธอหมายความว่ายังไงกันเเน่ เเล้วถ้าเขาตอบเเค่ว่าทั้งหมดเขาหมายความว่า
เขาเป็นห่วง เราก็จะตีความหมายเเค่นั้น ห้ามตีความในทางที่ผิดต่ออีก เพราะมันจะบานปลาย
5. รู้สึก “ขอบคุณกันและกัน” ที่จริงใจ เคารพ ช่วยเหลือและต่างก็ทำเพื่อต้องการรักษาความสัมพันธ์
จะพูดหรือเเค่รู้สึกก็ได้ แต่ถ้าช่วงเเรกพูดออกมา จะดีมากๆเลยครับ หรือถ้าคู่ไหนชอบที่จะเเสดงความรักต่อกันอยู่เเล้ว ทั้งกอดทั้งหอมได้หมดเลยครับยิ่งดีเลย เป็นการเพิ่มพลังเเละเคลียร์จบเหตุการณ์นี้ได้ดีมากๆ
วิธีการทั้งหมดนี้ทั้งสองฝ่ายต้องทำด้วยความยินดีที่จะเรียนรู้ ยอมรับ เติบโต และเคารพทั้งตัวเองและอีกฝ่ายนะครับ ปล่อยให้ทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปตามเวลาของมันด้วยความรู้สึกสนุกและปล่อยจอยไปกับมัน ถ้ารู้สึกเหนื่อยนั่นอาจจะหมายความว่าคุณพยายามมากจนเกินไป พยายามอยากจะผ่านเรื่องเเย่ๆไปเร็วๆ แต่ลองใช้วิธีนี้แบบไม่คาดหวังให้อีกฝ่ายเปลี่ยนทันใจเราดูครับ ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติของอีกฝ่าย จะเห็นว่าไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย
.
.
ผมเชื่อว่าหลายคู่มีคู่ชีวิตที่ดีอยู่เเล้ว และถ้าเขาคนนั้นคือคนที่ใช่ เรามาเปลี่ยนความสัมพันธ์ของคู่เราให้เเข็งเเรงขึ้นจนเป็นพลังแห่งคู่ชีวิตที่ดีให้คู่เรากันครับ ใครผ่านเรื่องเเย่ๆด้วยกันมาด้วยวิธีไหนบ้าง เเชร์ให้ต้องอ่านกันได้นะครับ