ข้อความโดย: admin
« เมื่อ: 25/06/24 »นักธุรกิจชื่อดังคนหนึ่ง ของ เมืองไทย
ให้สัมภาษณ์ กับ นิตยสารฉบับหนึ่ง
เขาเล่าว่า
ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจมาทั้งชีวิต
เขามีเงินมากพอที่จะตระเวนซื้อบ้าน
ตั้งแต่ เชียงราย ถึง สุไหงโกลก
(เหนือสุด จรด ใต้สุด) มีบ้าน 'เกิน' 10 หลัง
"แต่ใน หนึ่งปี
เขากลับได้นอน 'ไม่ครบ'
ทุกหลัง เลย
ส่วน คนที่ได้นอนครบเกือบทุกหลัง
คือ คนรับใช้ของเขา"
คนรับใช้ ได้นอนคฤหาสน์หรู
ที่ เชียงราย เชียงใหม่ เลย
ขอนแก่น ภูเก็ต และ หัวหิน
คนรับใช้ทุกคน อยู่อย่างมีความสุข
ท่ามกลาง ธรรมชาติ ต้นไม้ แม่น้ำ
และ ความสงบ ภายในบริเวณบ้าน
แต่ เศรษฐี ที่เป็น เจ้านาย
กลับทำงานหนักงกๆ อยู่ใน
กรุงเทพฯ ... แต่ละวัน เจอ
รถติด 'ไม่ต่ำกว่า' 3-4 ชั่วโมง
และอาศัยอยู่ใน คอนโดฯ รังหนู
ขนาด 'ไม่ได้ครึ่งหนึ่ง' ของ
บ้านพักตากอากาศ ที่ เขา
ซื้อเลย นี่คือ ชีวิต ของ คนกรุง
ที่ เขา ต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ขณะที่ ชีวิตของเขา กำลังไปได้ดี
เขาก็เริ่มป่วย ด้วย โรค สำหรับ
คนรวย นั่นคือ 'โรคมะเร็ง'
ในที่สุด เขา ก็ต้องรับการบำบัด
ด้วยการ ฉายคีโม แล้ว ผมก็ร่วง
เขา มองเห็น สภาพของตัวเอง
นอนอยู่บนเตียง รู้สึกตัวว่า
ใกล้จะเป็น ซอมบี้ เข้าไปทุกที
'ไม่นาน' ... ก็เกิดอาการ
บรรลุธรรมน้อยๆ ขึ้นมาบนเตียง ว่า
"แท้ที่จริงแล้ว ...
- ชีวิตนั้น ต้องการ ที่นอน
เพียงพอแค่ รองรับ
แผ่นหลัง ได้เท่านั้น
- เงิน ก็อยู่ใน ธนาคาร
- ชื่อเสียง ก็อยู่กับ สายลม"
ในช่วงแรกๆ ที่ เขา ป่วย
ก็มีคนทยอยมาเยี่ยม แต่ครั้นเริ่ม
'ป่วยหนัก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย'
'ไม่มีคนอยากเห็นสภาพของเขาแล้ว'
และ 'ก็ไม่อยากให้ใครมาเยี่ยม'
เพื่อเห็น เขา ด้วย
เขา ตัดสินใจว่า
"จะขอตาย ... ไปกับ
สภาพที่ไม่อยากให้ใครเห็น"
วันหนึ่ง ... ตื่นขึ้นมา
ก็เกิดอาการ 'สังเวชตัวเอง' ว่า
"ชีวิตเราที่จริงนั้น
'ไม่ต้องการอะไรมากเลย'
เราต้องการ 'สิ่งพื้นฐานที่สุด'
นั่นก็คือ
- ขอให้ผมกลับมาดำเหมือนเดิม
- ขอให้เคี้ยวข้าว และ กลืนลงคอ
'ได้โดยไม่เจ็บ'
- ขอแค่อยากเข้าห้องน้ำ ก็เดินเข้าได้
โดย 'ไม่มีคนคอยประคอง'
- และ ขอให้นอนลงไปบนเตียง
'เต็มแผ่นหลัง' ... โดย
'ไม่ต้องร้องโอดโอยเจ็บปวด'
แทบล้มประดาตาย"
เขา เริ่มตระหนักได้ว่า
"แท้จริงแล้ว ...
ชีวิต ไม่ต้องการอะไรมาก"
เขา ตัดสินใจสละทุกอย่าง
พอปล่อยลง ปลงได้ ต่อมา
ก็หายป่วย 'หนึ่ง ใน ล้านคน'
จะเป็นอย่างนี้ คนหนึ่ง
เมื่อออกมาจาก โรงพยาบาล แล้ว
เขา ก็ขายบ้านทุกหลัง ที่มีตั้งแต่
เหนือ จรด ใต้ เขาบอกว่า
"ป่วยใหญ่คราวนี้ ผม รู้เลยว่า
'สิ่งที่จำเป็นที่สุดของชีวิต' คือ อะไร
และหันหลังให้ ชีวิตความเป็น
นักธุรกิจ อย่างสิ้นเชิง ตัดสินใจ
ไปใช้ชีวิตเรียบง่ายใน ต่างจังหวัด
ทำเกษตรอินทรีย์
- บอกลา ความหรูหรา เกียรติยศ
- บอกลา ชื่อเสียง ลาภยศ ทรัพย์สิน
อำนาจ ที่คนประเคนให้ทั้งหมด
เมื่อ ความตาย มาถึง
สิ่งเหล่านี้ทั้งหลาย
'กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย'
ทุกวันนี้ เขา อยู่กับ สิ่งที่มีความสุข
เป็นชีวิตที่แสนจะเรียบง่าย
ไม่ต้องการอะไรมากมาย"
นี่คือ ตัวอย่าง ของ คนที่ค้นพบ
คุณค่าของชีวิตที่แท้จริง
เมื่อค้นพบอย่างนี้
- เรื่องที่อยู่
เขา 'ไม่สะสม' อีกต่อไป
- สิ่งที่สะสมตอนนี้ คือ สุขภาพ
เขา บอกว่า ตอนที่ ผมป่วย
ผมลืมตาขึ้นมาเห็นแต่ พยาบาล
ญาติคนหนึ่ง ... 'ก็ไม่เห็น'
ญาติมาเยี่ยม แล้วก็หายไป
บอกว่า ติดงาน
เขาลุกขึ้นมาบนเตียง
แล้วเขียน ไดอะรี่ ว่า
"แม้ตอนที่ ผมจะตาย
ญาติของผม ก็ยังมีแก่ใจว่า
'ติดงาน' สงสัย จะว่าง
ตอน ผมตายแล้ว"
นี่คือ สิ่งที่เขาสะเทือนใจที่สุด
เขามารู้ สัจธรรม บนเตียงนอน
ในขณะที่เข้ารับการรักษาใน
โรงพยาบาลนี่เอง และได้รู้ว่า
"ชีวิตนี้ ต้องใช้ให้ง่ายที่สุด
'ไม่อย่างนั้น จะไม่เหลือ'
วันเวลาแห่งความสุข
สำหรับ ตัวเอง เลย"
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป
มรณานุสติ !!!
ผมคัดลองมาจากเพจคำคมอีกที
เพราะเห็นว่าดี และมีประโยชน์
ให้สัมภาษณ์ กับ นิตยสารฉบับหนึ่ง
เขาเล่าว่า
ตลอดระยะเวลาที่ทำธุรกิจมาทั้งชีวิต
เขามีเงินมากพอที่จะตระเวนซื้อบ้าน
ตั้งแต่ เชียงราย ถึง สุไหงโกลก
(เหนือสุด จรด ใต้สุด) มีบ้าน 'เกิน' 10 หลัง
"แต่ใน หนึ่งปี
เขากลับได้นอน 'ไม่ครบ'
ทุกหลัง เลย
ส่วน คนที่ได้นอนครบเกือบทุกหลัง
คือ คนรับใช้ของเขา"
คนรับใช้ ได้นอนคฤหาสน์หรู
ที่ เชียงราย เชียงใหม่ เลย
ขอนแก่น ภูเก็ต และ หัวหิน
คนรับใช้ทุกคน อยู่อย่างมีความสุข
ท่ามกลาง ธรรมชาติ ต้นไม้ แม่น้ำ
และ ความสงบ ภายในบริเวณบ้าน
แต่ เศรษฐี ที่เป็น เจ้านาย
กลับทำงานหนักงกๆ อยู่ใน
กรุงเทพฯ ... แต่ละวัน เจอ
รถติด 'ไม่ต่ำกว่า' 3-4 ชั่วโมง
และอาศัยอยู่ใน คอนโดฯ รังหนู
ขนาด 'ไม่ได้ครึ่งหนึ่ง' ของ
บ้านพักตากอากาศ ที่ เขา
ซื้อเลย นี่คือ ชีวิต ของ คนกรุง
ที่ เขา ต้องเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
ขณะที่ ชีวิตของเขา กำลังไปได้ดี
เขาก็เริ่มป่วย ด้วย โรค สำหรับ
คนรวย นั่นคือ 'โรคมะเร็ง'
ในที่สุด เขา ก็ต้องรับการบำบัด
ด้วยการ ฉายคีโม แล้ว ผมก็ร่วง
เขา มองเห็น สภาพของตัวเอง
นอนอยู่บนเตียง รู้สึกตัวว่า
ใกล้จะเป็น ซอมบี้ เข้าไปทุกที
'ไม่นาน' ... ก็เกิดอาการ
บรรลุธรรมน้อยๆ ขึ้นมาบนเตียง ว่า
"แท้ที่จริงแล้ว ...
- ชีวิตนั้น ต้องการ ที่นอน
เพียงพอแค่ รองรับ
แผ่นหลัง ได้เท่านั้น
- เงิน ก็อยู่ใน ธนาคาร
- ชื่อเสียง ก็อยู่กับ สายลม"
ในช่วงแรกๆ ที่ เขา ป่วย
ก็มีคนทยอยมาเยี่ยม แต่ครั้นเริ่ม
'ป่วยหนัก ก็ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย'
'ไม่มีคนอยากเห็นสภาพของเขาแล้ว'
และ 'ก็ไม่อยากให้ใครมาเยี่ยม'
เพื่อเห็น เขา ด้วย
เขา ตัดสินใจว่า
"จะขอตาย ... ไปกับ
สภาพที่ไม่อยากให้ใครเห็น"
วันหนึ่ง ... ตื่นขึ้นมา
ก็เกิดอาการ 'สังเวชตัวเอง' ว่า
"ชีวิตเราที่จริงนั้น
'ไม่ต้องการอะไรมากเลย'
เราต้องการ 'สิ่งพื้นฐานที่สุด'
นั่นก็คือ
- ขอให้ผมกลับมาดำเหมือนเดิม
- ขอให้เคี้ยวข้าว และ กลืนลงคอ
'ได้โดยไม่เจ็บ'
- ขอแค่อยากเข้าห้องน้ำ ก็เดินเข้าได้
โดย 'ไม่มีคนคอยประคอง'
- และ ขอให้นอนลงไปบนเตียง
'เต็มแผ่นหลัง' ... โดย
'ไม่ต้องร้องโอดโอยเจ็บปวด'
แทบล้มประดาตาย"
เขา เริ่มตระหนักได้ว่า
"แท้จริงแล้ว ...
ชีวิต ไม่ต้องการอะไรมาก"
เขา ตัดสินใจสละทุกอย่าง
พอปล่อยลง ปลงได้ ต่อมา
ก็หายป่วย 'หนึ่ง ใน ล้านคน'
จะเป็นอย่างนี้ คนหนึ่ง
เมื่อออกมาจาก โรงพยาบาล แล้ว
เขา ก็ขายบ้านทุกหลัง ที่มีตั้งแต่
เหนือ จรด ใต้ เขาบอกว่า
"ป่วยใหญ่คราวนี้ ผม รู้เลยว่า
'สิ่งที่จำเป็นที่สุดของชีวิต' คือ อะไร
และหันหลังให้ ชีวิตความเป็น
นักธุรกิจ อย่างสิ้นเชิง ตัดสินใจ
ไปใช้ชีวิตเรียบง่ายใน ต่างจังหวัด
ทำเกษตรอินทรีย์
- บอกลา ความหรูหรา เกียรติยศ
- บอกลา ชื่อเสียง ลาภยศ ทรัพย์สิน
อำนาจ ที่คนประเคนให้ทั้งหมด
เมื่อ ความตาย มาถึง
สิ่งเหล่านี้ทั้งหลาย
'กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย'
ทุกวันนี้ เขา อยู่กับ สิ่งที่มีความสุข
เป็นชีวิตที่แสนจะเรียบง่าย
ไม่ต้องการอะไรมากมาย"
นี่คือ ตัวอย่าง ของ คนที่ค้นพบ
คุณค่าของชีวิตที่แท้จริง
เมื่อค้นพบอย่างนี้
- เรื่องที่อยู่
เขา 'ไม่สะสม' อีกต่อไป
- สิ่งที่สะสมตอนนี้ คือ สุขภาพ
เขา บอกว่า ตอนที่ ผมป่วย
ผมลืมตาขึ้นมาเห็นแต่ พยาบาล
ญาติคนหนึ่ง ... 'ก็ไม่เห็น'
ญาติมาเยี่ยม แล้วก็หายไป
บอกว่า ติดงาน
เขาลุกขึ้นมาบนเตียง
แล้วเขียน ไดอะรี่ ว่า
"แม้ตอนที่ ผมจะตาย
ญาติของผม ก็ยังมีแก่ใจว่า
'ติดงาน' สงสัย จะว่าง
ตอน ผมตายแล้ว"
นี่คือ สิ่งที่เขาสะเทือนใจที่สุด
เขามารู้ สัจธรรม บนเตียงนอน
ในขณะที่เข้ารับการรักษาใน
โรงพยาบาลนี่เอง และได้รู้ว่า
"ชีวิตนี้ ต้องใช้ให้ง่ายที่สุด
'ไม่อย่างนั้น จะไม่เหลือ'
วันเวลาแห่งความสุข
สำหรับ ตัวเอง เลย"
เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป
มรณานุสติ !!!
ผมคัดลองมาจากเพจคำคมอีกที
เพราะเห็นว่าดี และมีประโยชน์