แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - admin

หน้า: [1] 2 3 ... 7
1
แพ้แต่ไม่พัง ทำไม SL จึงไม่ใช่ความล้มเหลว
พี่ๆเคยเจอกันบ้างไหมครับ
เวลาไม้ที่ตั้งใจวางแผนดีๆ แล้วมันไม่เป็นไปตามที่คิด
แทนที่ราคาจะวิ่งไปทาง TP กลับพุ่งไปโดน SL เฉยเลย
บางครั้งมันก็แค่ ผลลัพธ์มันไม่ได้เป็นแบบที่เราคิดไว้เลย
แต่กระบวนการคิด กระบวนการวางแผน เราทำมันถูกต้องหมดแล้วนะครับ
เมื่อเรา SL ไม่ได้แปลว่าเราพลาด แต่มันคือราคาที่ต้องจ่าย เพื่อจะเข้าใจตลาดมากขึ้น
แผนนึงที่ไอเคยเข้าไว้ ใช้ divergence MACD ยืนยันชัดเลย
ราคาก็เข้าโซนที่มองไว้เป๊ะ
เข้าไม้ไปแบบมั่นใจมาก
สุดท้ายก็โดน SL แล้วราคาก็วิ่งขึ้นต่อเหมือนไม่แคร์เราเลย
ตอนนั้น ยังจัดการอารมณ์ได้ไม่ดีพอ อารมณ์มาเต็ม
แต่พอไอหยุดคิด ไอก็ถามตัวเองกลับว่า
- แผนที่วางมันมีเหตุผลมั้ย?
- จุดเข้าโอเคมั้ย?
- SL อยู่ตรงไหน? ตามระบบจริงๆหรือเปล่า?
สุดท้ายคำตอบคือ มันก็โอเคทั้งหมดนั่นแหละครับ
แค่ตลาดมันไม่ไปทางที่เราอยากให้ไปเท่านั้นเอง
คนที่อยู่รอดในตลาด ไม่ใช่คนที่ไม่แพ้เลย
แต่เป็นคนที่ “แพ้เป็น”
เพราะยังไงเราก็หนี SL ไม่ได้อยู่ดี
มันคือส่วนหนึ่งของเกมนี้
อยู่ที่ว่าเราจะปล่อยผ่านไปเฉยๆ หรือจะหยิบมันมาคิด แล้วเก็บไว้เป็นบทเรียน
สำหรับไอ ไอเลือกอย่างหลัง
ไอเก็บทุกไม้แพ้ไว้ใน journal
ไม่ใช่แค่เพื่อจำ แต่เพื่อเข้าใจมันให้มากขึ้น
ชนะไม่ได้แปลว่าเราเก่งเสมอไป แพ้ก็ไม่ได้แปลว่าเราแย่
บางไม้ที่ชนะ มันเกิดจากดวง
บางไม้ที่แพ้ มันเกิดจากการวางแผนที่ดี แต่แค่กราฟไม่เป็นใจ
แล้วเราจะเอาผลลัพธ์มาตัดสินคุณค่าตัวเองทำไม ถูกมั้ยครับ?
สิ่งสำคัญกว่ากำไร คือ การอยู่ให้รอด และอยู่ให้ได้นาน
แต่ถ้าเราเสียใจกับไม้เดียวจนไม่กล้ากลับมาใหม่ อันนั้นต่างหากที่น่าเสียดาย
เพราะบางที บทเรียนที่เราต้องการที่สุด อาจซ่อนอยู่ในไม้ถัดไปก็เป็นได้ครับ อาจจะเป็นแผนที่ทำให้เราตกผลึกอะไรบางอย่าง
สุดท้ายไออยากจะบอกว่า อย่ากลัวแพ้
ทุกไม้ที่เข้า ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะ มันมีบทบาทของมันเสมอ
บางไม้ให้กำไร บางไม้ให้บทเรียน
แต่ถ้าเราไม่หยุดเรียนรู้ ไม่เลิกเชื่อในเส้นทางของตัวเอง
วันหนึ่ง พี่ๆจะกลายเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จได้แน่นอน
ไม่ใช่เพราะโชคช่วย
แต่เพราะพี่ๆ “กล้าเดินต่อ” ในวันที่หลายคนยอมแพ้


2
วิธีการ vs มายด์เซ็ทในการเทรด
– มีแค่เทคนิคดีเพียงพอไหม? หรือจิตใจต้องพร้อมด้วย?
“ทำไมเราเทรดระบบเดียวกันเป๊ะๆ แต่บางคนล้างพอ์รต บางคนกลับทำกำไsได้?"
ถ้าเราเคยถามคำถามนี้กับตัวเอง ไออยากบอกว่า พี่ไม่ได้ล้มเหลวซะทีเดียว แต่ยังขาดคุณสมบัติบางอย่างที่เทรดเดอร์มืออาชีพ....ต้องมีให้ครบ
คำถามที่ตามมาด้วยคำตอบในบทความนี้ จะเปลี่ยนทัศนคติต่อโลกการเทรดและมุมมองของเราไปเลย..
คำตอบคือ → เทรดให้สำเร็จไม่ได้อยู่แค่ “How to ” หรือวิธีการเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องมาพร้อมกับ “Mindset” หรือทัศนคติที่ถูกต้องด้วย
เพราะการเทรดคือ “เกมของนักคิด” ไม่ใช่ “เกมของนักเดา”
พี่ๆ ลองนึกภาพดู…
How to (วิธีการ) = กระบี่ที่โคตรคม
Mindset (วิธีคิด) = นักดาบที่ตวัดกระบี่นั้น
ถ้าพี่ถือดาบดีสุดในโลก แต่ไม่มีวินัย ไม่มีกึ๋น ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ควรฟัน เมื่อไหร่ควรรอ หรือเองแม้กระทั่งเมื่อไหร่ควรหยุด สุดท้ายก็แพ้ให้กับคนที่มีดาบธรรมดาแต่ฝึกฝนมาอย่างหนักอยู่ดี..
"กระบี่อยู่ที่ใจ แม้นไม้ไผ่ก็ไร้เทียมทาน"
การเป็นเทรดเดอร์ก็เหมือนกัน
- มีระบบดีแต่ขาด Mindset → พอร์ตพังเพราะใจไม่นิ่ง
- มี Mindset ดีแต่ขาดระบบ → พอร์ตไม่โต เพราะไม่มีหลักการ ขาดความสามารถในการทำซ้ำ
- มีทั้งสองอย่าง → นี่คือเทรดเดอร์ที่อยู่รอดและกำไร
 ทำไมคนบางคนเทรดกำไsได้ต่อเนื่อง แต่บางคนล้างพอร์ตตลอด?
 เคยสงสัยไหมว่า…
- ทำไมบางคนแม้เทรดแย่ แต่พอร์ตไม่ล้าง?
- ทำไมบางคนเก่งเรื่องกราฟ แต่สุดท้ายก็หมดตัว?
...คำตอบคือ พวกเขามีวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน
คนที่กำไรได้… ไม่ใช่เพราะพวกเขา “รู้มากกว่า” แต่เพราะพวกเขา “คิดต่างกว่า”
ไออยากให้พี่ๆ ลองเปลี่ยนมุมมอง
เลิกคิดว่า → “ต้องเทรดชนะทุกไม้”
เปลี่ยนเป็น → “ต้องอยู่รอดให้ได้ในเกมระยะยาว”
คนที่รอดในตลาด ไม่ใช่คนที่เทรดเก่งที่สุด… แต่คือคนที่ “ปรับตัวเก่งที่สุด” ในวันที่ตลาดไม่เป็นใจ เขาแพ้ศึก แต่ชนะสงครามในระยะยาว เพราะเมื่อชนะ จะได้มากกว่าตอนแพ้เสมอ (RRR)
HOW – เทรดยังไงให้ได้กำls?
พี่ๆ เคยเห็นไหม? บางคนมีสูตรเทพ มีระบบที่ดี แต่ยังขาดทุน… เพราะอะไร?
เพราะพวกเขา “ขาดความเข้าใจในการใช้เครื่องมือ”
1. วิเคราะห์ตลาดให้เป็น (Market Analysis)
พี่ๆ เคยเดาตลาด แล้วผิดทางกันไหมครับ?
เทรดเดอร์ที่ดี ไม่ใช่คนที่ทำนายอนาคตเก่ง แต่คือคนที่อ่านปัจจุบันได้แม่น
วิธีการที่ไอมักใช้ในการดู Market Structure
Smart Money Concept (SMC) และ Volume Profile
ตัวอย่างจริง
กลยุทธ์ที่ไอใช้บ่อยๆ หลักๆจะต้องหาโซน Demand,Supply ของ HTF ก่อนเสมอ เช่นเรารู้ว่าโครงสร้างราคาปัจจุบันเป็น SW ไอมาร์คจุดไว้ เพื่อรอการ CHoCH ใน LTF
ตอนนั้นราคาได้ขึ้นมาทดสอบโซน Supply HTF มีการ CHoCH ใน LTF และกลับมาทดสอบ Order block อีกครั้ง จึงตัดสินใจเข้าออเดอร์ตามแผน … โป๊ะ! ราคากลับตัวลงตรงจุดนั้นพอดี
เพราะการวิเคราะห์ตลาดที่ถูกต้องทำให้ไอเทรดแบบ “เห็นภาพ” ไม่ใช่เดา
2. ควบคุมความเสี่ยง (Risk Management)
“ไม่มีใครรวยจากไม้เดียว แต่มีหลายคนหมดตัวจากการขาดทุนเพียงครั้งเดียว
สิ่งที่ไอทำ:
✔ Risk-to-Reward Ratio (RRR) ไม่น้อยกว่า 1:2 หรือ 1:3
✔ ไม่เสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ตต่อออเดอร์
✔ ตั้ง Stop Loss (SL) ชัดเจน ไม่ดื้อเด็ดขาด
บทเรียนจากประสบการณ์
ไอเคยคิดว่า “ไม้สุดท้ายนี้แหละ ชัวร์ ถูกทางแน่นอน!” แต่ตลาดไปคนละทางเลย แล้วเลื่อน SL หนี … ผลคือ ล้างพอร์ต  = เพราะตลาดไม่เคยสนใจว่าเราคิดอะไร
3. เทรดตามแผน ไม่เทรดตามอารมณ์ (Trading Plan)
“พอร์ตส่วนใหญ่ไม่ได้ล้างเพราะระบบไม่ดี แต่มันล้างเพราะเจ้าของพอร์ตใจไม่นิ่ง”
ไอเคยเริ่มวันด้วย -100$ แล้วหัวร้อน เทรดต่อไปเรื่อยๆ … สุดท้าย -1,000$
สาเหตุมาจากขาดการคุมอารมณ์ คุมอารมณ์ไม่ได้ = อารมณ์เข้ามาเทรดแทน
MINDSET – จิตวิทยาการเทรดจึงสำคัญกว่าที่คิด
พี่ๆ เคยรู้สึกมั้ย?
- มีระบบเทรดดีๆ แต่พอร์ตไม่โต?
- บางวันกำไs บางวันพอร์ตพัง เพราะ “อารมณ์ล้วนๆ”
- เวลาเสีย มักจะรีบเข้าไม้ใหม่เพราะอยากถอนทุนคืน
- เวลาได้กำไร ก็กลัวเสียคืน เลยปิดเร็วเกินไป
ถ้าเคยเจอแบบนี้ ไอว่า “ปัญหาอาจไม่ใช่ที่ระบบ แต่เป็นที่ MINDSET”
ถ้าคุณกำลังเป็นแบบนี้อยู่ มาเรียนรู้เคล็ดลับจิตวิทยาการเทรด ที่ช่วยให้พอร์ตเติบโตได้จริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูดสวยหรู
ทำไมเทรดเดอร์ถึงพังเพราะจิตวิทยา?
ไอยกตัวอย่างง่ายๆ…
พี่ A มีระบบที่แม่น 80%
แต่พอเจอ 3 ไม้ติดลบ เริ่มลังเล เปลี่ยนระบบใหม่ พอเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา สุดท้ายพอร์ตไม่ไปไหน
พี่ B ได้กำไsอยู่ดีๆ
แต่พอเห็นกราฟยังวิ่งต่อ ก็เข้าเพิ่มเพราะ “เสียดายโอกาส” สุดท้ายโดนลากกลับมาขาดทุน
พี่ C ตั้ง Stop Loss ไว้แล้ว
แต่พอราคาวิ่งใกล้ๆ กลับขยับ SL หนี เพราะ “คิดว่าเดี๋ยวมันเด้ง” สุดท้าย สลิปเพจ ปลิว ไปเลย
ไอถามพี่ๆ… ปัญหาคือระบบ หรือจิตใจ?
ใช่แล้วครับ มันคือจิตใจ ไม่ใช่ระบบ!
แล้วเทรดเดอร์ที่รอด เขาคิดยังไง?
- พวกเขาเข้าใจว่า การแพ้เป็นส่วนหนึ่งของเกม
- พวกเขาโฟกัสที่กระบวนการ ไม่ใช่แค่กำไรขาดทุน
- พวกเขามีวินัย ทำตามแผนเสมอ
ไอรู้จักพี่เทรดเดอร์คนหนึ่งที่ทำกำไรได้ทุกปี เพราะเขา “ไม่สนว่าออเดอร์นี้จะชนะหรือแพ้” แต่เขา “สนใจว่า 100 ออเดอร์ผลรวมแล้ว เขายังทำกำไs ได้หรือเปล่า?”
แนวคิดนี้จึงเป็นนี่ความแตกต่างระหว่างผีพนัu vs. เทรดเดอร์ตัวจริง
แล้วพี่ๆ จะสร้าง MINDSET เทรดเดอร์ยังไงดี?
1. ฝึกมองเทรดเป็น % ของพอร์ต ไม่ใช่เงินสด
ถ้าพอร์ต 1 ล้าน แล้วเสีย 1% = ขาดทุนแค่ 10,000 บาทแต่ถ้าคิดว่า “เฮ้ย! 10,000 หายไปแล้ว” ความกลัวจะครอบงำ
2. เทรดตามแผน ไม่ใช่ตามอารมณ์
กำไร = เก็บไปตามระบบ
ขาดทุน = ปิดแล้วไปต่อ ไม่ต้องแก้แค้นตลาด
3. หยุดเทรด ถ้าหัวร้อน!
พอร์ตไม่หายไปไหน แต่ถ้าอารมณ์พังก่อน = พอร์ตหายแน่
4. คิดแบบ “เจ้ามือ” ไม่ใช่ผีพนัu
ถ้าพี่เป็นเจ้ามือคๅสิโน (House) พี่จะไม่สนว่าคืนนี้ใครชนะ ใครจะllจ็กwoตแตก แต่จะสนว่า “สุดท้ายระยะยาว ตัวเองกำไsหรือเปล่า?” และแน่นอนครับสุดท้ายเจ้ามือชนะเสมอ เพราะเขามีระบบ และปล่อยให้ระบบทำงานด้วยหลักคณิตศาสตร์ ไม่ปล่อยให้สภาวะอารมณ์เข้ามาเกี่ยว
สรุป
Mindset ที่ดี = พอร์ตที่โตได้จริงครับ
แต่อย่าลืมว่า “การเทรดคือเกมระยะยาว” คนที่แพ้คือคนที่คุมอารมณ์ไม่ได้ แต่คนที่รอดคือคนที่ “เล่นตามกฎของตัวเองได้ตลอด”
พี่ๆ เคยมีโมเมนต์ที่รู้สึกว่า “ถ้าวันนั้นควบคุมอารมณ์ได้ ป่านนี้พอร์ตคงไม่พัง” มั้ย? หรือเคยเจอจังหวะที่ตลาดทดสอบจิตใจสุดๆ แล้วฝืนไม่ทำตามแผน สุดท้ายพังไปเอง?
ถ้าเคยละก็ ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปลี่ยน เพราะเราไม่สามารถคาดหวังผลลัพธ์แบบใหม่จากการกระทำแบบเดิมๆ ได้..
ขอให้โชคดี มีวินัยครับผม
______________________
 สำหรับไอ คำขอบคุณที่มีความสุขที่สุด ไม่ใช่แค่การกดไลค์หรือคอมเมนต์บอกว่า “ขอบคุณนะ” แต่คือการที่พี่ๆ มาแชร์ โมเมนต์การเทรด ของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นจังหวะที่พลาด หรือช่วงที่เอาชนะความกลัวของตัวเองได้
เพราะทุกเรื่องราวที่พี่ๆ แชร์ ไม่ใช่แค่บทเรียนของตัวเอง แต่ยังช่วยให้คนอื่นได้เรียนรู้ไปด้วยกัน
มาแลกเปลี่ยนกันนะครับ ไออยากฟังว่าพี่ๆ เคยเจออะไรบ้าง แล้วผ่านมันมาได้ยังไงเม้นเลย


3
เทรดตามสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่คิดแล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป
“การเทรดคือ Reaction ไม่ใช่ Prediction” อ่านบทความนี้ให้จบแล้วผลการเทรดจะดีขึ้น 80%
สวัสดีครับพี่ๆช่วงนี้ไอสังเกตเห็นคอมเม้นท์ในกลุ่มเทรดต่างๆ ถามคำถามเดียวกันเยอะมากๆ
- ทองน่าจะ Buy หรือ Sell ดี เห็นราคาขึ้นมาเยอะ?
- ทองน่าจะขึ้นนะ Buy ดีมั้ย?
- ทองน่าจะขึ้นมาสูงแล้ว เริ่ม Sell ได้ไหม?
ในทุกประโยคมีคำว่า “น่าจะ” และเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ ไอเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เพราะตอนเริ่มเทรดใหม่ๆ ไอก็เคยคิดแบบนี้... จนวันนึงเจอบทเรียนราคาแพงที่โดนแล้วโดนอีกจนต้องบังคับให้ตัวเองเปลี่ยนวิธีคิดไปเลย
 บทเรียนที่เปลี่ยนมุมมองไอไปตลอดกาล
ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิทระบาด ทองพุ่งไม่หยุดขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนๆ ข่าวร้ายออกมาเพียบและทุกสำนักวิเคราะห์บอกว่าต้องขึ้นต่อแน่นอน
ไอก็คิดเหมือนคนอื่นๆ ว่า...
"ขึ้นแรงขนาดนี้ ต้องไปต่อแน่ๆ"
"ข่าวร้ายขนาดนี้ ไม่ขึ้นได้ไง"
"รีบ Buy เลยดีกว่า เดี๋ยวจะตกรถ"
สารพัดความคิดที่ใช้เทรด มันแล่นเข้ามาในสมองรัวๆ
ผลลัพธ์ก็คือไอเปิด Buy ด้วย Lot ใหญ่ที่สุดในชีวิต... ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นน่าจะ 17 lot พอร์ตส่วนตัวด้วยไม่ใช่พอร์ตกองทุน สิ่งที่ไอทำคือ
- ไม่ได้รอสัญญาณยืนยัน
- ไม่ได้ดูแนวต้านสำคัญ
- ไม่ได้วาง Stop Loss
แค่เทรดด้วยความรู้สึกว่า "น่าจะ"
และแล้ว... ราคาก็พลิกทันทีที่ไอเข้าเทรด
พอร์ตติดลบ Drawdown ทันที 30% ใน 30 นาทีแรก
จากนั้นก็พยายามถัวไม้จนติดลบเกือบ 50%
และต่อมาก็ระเบิด เงินหลักล้านหายไปในพริบตา...
นั่นคือผลของการเทรดด้วยการคาดเดาหรือคาดการณ์
 แล้วจริงๆเราควรเทรดยังไง?
การเทรดที่ดีต้องเป็น "Reaction" ไม่ใช่ "Prediction"
คือการเทรดตามสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เราคิด เทรดแบบตอบสนองตลาด ไม่ใช่นำตลาดไปก่อนด้วยความคิดที่ว่า “น่าจะ”
มาดูตัวอย่างการเทรดแบบ Reaction กันครับ
 เทรดแบบ Reaction (ตอบสนอง)
- เห็นราคาวิ่งขึ้นแรง
- รอให้มาถึงแนวต้านสำคัญที่ 2050
- ดูว่ามี Pin Bar หรือ Evening Star ไหม
- ถ้าเห็นสัญญาณกลับตัว ค่อยเข้า Sell
- วาง SL เหนือ High ของแท่งกลับตัว
ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบคาดเดา
 เทรดแบบ Prediction (คาดเดา)
- เห็นราคาวิ่งขึ้นแรง
- คิดว่าต้องย่อแน่ๆ
- รีบ Sell ทันทีโดยไม่รอสัญญาณ
- ไม่ได้วาง SL
- เจอราคาวิ่งต่อจนติดดอย
เห็นความต่างไหมครับ? คนนึงรอให้ตลาดพิสูจน์ตัวเองก่อน อีกคนรีบเทรดตามความรู้สึก
 เทคนิคเพิ่มเติมในการเทรดแบบ Reaction
1. รอให้ราคามาหาเรา ไม่ใช่ไล่ล่าราคา ซุ่มรอดั่งสไนเปอร์ ทริกเกอร์ดั่งนักแม่นปืน
ทริคที่ไอใช้
- ถ้าตลาดขาขึ้น = รอย่อตัวที่แนวรับ
- ถ้าตลาดขาลง = รอดีดที่แนวต้าน
เช่น ถ้าเห็นราคาวิ่งลงแรงๆ อย่าเพิ่งรีบ Sell
รอให้มันดีดกลับไปที่แนวต้านก่อน แล้วค่อยหาสัญญาณขาลงที่ชัดเจน
2. ตั้งเงื่อนไขก่อนเทรดทุกครั้ง
สิ่งที่ไอต้องเห็นก่อนเทรด
- Market Structure ต้องชัดเจน (Higher High/Lower Low)
- FVG หรือ Order Block รองรับ
- แท่งเทียนยืนยันทิศทาง (Pin Bar, Engulfing)
- MACD ยืนยัน (วิธีดูกลับไปอ่านบทความเก่าครับ)
ถ้าไม่ครบเงื่อนไข = ไม่เทรด
เพราะการรอโอกาสที่ดี ดีกว่าการรีบเทรดแล้วเจ็บตัว
 มาดูตัวอย่างการใช้ Reaction Trading จริงๆ
เมื่อวันก่อนไอเจอ Setup สวยๆ ในทองคำ
1. สถานการณ์ตลาด =
- ทองกำลังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
- ราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับ 2841
- มี Order Block รองรับ
- ราคามีการกวาดสภาพคล่อง
2. เงื่อนไขที่ไอรอ =
- ต้องเห็น Price Action ที่เกิดขึ้นบริเวณแนวรับ
- MACD ต้องแสดง Bullish Divergence
- มีการยืนยัน ChoCh ใน LTF
- ต้องมี FVG
- ราคาเบรก Trendline
3. การเข้าเทรด =
- รอจนเห็นครบทุกเงื่อนไขตามระบบเรา
- เข้า Buy ที่ 2841
- SL ใต้  Order block
ผลลัพธ์ = กำไร 1,000 จุด โดยไม่ต้องเครียดเลย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนและถึงแม้ไม่ได้เป็นไปตามแผนเราก็มีแผนรองรับ นั่นคือ SL เพื่อนรักของเรา
 3 เคล็ดลับเพิ่มเติมที่ทำให้ไอเทรดแบบ Reaction ได้ดีขึ้น
1. มอง Multi-Timeframe เสมอ
ไอใช้หลัก Top-Down Analysis ในการวิเคราะห์ คือการวิเคราะห์จากภาพใหญ่ไปหาภาพเล็กเสมอ
- H4 = ดูเทรนด์หลัก (HTF – Higher Timeframe)
- H1 = หาจุดเข้าเทรด (MTF – Middle Timeframe)
- M15 = Fine-tuning จุดเข้า (LTF – Lower Timeframe)
เช่น....
ถ้า H4 เป็นขาขึ้น
แต่ H1 ยังไม่มีสัญญาณ Buy ที่ชัดเจน
= รอต่อดีกว่า
2. ใช้ Confluence ให้มาก แต่ไม่มากเกินไปจน Over fitting 
หลักไอใช้เทคนิค
- Market Structure
- Order Block/FVG
- MACD Divergence
- Volume Analysis
- แนวรับ/แนวต้านสำคัญ
3. เขียน Trading Journal ทุกวัน
สิ่งที่ไอจดทุกครั้ง
- เหตุผลที่เข้าเทรด
- แคปหน้าจอก่อนเข้า
- อารมณ์ตอนเทรด
- ผลลัพธ์และบทเรียน
สิ่งที่ไอแชร์มันเหมือนจะเยอะ แต่แค่เราปรับวิธีคิด วิธีเทรด สร้างกระบวนการณ์ใหม่ๆ เพื่อคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างเพียงเท่านี้เราก็มีผลการเทรดที่ดีขึ้นแล้วครับ
 สรุปสิ่งที่อยากฝากไว้
การเทรดที่ดีไม่ได้มาจากการเดาทิศทางตลาด แต่มาจากการรอให้ตลาดพิสูจน์ตัวเองหรือเฉลยทิศทางก่อน แล้วค่อยตอบสนองอย่างมีแผน “Trade what you see, not what you think!”
เทรดสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่คิด
 3 สิ่งที่ควรจำ
1. ตลาดเคลื่อนที่ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตามที่เราคิด
2.การรอโอกาสที่ดี ดีกว่าการรีบเทรดแล้วเจ็บตัว ตกรถดีกว่าโดนลาก
3.เทรดตามแผนและระบบ ไม่ใช่ตามความรู้สึก เพราะเราคือนักเทรดไม่ใช่ผีพนัน
สุดท้ายนี้ ไอหวังว่าประสบการณ์และเทคนิคที่แชร์มาจะช่วยให้ทุกคนเทรดได้ดีขึ้นนะครับ
*จำไว้ว่า
ตลาดจะอยู่ที่เดิมเสมอ แต่เงินในพอร์ตเราอาจจะไม่อยู่ ถ้าเราไม่รู้จักการรอคอย
ใครอ่านจบถึงตรงนี้ คอมเม้นท์ “รอ” ครับ แล้วเราจะสำเร็จไปด้วยกันขอให้ทุกคนเทรดอย่างมีกำไรครับ

4
เรื่องราวนี้ไม่เคยเปิดเผยที่ไหน... เส้นทางจากเด็กอายุ 19 พอร์ตแตกยับเยิน สู่การเป็นเทรดเดอร์ที่ยืนอยู่ในตลาดได้อย่างมั่นคง เพราะไอเปลี่ยนตัวเองและตั้งกฎ 6 ข้อนี้ขึ้นมา ถ้าคุณอ่านจบมันอาจจะเปลี่ยนชีวิตของคุณไปเลย
"เงินไม่ใช่ทุกอย่าง...แต่กระบวนการคือทุกสิ่ง"
ย้อนกลับไปวันแรก...
"ต้องทำกำไรวันละ 5,000 ให้ได้!"
นี่คือเป้าหมายแรกของไอตอนเริ่มเทรด
แค่คิดย้อนก็อายแล้ว... เพราะตอนนั้น
- อ่านหนังสือแค่ 2-3 เล่ม
- เปิดกราฟไม่ถึงเดือน
- ไม่มีระบบ ไม่มีแผน
- แต่ความมั่นใจล้นเกินเบอร์
 จุดพลิกผันครั้งแรก...
เริ่มจากกำไรนิดๆ หน่อยๆ ไอก็เริ่มเพิ่ม lot size:
"วันนี้กำไร 2,000... พรุ่งนี้ลองเพิ่มเป็น 0.5 lot ดูดีกว่า"
"เดี๋ยว! ถ้าเราเพิ่มเป็น 1 lot ล่ะ?"
ผลลัพธ์ = พอร์ตติดลบหนักจนต้องยืมเงินที่บ้าน จนต้องถอยกลับมามองตัวเอง เพราะมันเจ็บหนักจนกลไกป้องกันตัวเองตามจิตวิทยามนุษย์มันสั่งให้หยุด
 ทำไมผมถึงล้มเหลว?
ไอเจอกับดักใหญ่ๆ 3 อย่าง:
1. โรคบ้าเงิน
- คิดถึงแต่กำไรรายวัน
- ฝันถึงรถคันใหม่
- อยากใช้ชีวิตสบายๆ แบบไม่ต้องง้อใคร
แต่ลืมไปว่า... ยังไม่มีระบบเทรดด้วยซ้ำ
2. ความมั่นใจเกินร้อย
"ตลาดนี้ง่ายจัง! มีแค่ขึ้นกับลง"
และแล้ว... วันที่กำไร 20,000 ก็มาถึง
ไอคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว เลยเพิ่ม lot size:
"ถ้าเพิ่มอีกนิด พรุ่งนี้ต้องได้ 50,000!" ผมคิดในใจ
ผลลัพธ์:
- พอร์ตหาย 50% ในวันเดียว
- กำไรที่สะสมมาหายหมด
- ติดลบหนักกว่าเดิม
3. ไม่ยอมรับความผิด
- เห็นสัญญาณว่าผิดแล้วยังไม่ยอมตัดขาดทุน
- คิดว่าต้องเอาคืนให้ได้
- ยิ่งไล่ ยิ่งเจ็บ
จุดเปลี่ยนของชีวิต...
หลังจากล้มครั้งใหญ่ ไอได้เจอเทรดเดอร์รุ่นพี่คนนึง เขาบอกประโยคที่เปลี่ยนชีวิตไอ
"ผมใช้เวลา 2 ปี ศึกษาตลาดแบบไม่เข้าออเดอร์เลย"
ตอนนั้นไอหัวเราะในใจ คิดว่า "เสียเวลา"
แต่วันนี้... ไอเข้าใจแล้วว่าทำไมเขาถึงประสบความสำเร็จ
6 สิ่งที่ไอเปลี่ยนแปลงตัวเอง:
1. ลงทุนกับความรู้ก่อน
- อ่านหนังสือเทรดดีๆ
- เรียนรู้จากเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ
- ทดสอบระบบจนเจอสิ่งที่ใช่
2. มีรายได้เสริม
รู้ไหม? ไอเคยขายของในตลาดนัดช่วงที่เริ่มเทรดใหม่
- ลดความกดดันเรื่องเงิน
- ทำให้เทรดได้ใจเย็นขึ้น
3. เปลี่ยนมุมมองใหม่
- มองการเทรดเป็นเกมหมากรุก
- สนุกกับการวิเคราะห์
- ไม่เครียดเรื่องตัวเลข
4. โฟกัสที่ความเสี่ยง
ก่อนเทรด ไอถามตัวเองเสมอ:
"ถ้าเทรดนี้ขาดทุน รับได้ไหม?"
ถ้าตอบไม่ได้ = ไม่เทรด
5. ใช้ชีวิตให้สมดุล
- ออกกำลังกาย
- เที่ยวต่างจังหวัด
- ใช้เวลากับครอบครัว
*เพราะการเทรดไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต*
6. โฟกัสที่กระบวนการ
- เงินเป็นแค่ผลพลอยได้
- ทำตามแผนอย่างมีวินัย
- เรียนรู้จากทุกออเดอร์
 ฝากถึงคนที่กำลังท้อ...
ถ้าคุณเคยพลาดเหมือนไอ อย่าเพิ่งยอมแพ้..
- ทุกความผิดพลาดคือบทเรียน
- ทุกการล้มคือโอกาสลุกขึ้นใหม่
- ทุกความเจ็บปวดคือครูที่ดีที่สุด
"ความเจ็บปวด + การไตร่ตรอง = ความก้าวหน้า"
----------------------
ใครอ่านจบคอมเม้นท์ "เปลี่ยนตัวเอง"
เพื่อสะกดจิตและเข้าสู่เส้นทางการเปลี่ยนชีวิต
และไอขอให้มันเป็นเส้นทางที่พี่ทุกคน...จะสำเร็จ!




5
Liquidity Grab เป็นแนวคิดในระบบ SMC (Smart Money Concepts) ที่อธิบายการเคลื่อนไหวของราคาซึ่ง "Smart Money" (กลุ่มทุนใหญ่) ใช้เพื่อเก็บสภาพคล่อง (Liquidity) จากตลาด ก่อนที่ราคาจะเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ตั้งใจไว้

หลักการของ Liquidity Grab
สภาพคล่อง (Liquidity) หมายถึงคำสั่งซื้อ/ขายที่รออยู่ในตลาด เช่น Stop Loss หรือ Pending Orders

Buy Stops: อยู่เหนือ High ก่อนหน้า

Sell Stops: อยู่ใต้ Low ก่อนหน้า

Smart Money มัก "ดึงราคา" ไปแตะจุดที่มีคำสั่งเหล่านี้ เพื่อเก็บสภาพคล่องก่อนที่จะเคลื่อนไหวในทิศทางที่ต้องการ

ขั้นตอนการใช้งาน Liquidity Grab
1. ระบุบริเวณ Liquidity Zones
มองหาบริเวณที่มี Highs และ Lows ที่ชัดเจน:

จุดที่นักเทรดรายย่อยมักวาง Stop Loss

บริเวณที่ราคาเคยกลับตัวก่อนหน้านี้

สังเกตว่าบริเวณนั้นเป็นแนวรับหรือแนวต้านสำคัญใน TF ใหญ่ เช่น H1 หรือ H4

2. รอดูการดึงราคา (Grab)
รอให้ราคาพุ่งไปแตะ High/Low ที่ระบุไว้ เพื่อเก็บสภาพคล่อง

การดึงราคามักเกิดในลักษณะ "Wick" (เงาของแท่งเทียน) ที่ยาวและกลับตัวอย่างรวดเร็ว

3. การยืนยันการกลับตัว (Confirmation)
หลังจาก Liquidity ถูก Grab ให้สังเกตพฤติกรรมราคา:

โครงสร้างตลาดเปลี่ยน (Market Structure Shift - MSS) เช่น ราคาทำ Lower High (สำหรับ Sell) หรือ Higher Low (สำหรับ Buy)

แท่งเทียนกลับตัวที่ชัดเจน เช่น Engulfing Candle หรือ Pin Bar

4. เข้าเทรด
Buy: เมื่อราคาดึง Liquidity ใต้ Low และเริ่มกลับตัวขึ้น

Sell: เมื่อราคาดึง Liquidity เหนือ High และเริ่มกลับตัวลง

วาง SL ใต้/เหนือจุดที่ Liquidity ถูก Grab และตั้ง TP ตามแนวรับ/แนวต้านถัดไป

ตัวอย่างการใช้งาน
กรณี Buy (Long Position)
ราคาอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Bullish)

ใน TF H1 คุณเห็น Low ก่อนหน้าที่ $1800 ซึ่งเป็นจุดที่มี Sell Stops สะสม

ราคาพุ่งลงมาแตะ $1798 (ต่ำกว่า $1800 เล็กน้อย) แต่กลับตัวขึ้นทันที

ใน TF M15 หรือ M5 มีแท่งเทียน Bullish Engulfing ที่ชัดเจน

จุดเข้าเทรด:

Buy ที่ $1802 หลังราคายืนยันกลับตัว

SL ใต้ $1798

TP ใกล้แนวต้านถัดไปที่ $1820

กรณี Sell (Short Position)
ราคาอยู่ในแนวโน้มขาลง (Bearish)

ใน TF H1 คุณเห็น High ก่อนหน้าที่ $1900 ซึ่งเป็นจุดที่มี Buy Stops สะสม

ราคาพุ่งขึ้นไปแตะ $1902 (สูงกว่า $1900 เล็กน้อย) แต่กลับตัวลงทันที

ใน TF M15 หรือ M5 มีแท่งเทียน Bearish Engulfing ที่ชัดเจน

จุดเข้าเทรด:

Sell ที่ $1898 หลังราคายืนยันกลับตัว

SL เหนือ $1902

TP ใกล้แนวรับถัดไปที่ $1880

ข้อควรระวัง
อย่ารีบเข้าเทรดทันทีที่ราคาดึงไปแตะ High/Low:

รอให้ราคายืนยันการกลับตัวก่อนเสมอ

ฝึกในบัญชีทดลอง (Demo Account):

ใช้กลยุทธ์ Liquidity Grab ซ้ำ ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนใช้งานจริง

เช็คบริบทใน TF ใหญ่:

Liquidity Grab มักทำงานได้ดีเมื่อบริเวณ Liquidity Zones สอดคล้องกับแนวโน้มของตลาด

สรุป:
Liquidity Grab เป็นเทคนิคที่ช่วยให้คุณเข้าเทรดในจุดที่มีโอกาสสูงสุดและลดการไล่ราคา (Chasing Price) โดยใช้ความเข้าใจเรื่องพฤติกรรมของตลาดและ Smart Money อย่างมีประสิทธิภาพครับ!

6
Break and Retest เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเข้าเทรดที่นิยมมาก โดยเฉพาะในระบบ SMC (Smart Money Concepts) แนวคิดนี้คือการรอให้ราคาทำลาย (Break) แนวรับหรือแนวต้านสำคัญ จากนั้นรอดูว่าราคาจะดึงกลับมา (Retest) ทดสอบระดับนั้นอีกครั้งหรือไม่ ก่อนที่ราคาจะเคลื่อนไหวต่อไปในทิศทางเดิม

วิธีการใช้งาน Break and Retest
1. ระบุจุดสำคัญที่ต้องติดตาม
Order Block (OB):

จุดที่ Smart Money เคยสร้างแนวรับหรือแนวต้าน เช่น บริเวณที่มีแท่งเทียนรวมตัวกันอย่างชัดเจนก่อนราคาพุ่งขึ้น/ลง

Fair Value Gap (FVG):

ช่องว่างของราคาที่เกิดจากแท่งเทียนเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว เช่น ในกราฟ TF ใหญ่ คุณอาจเห็นแท่งเทียนวิ่งโดยไม่ทิ้งเงา (Wick)

2. การเบรกแนวรับ/แนวต้าน (Break)
สังเกตว่าแนวรับหรือแนวต้านถูกเบรกไปในทิศทางใด เช่น ราคาทำ Higher Highs (HH) หมายความว่าแนวต้านเดิมถูกเบรก

ให้รอราคาดึงกลับ (Retest) เพื่อยืนยันว่าระดับที่ถูกเบรกนั้นแข็งแรงและเป็นจุดที่ Smart Money สนใจ

3. การดึงกลับ (Retest)
รอให้ราคาดึงกลับมาที่บริเวณ OB หรือ FVG

สังเกตพฤติกรรมราคา (Price Action) ใน TF เล็ก เช่น M15 หรือ M5:

หากราคากลับมาทดสอบ OB แล้วมีสัญญาณกลับตัว (เช่น Bullish Engulfing สำหรับ Buy)

หรือหากราคากลับมาทดสอบ FVG แล้วมีการ Reject ทันที

4. ยืนยันการเข้าเทรด
เมื่อราคาทดสอบระดับสำคัญ (OB หรือ FVG) และมีสัญญาณกลับตัว:

ซื้อ (Buy): เมื่อราคาทำ Low ใหม่ที่สูงกว่าเดิม (Higher Low - HL)

ขาย (Sell): เมื่อราคาทำ High ใหม่ที่ต่ำกว่าเดิม (Lower High - LH)

5. ตั้ง SL และ TP
วาง Stop Loss (SL) ใต้ OB (สำหรับ Buy) หรือเหนือ OB (สำหรับ Sell)

วาง Take Profit (TP):

เป้าหมายกำไรแรกอยู่ที่แนวต้าน/แนวรับถัดไป

หรือใช้ Risk-to-Reward Ratio (เช่น 1:2 หรือ 1:3)

ตัวอย่างใช้งานจริง
สถานการณ์: Break and Retest บริเวณ Order Block
กราฟ H1:

คุณสังเกตเห็นว่าราคาทำลายแนวต้านที่ $1800 แล้วพุ่งขึ้นไปถึง $1815

ใน TF H1 มี OB บริเวณ $1800-$1805 ซึ่งเป็นจุดที่ราคาน่าจะดึงกลับมาทดสอบ

กราฟ M15 หรือ M5:

รอดูว่าราคาจะดึงกลับมาทดสอบ OB ที่ $1800-$1805 หรือไม่

เมื่อราคามาถึงบริเวณ OB ให้ดูพฤติกรรมแท่งเทียน:

แท่งเทียนปิดในลักษณะ Bullish Engulfing

หรือราคาปฏิเสธไม่หลุด OB หลายครั้ง (Wick ยาวด้านล่าง)

จุดเข้าเทรด:

เข้าซื้อ (Buy) เมื่อราคายืนยันการ Reject บริเวณ OB

ตั้ง SL ใต้ OB เช่น ที่ $1798

ตั้ง TP ที่แนวต้านถัดไป เช่น $1820

ข้อดีของ Break and Retest
เข้าเทรดในจุดที่ Smart Money สนใจ

ลดความเสี่ยงจากการไล่ราคา (Chasing Price)

เพิ่มโอกาสการเทรดในจุดที่มีความเป็นไปได้สูง

คำแนะนำ:
ฝึกฝนกลยุทธ์นี้ในบัญชีทดลอง (Demo Account) จนคุณมั่นใจในกระบวนการก่อนนำไปใช้จริง และจดบันทึกการเทรดเพื่อวิเคราะห์ผลลัพธ์และปรับปรุงกลยุทธ์ครับ!

7
ระบบ CCTV / กล้อง
« เมื่อ: 30/04/25 »
กล้อง


rtsp://admin:Ge0v!sion@192.16831.13:554/CH001.sdp
rtsp://admin:Ge0v!sion@192.16831.12:554/CH001.sdp

8
การไม่ล้างพอร์ตใน Forex หมายถึงการรักษาสถานะการลงทุนให้คงอยู่และลดโอกาสที่เงินทุนจะหมด (Margin Call หรือ Stop Out) ซึ่งสามารถทำได้โดยการบริหารความเสี่ยงอย่างมีวินัยและการวางแผนที่ดี นี่คือวิธีที่คุณสามารถปฏิบัติเพื่อลดความเสี่ยงในการล้างพอร์ต:

1. ใช้เลเวอเรจอย่างระมัดระวัง
เลเวอเรจที่สูงอาจเพิ่มโอกาสในการทำกำไร แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงในการขาดทุนเช่นกัน

ใช้เลเวอเรจในระดับที่คุณสามารถรับมือได้ เช่น 1:10 หรือ 1:20 แทนที่จะใช้เลเวอเรจสูงสุดที่โบรกเกอร์เสนอ

2. บริหารขนาดการเทรด (Position Sizing)
ลงทุนเฉพาะจำนวนที่คุณสามารถเสียได้โดยไม่กระทบต่อพอร์ต

กฎทั่วไปคือเสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของเงินทุนต่อการเทรดหนึ่งครั้ง

3. ตั้ง Stop Loss เสมอ
Stop Loss ช่วยจำกัดการขาดทุนในแต่ละการเทรด

วาง Stop Loss ในระดับที่สมเหตุสมผลและไม่ใกล้หรือไกลเกินไปจากจุดเปิดสถานะ

4. กระจายความเสี่ยง (Diversification)
อย่าลงทุนในคู่สกุลเงินเดียวทั้งหมด กระจายการลงทุนในคู่สกุลเงินต่าง ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง

5. ใช้การวิเคราะห์และแผนการเทรด
ยึดตามแผนการเทรดที่ชัดเจน (Trading Plan) ซึ่งรวมถึงจุดเข้า-ออกตลาด การตั้งเป้าหมายกำไร และการจัดการความเสี่ยง

ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคและพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการตัดสินใจ

6. รักษาเงินทุนสำรอง (Margin Cushion)
อย่าใช้เงินทุนเต็มพอร์ต เปิดสถานะด้วยมาร์จิ้นต่ำเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกบังคับปิดสถานะ (Margin Call)

7. หลีกเลี่ยง Overtrading
การเปิดสถานะบ่อยครั้งเกินไปอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการขาดทุนสะสม

เลือกเทรดเฉพาะเมื่อมีโอกาสที่มีความเป็นไปได้สูง

8. ติดตามข่าวและเหตุการณ์สำคัญ
ข่าวเศรษฐกิจและการประกาศตัวเลขสำคัญ เช่น Non-Farm Payroll (NFP) หรือการปรับดอกเบี้ย อาจส่งผลกระทบต่อราคาสกุลเงินอย่างรุนแรง

หลีกเลี่ยงการเปิดสถานะขนาดใหญ่ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง

9. ฝึกควบคุมอารมณ์
อย่าให้ความโลภหรือความกลัวมาควบคุมการตัดสินใจ

ยึดมั่นในแผนการเทรดและมีวินัยในการจัดการพอร์ต

10. ตรวจสอบพอร์ตอย่างสม่ำเสมอ
ตรวจสอบสถานะการลงทุนเพื่อให้แน่ใจว่าพอร์ตยังคงอยู่ในสภาพที่สมดุล

ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เมื่อจำเป็น เช่น หากตลาดมีแนวโน้มเปลี่ยนแปลง

การปฏิบัติตามหลักการเหล่านี้จะช่วยลดโอกาสในการล้างพอร์ต Forex และเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว การเทรดอย่างมีวินัยและการบริหารความเสี่ยงเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในตลาด Forex

9
Forex / แจก Indy Free MT5
« เมื่อ: 25/04/25 »
แจก Indy Free MT5

1.BOS-CHoCH


10
ความสำเร็จในการเทรด Forex: บันทึกแห่งความพยายามและแรงบันดาลใจ

ในโลกของการเทรด Forex ทุกคนเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ การทำกำไรวันละ 30-100 ดอลลาร์ อาจดูเหมือนเล็กน้อยเมื่อมองย้อนกลับไป แต่ในตอนนั้น มันคือจุดเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยความหวังและความฝัน หลายคนอาจสงสัยว่า "จะมีวันไหนที่เราจะไปถึงจุดที่ทำกำไรวันละหมื่น หรือแม้แต่วันละแสนได้จริงหรือ?" สำหรับผู้ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและไปถึงจุดนั้นได้ ขอแสดงความยินดีด้วยอย่างแท้จริง คุณคือเครื่องยืนยันว่า ความพยายามและความอดทนจะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

กลยุทธ์และแนวทางปฏิบัติจริง

1. วางแผนการเทรดอย่างเป็นระบบ

กำหนดเป้าหมายรายวันและรายเดือน: เป้าหมายที่ชัดเจนช่วยให้คุณโฟกัสและประเมินความก้าวหน้าได้

สร้างแผนการเทรด (Trading Plan): ระบุเงื่อนไขในการเข้า-ออกตลาด กำไรขาดทุนที่ยอมรับได้ และการจัดการความเสี่ยง

2. บันทึกและวิเคราะห์การเทรด

บันทึกการเทรดทุกครั้ง: จดรายละเอียด เช่น คู่สกุลเงิน ขนาดล็อต ราคาเข้า-ออก และผลลัพธ์

วิเคราะห์ผลลัพธ์: ตรวจสอบข้อผิดพลาดและปรับปรุงกลยุทธ์จากข้อมูลที่ผ่านมา

3. บริหารความเสี่ยงอย่างมืออาชีพ

ตั้งค่าความเสี่ยงที่ยอมรับได้: ไม่ควรเสี่ยงเกิน 1-2% ของพอร์ตในการเทรดแต่ละครั้ง

ใช้ Stop Loss และ Take Profit: ป้องกันความสูญเสียที่ไม่จำเป็นและล็อกกำไรเมื่อถึงเป้าหมาย

4. พัฒนาทักษะและจิตวิทยาในการเทรด

เรียนรู้ต่อเนื่อง: อ่านหนังสือ ดูวิดีโอ และเข้าร่วมชุมชนเทรดเดอร์เพื่อรับความรู้ใหม่

ฝึกสมาธิและควบคุมอารมณ์: การมีวินัยและความสงบนิ่งจะช่วยให้ตัดสินใจได้ดีขึ้น

การรักษาความสำเร็จ: ห้ามประมาท

เมื่อคุณไปถึงจุดสูงสุดแล้ว การรักษาความสำเร็จนั้นสำคัญไม่แพ้กับการไปให้ถึง บางคนอาจคิดว่าเมื่อได้มาง่าย ก็อาจเสียไปง่ายเช่นกัน ดังนั้น การเรียนรู้จากอดีตและการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตคือกุญแจสำคัญ อย่าลืมรีเซ็ตความคิด และเริ่มต้นใหม่ในทุกวัน การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณไม่เพียงแต่รักษาความสำเร็จได้ แต่ยังสร้างความมั่นคงในระยะยาวอีกด้วย

บทเรียนสำคัญจากการเทรด

ความสำเร็จมาจากความพยายาม – ไม่มีใครประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน ทุกอย่างต้องผ่านการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ความอึดและความเชื่อมั่น – อย่าล้มเลิกแม้ในวันที่ยากลำบาก การทำซ้ำสิ่งที่ดีและการปรับปรุงสิ่งที่ผิดพลาดคือหนทางสู่ความสำเร็จ

รักษาและพัฒนา – เมื่อคุณประสบความสำเร็จ อย่าหยุดพัฒนา ห้ามประมาท และจงเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ

สุดท้าย

จงนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้ในเส้นทางการเทรดของคุณ เก็บความรู้สึกของความสำเร็จครั้งนี้ไว้ และใช้มันเป็นแรงผลักดันในอนาคต เชื่อมั่นในตัวเอง และอย่าลืมว่าความสำเร็จไม่ได้วัดจากตัวเลขในบัญชีเพียงอย่างเดียว แต่วัดจากการที่คุณได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองและสร้างคุณค่าในสิ่งที่คุณทำ ขอให้ทุกคนเดินหน้าสู่ความสำเร็จในเส้นทางของตัวเอง!

11
ความสำเร็จในการเทรด Forex: บันทึกแห่งความพยายามและแรงบันดาลใจ

ในโลกของการเทรด Forex ทุกคนเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ การทำกำไรวันละ 30-100 ดอลลาร์ อาจดูเหมือนเล็กน้อยเมื่อมองย้อนกลับไป แต่ในตอนนั้น มันคือจุดเริ่มต้นที่เต็มไปด้วยความหวังและความฝัน หลายคนอาจสงสัยว่า "จะมีวันไหนที่เราจะไปถึงจุดที่ทำกำไรวันละหมื่น หรือแม้แต่วันละแสนได้จริงหรือ?" สำหรับผู้ที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองและไปถึงจุดนั้นได้ ขอแสดงความยินดีด้วยอย่างแท้จริง คุณคือเครื่องยืนยันว่า ความพยายามและความอดทนจะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่

คุ้มไม่คุ้ม วัดกันที่หัวใจและความเชื่อมั่น

ในการเทรด ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าคุณจะประสบความสำเร็จ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง บางวันคุณอาจล้มเหลว แต่ความสำเร็จไม่ได้วัดกันที่วันนั้น ความสำเร็จวัดกันที่ความอึด ความเชื่อมั่น และการทุ่มเทอย่างเต็มที่ หากคุณยังคงมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ วันที่คุณรอคอยจะมาถึง และในวันนั้น คุณจะได้ลิ้มรสความสำเร็จที่คุณเพียรพยายามมานานหลายปี

การรักษาความสำเร็จ: ห้ามประมาท

เมื่อคุณไปถึงจุดสูงสุดแล้ว การรักษาความสำเร็จนั้นสำคัญไม่แพ้กับการไปให้ถึง บางคนอาจคิดว่าเมื่อได้มาง่าย ก็อาจเสียไปง่ายเช่นกัน ดังนั้น การเรียนรู้จากอดีตและการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับอนาคตคือกุญแจสำคัญ อย่าลืมรีเซ็ตความคิด และเริ่มต้นใหม่ในทุกวัน การพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณไม่เพียงแต่รักษาความสำเร็จได้ แต่ยังสร้างความมั่นคงในระยะยาวอีกด้วย

บทเรียนสำคัญจากการเทรด

ความสำเร็จมาจากความพยายาม – ไม่มีใครประสบความสำเร็จในชั่วข้ามคืน ทุกอย่างต้องผ่านการเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

ความอึดและความเชื่อมั่น – อย่าล้มเลิกแม้ในวันที่ยากลำบาก การทำซ้ำสิ่งที่ดีและการปรับปรุงสิ่งที่ผิดพลาดคือหนทางสู่ความสำเร็จ

รักษาและพัฒนา – เมื่อคุณประสบความสำเร็จ อย่าหยุดพัฒนา ห้ามประมาท และจงเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ

สุดท้าย

เก็บความรู้สึกของความสำเร็จครั้งนี้ไว้ และใช้มันเป็นแรงผลักดันในอนาคต จงเชื่อมั่นในตัวเองและอย่าลืมว่าความสำเร็จไม่ได้วัดจากตัวเลขในบัญชีเพียงอย่างเดียว แต่วัดจากการที่คุณได้ก้าวข้ามข้อจำกัดของตัวเองและสร้างคุณค่าในสิ่งที่คุณทำ

12
กรณีเจอเหตุการแบบนี้

1. Liqudity zone บริเวณ H เดิม
ถ้าเทรดบ่อยๆจะรู้ว่าตรงไหนมีโอกาศที่จะเจอ หลีกเลี่ยงโดยการรอ sweep ก่อนแล้วค่อยเข้า Order
2. ย่อย TF เล็กมองหาสัญญานกลับตัวแล้วแต่เทคนิคของแต่ละคนว่าจะใช้อะไร
3. สำหรับเทรด BTC การตั้ง Limit order ควรตั้งที่ H หรือ L เดิมเลย
เพราะตลาดผันผวนมีโอกาศขึ้นมาถึง แต่ถ้ากลัวตกรถให้แบ่งได้
ไม้1 limit oder
ไม้2 รอสัญญาน confrime
ไม้3 ตั้งที่บริเวณเหนือ H เดิมเล็กน้อย
ถ้าRR 1:3 ยังไงก็จะ Recovery ไม้ทั้งหมดได้ถ้าโดน sl

SL เหนือสวิง ก่อนหน้า
และรอราคาสวิงก่อน
ถ้าเราเข้าตามรูปแบบเลย ด้วย pending order ต้องเผื่อ sweep ด้วย

1 .ช่วงข่าวแรงๆ ยืด SL ไปที่ไฮ เดิม
2. ถ้าไม่อยากsl กว้าง แบ่งเป็น2 ออเดอร์ ถ้าออเดอร์1 โดนSL ปกติ ออเดอร์2 ค่อยเข้าหลังจากที่กราฟวิ่งไปกินSL แล้วย้อนกลับลงมาปิดแท่งเทียน(tf m5,15) ค่อยเข้าอีกไม้
เลี่ยงการเจอ stop hunt มี 2 วิธีครับ
1. SL เผื่อไว้เยอะหน่อย แต่มีข้อเสียคือ stop ไกล
2. รอมัน sweep SL ไปแล้วค่อยเข้า ข้อเสียคือมีสิทธิ์ตกรถถ้ามันไปเลย ไม่ลงมากวาด SL

ถ้าโซนแบบนี้ปกติผมจะไปเข้าตรงแกร็บด้านบนที่ยังเก็บไม่หมดตรงที่ชี้สีแดงและจะวางSlเหนือจุดสีเขียวเพื่อป้องกัน Supply ใส้ที่มันยังไม่ถูกเก็บครับ

ทำไมเข้าตรงนั้นกราฟมันพึ่ง chochเอง ถ้าจะเข้า supply,orderblock ต้องมีbosยืนยันอีกอัน chochนี่อาจจะเป็นแค่ choch minerswing



13
ลด เพิ่ม การแสดง ข่าว

ข่าวประชาสัมพันธ์

1ข่าวเด่น (Copy)

14
ความลับของเทรดเดอร์ที่อยู่รอด

ความสำเร็จไม่ได้มาจากความบ้าคลั่ง แต่มาจาก "วินัย" และ "ความสม่ำเสมอ"

ลองคิดว่าคุณคือ "นักวิ่งมาราธอน" ไม่ใช่ "นักวิ่ง 100 เมตร" เพราะเกมนี้วัดกันที่ระยะยาว ไม่ใช่แค่ความเร็วชั่วคราว

 บทเรียนราคาแพงที่กลายเป็นขุมทรัพย์

ผมเคยล้างพอร์ต 6 หลักภายในไม่กี่ชั่วโมง... มือเย็นเฉียบ ท้องไส้ปั่นป่วน หัวใจเต้นผิดจังหวะ และที่แย่ที่สุดคือ ความรู้สึกว่า "ตัวเองโง่สุดๆ"

แต่รู้ไหม? นั่นเป็น "วันที่ดีที่สุด" ในชีวิตการเทรดของผม

เพราะมันทำให้ผมหยุดวิ่งแบบไร้ทิศทาง และถามตัวเองว่า:

"ทำไมถึงพลาดซ้ำๆ?"

"ทำไมถึงไม่ก้าวหน้า?"

คำตอบมันชัดมาก...

เทรดด้วยล็อตใหญ่เกินไป เพราะอยากรวยเร็ว

เทรดตอนเหนื่อยล้า สมองเบลอ

เทรดตามอารมณ์ ไม่ทำตามแผน

จุดเปลี่ยนสำคัญ

ผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง...
 นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย ควบคุมสิ่งที่บริโภค (Happy Meal)
เทรดด้วยล็อตเล็กลง มีแผนชัดเจน ไม่มีหลุดแผน
 ให้เวลากับชีวิตด้านอื่น ไม่จ้องจอตลอดวัน

ผลลัพธ์?
6 เดือนต่อมา... พอร์ตโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ไม่ใช่แบบพุ่งพรวด แต่มั่นคงเหมือนต้นไม้ที่แข็งแรง

ทุกวันนี้ ผมยังทะเยอทะยานเหมือนเดิม แต่ "ไม่บ้าคลั่งอีกต่อไป"

 ความลับของเทรดเดอร์ที่อยู่รอด

อาซิโมฟเคยกล่าวว่า "ความรุนแรงคือที่หลบภัยสุดท้ายของคนไร้ฝีมือ"

ผมขอแปลงใหม่เป็น...
"ความบ้าคลั่งคือที่หลบภัยสุดท้ายของเทรดเดอร์ที่ไร้ระบบ"

เทรดเดอร์ที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่คนที่เทรดบ่อยที่สุด
แต่เป็นคนที่ เทรดอย่างมีแบบแผน มีระบบ และมีวินัย

เรื่องจริงจากเทรดเดอร์ระดับ 9 หลัก

วันหนึ่งผมได้ดูเทรดเดอร์ระดับตำนานเทรดสด ๆ ผมคาดหวังว่าเขาจะทำอะไรเทพ ๆ

แต่เขา "นั่งรอ" เกือบชั่วโมง

แล้วจู่ ๆ ... เขากดออเดอร์ครั้งเดียว ไม่มีลังเล ตั้ง TP/SL แล้วปิดจอไป

สุดท้าย... กำไร 570,000 บาท จากการ "1 จิ้ม"

เขาหันมาถามผมว่า...

"วันนี้เราเรียนรู้อะไร?"

ผมตอบอย่างไม่มั่นใจ "ความอดทน?"

เขายิ้มแล้วบอกว่า...

"ที่สำคัญกว่านั้นคือ การรู้ว่าเมื่อไหร่ควรยิง และเมื่อไหร่ควรรอ"

"มือปืนที่ดีที่สุด ไม่ใช่คนที่ยิงเร็วที่สุด แต่คือคนที่ยิงแม่นที่สุด"

 เมื่อถึงทางตัน จงเปลี่ยนวิธีคิด

มีน้องคนหนึ่งทักมาหาผม...

"พี่ครับ ผมจะไม่ไหวแล้ว เทรดมาเกือบปี ยังไม่เห็นกำไรเป็นกอบเป็นกำ ทุกคนบอกให้ผมเลิก"

ผมถามว่า "เป้าหมายของน้องคืออะไร?"

"ผมอยากได้ 20% ต่อเดือนครับ"

... ผมหัวเราะเบา ๆ

"Warren Buffett ได้ประมาณ 20% ต่อปี"

น้องเงียบไป...

"พี่ว่าเราอาจจะตั้งเป้าหมายผิดหรือเปล่า?"

เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนเกม!

 เทรดให้ถูกต้องตามกระบวนการ ไม่ใช่แค่ทำกำไร
 โฟกัสที่ "อยู่รอด" ก่อนคิดจะชนะ
 คิดว่าตัวเองต้องเรียนรู้อยู่เสมอ
 เอาชนะ "ตัวเอง" มากกว่าเอาชนะตลาด

1 เดือนต่อมา น้องกลับมารายงาน...

"พี่ครับ! ผมเริ่มมีกำไรแล้ว! และที่สำคัญกว่า... ผมเทรดแล้วมีความสุขขึ้น!"

นี่แหละ ชัยชนะที่แท้จริง

 ความทะเยอทะยานของคุณ "ถูกต้องแล้ว" แต่ต้องใช้ให้เป็น

ลองคิดว่า "การเทรด" เหมือน "การปลูกต้นไม้"

ความทะเยอทะยาน คือ ความตั้งใจให้ต้นไม้ใหญ่

ความอดทน คือ การรดน้ำมันทุกวัน

ต้นไม้ใหญ่ไม่ได้โตในวันเดียว ต้องใช้เวลาและการดูแลต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความสำเร็จในการเทรด

สงครามที่แท้จริงของเทรดเดอร์

เอาชนะความกลัว เมื่อเข้าออเดอร์ตามแผน

เอาชนะความโลภ เมื่อต้องออกตามแผน

เอาชนะความหยิ่ง เมื่อได้กำไรและคิดว่าตัวเองเก่ง

เอาชนะความท้อ เมื่อล้มแล้วต้องลุกขึ้นใหม่

เมื่อคุณชนะตัวเองได้...

"ความทะเยอทะยานจะไม่ถ่วงคุณไว้อีกต่อไป แต่มันจะเป็นปีกที่พาคุณบิน"

 ทิ้งท้าย

ผมถามตัวเองทุกเช้า...

"วันนี้ ฉันจะทำอะไรให้เป็นเทรดเดอร์ที่ดีขึ้นกว่าวันวาน?"

ไม่ใช่ "ฉันจะทำเงินให้ได้เท่าไหร่วันนี้?"

เพราะเมื่อคุณมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเอง ผลลัพธ์จะตามมาเอง

ทะเยอทะยานอย่างมีสติ อดทนอย่างมีแผน และเอาชนะตัวเองให้ได้ทุกวัน

15
เทคนิคการเทรด Forex: ใช้โอกาสอย่างชาญฉลาดเพื่อสร้างกำไร

โอกาสมีทุกวัน แต่ต้องรอให้ตลาดชัดเจน

ตลาด Forex มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา การสวิงขึ้นลงเป็นเรื่องปกติที่ช่วยสร้างโอกาสในการทำกำไร สิ่งสำคัญคือการรอให้ตลาดสร้างรูปแบบที่ชัดเจนก่อนเข้าเทรด เพราะการเข้าจุดที่เหมาะสมตามแนวโน้ม (Trend) จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรได้ดีกว่า

เข้าเทรดด้วยความมั่นใจ ต้องมีหลักการรองรับ

การมีความรู้และหลักการที่ชัดเจนในการเข้าเทรดจะช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้น เพราะเมื่อเรารู้ว่าเรากำลังเข้าออเดอร์ตามหลักวิเคราะห์อะไร เราจะกล้าถือสถานะ (Run) ได้ในระดับที่เหมาะสม และสามารถปิดทำกำไรได้เมื่อถึงจุดที่กำหนดไว้

ใช้โอกาสให้คุ้มค่า ไม่จำเป็นต้องเทรดถี่

การเทรดที่ดีไม่จำเป็นต้องเปิดออเดอร์บ่อย ๆ แต่ควรเลือกจังหวะที่เหมาะสม หาจุดเข้าให้แม่นยำ และใช้ Lot Size ที่เหมาะสมกับขนาดทุนของเรา สิ่งนี้จะช่วยให้พอร์ตเติบโตได้อย่างรวดเร็ว เช่น หากเทรดทอง (XAU/USD) และสามารถจับจังหวะได้ดี การเติบโตของพอร์ต 200-500% ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

วิเคราะห์แนวโน้มและแรงขยับของตลาด

ตลาดจะมีจังหวะที่แรงส่งหมดไป ซึ่งมักจะเกิดขึ้นเมื่อราคาเคลื่อนที่ไปในระยะ 700-1000 จุด ดังนั้น เราต้องระวังช่วงที่ตลาดหลอกให้ Sell แล้วดึงราคากลับขึ้นมา หากสามารถเข้าซื้อที่จุดต่ำได้ และรอให้ราคาขึ้นไป 500 จุดขึ้นไป การทำกำไรจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมาก

สรุป:

1.รอให้ตลาดสร้างรูปแบบที่ชัดเจนก่อนเข้าเทรด

2.เทรดตามแนวโน้มหลัก (Trend)

3.เข้าออเดอร์อย่างมั่นใจโดยมีหลักการรองรับ

4.ใช้โอกาสอย่างคุ้มค่า ไม่จำเป็นต้องเทรดบ่อย

5.วิเคราะห์แรงขยับของตลาดเพื่อตั้งเป้าหมายการปิดออเดอร์ให้เหมาะสม

หากนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ รับรองว่าการเทรดของคุณจะมีประสิทธิภาพ และช่วยให้พอร์ตเติบโตได้อย่างมั่นคง!

16
บทพูดบรรยาย: การออกแบบ Infographic ด้วยโปรแกรม Canva
ระยะเวลา: 1 ชั่วโมง

ช่วงที่ 1: เปิดเรื่อง (10 นาที)
(กล่าวทักทาย)
"สวัสดีครับทุกคน ยินดีต้อนรับสู่การบรรยายในวันนี้นะครับ ผมชื่อ [ชื่อคุณ] และวันนี้ผมจะมาแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการออกแบบ Infographic ด้วยโปรแกรม Canva

ในยุคนี้ การสื่อสารข้อมูลให้เข้าใจง่ายและรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากนะครับ ลองคิดดูครับว่า ถ้าเรามีข้อมูลซับซ้อนเต็มไปหมด แต่ไม่สามารถถ่ายทอดให้คนอื่นเข้าใจได้ มันก็คงจะเสียโอกาสดี ๆ ไปเยอะเลย

Infographic นี่แหละครับ คือตัวช่วยสำคัญ มันเป็นการนำข้อมูลมาสรุปและจัดเรียงใหม่ ให้เข้าใจง่าย ผ่านภาพกราฟิกและข้อความที่ดึงดูดสายตา และวันนี้เราจะมาดูกันครับว่า Canva จะช่วยให้เราทำสิ่งนี้ได้ง่ายขึ้นยังไง

เป้าหมายในวันนี้คือ ผมอยากให้ทุกคนสามารถออกแบบ Infographic ที่น่าสนใจและใช้งานได้จริง โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานด้านการออกแบบเลยครับ"

ช่วงที่ 2: ความรู้พื้นฐานและการเตรียมตัว (15 นาที)
(เริ่มอธิบาย Infographic)
"ก่อนที่เราจะไปเริ่มออกแบบ มาทำความเข้าใจกันก่อนครับว่า Infographic คืออะไร และทำไมมันถึงสำคัญ

Infographic ก็คือการแปลงข้อมูลหรือเนื้อหาที่อาจจะซับซ้อน ให้กลายเป็นภาพที่สื่อสารง่ายขึ้นครับ เช่น ถ้าคุณต้องการอธิบายขั้นตอนการทำงาน คุณสามารถใช้ Infographic แบบ Flowchart เพื่อช่วยให้คนเข้าใจได้เร็วขึ้น

Infographic ที่ดีควรมี 3 องค์ประกอบหลักนะครับ:

การจัดวาง Layout – ให้ทุกอย่างดูสมดุลและอ่านง่าย

การเลือกสีและฟอนต์ – ใช้สีที่เข้ากันและฟอนต์ที่อ่านง่าย

การใช้ภาพและไอคอน – เลือกที่เหมาะกับหัวข้อ

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ การเตรียมข้อมูลที่กระชับและตรงประเด็น เพราะข้อมูลที่ดีคือรากฐานของ Infographic ที่ดีครับ"

ช่วงที่ 3: เริ่มต้นใช้งาน Canva (20 นาที)
(แนะนำ Canva)
"ตอนนี้เรามาทำความรู้จักกับ Canva กันเลยครับ Canva เป็นเครื่องมือออกแบบออนไลน์ที่ใช้งานง่ายมาก ๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นมือใหม่หรือมือโปร

ขั้นตอนแรก ให้เราเข้าสู่เว็บไซต์ Canva แล้วสมัครสมาชิกก่อนครับ ซึ่งสมัครได้ฟรี แต่ถ้าอยากใช้งานฟีเจอร์ขั้นสูง ก็มีแบบ Pro ให้เลือก

เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้พิมพ์คำว่า ‘Infographic’ ในช่องค้นหา แล้วคุณจะเจอกับเทมเพลตมากมายให้เลือก ซึ่งทั้งหมดสามารถปรับแต่งได้

การปรับแต่งเทมเพลต:

คุณสามารถเพิ่มข้อความได้ง่าย ๆ เพียงคลิกที่ช่องข้อความแล้วพิมพ์ข้อมูลของคุณ

เลือกไอคอนหรือรูปภาพจากไลบรารีของ Canva ซึ่งมีให้ใช้ฟรีหลายแบบ

ใช้เครื่องมือ Chart เพื่อสร้างแผนภูมิหรือกราฟ สำหรับข้อมูลเชิงตัวเลข

เทคนิคเล็ก ๆ:

ใช้สีสันที่เหมาะกับแบรนด์หรือหัวข้อของคุณ

ฟอนต์ที่เลือกต้องอ่านง่าย และไม่ใช้เกิน 2-3 แบบในงานเดียว

ลองปรับแต่งเลเยอร์และเพิ่มเงาเพื่อทำให้องค์ประกอบดูมีมิติครับ"

ช่วงที่ 4: การนำเสนอและการตรวจสอบผลงาน (10 นาที)
(แสดงตัวอย่าง)
"เมื่อออกแบบ Infographic เสร็จแล้ว อย่าลืมตรวจสอบครับ ตรวจให้แน่ใจว่าข้อมูลครบถ้วนและถูกต้อง และดูว่าภาพรวมของงานดูสมดุลหรือยัง

ผมขอแนะนำว่า การเน้นจุดสำคัญด้วยสีที่แตกต่าง หรือใช้ไอคอนที่ดึงดูดสายตา จะช่วยให้งานของคุณน่าสนใจมากขึ้น

สุดท้าย เมื่อพอใจกับผลงานแล้ว คุณสามารถดาวน์โหลดงานเป็นไฟล์ PNG, JPEG หรือ PDF ได้ หรือจะแชร์ผ่านโซเชียลมีเดียโดยตรงจาก Canva ก็สะดวกมากครับ"

ช่วงที่ 5: ปิดท้ายและถาม-ตอบ (5 นาที)
(สรุป)
"วันนี้เราได้เรียนรู้ตั้งแต่ความสำคัญของ Infographic ไปจนถึงการใช้งาน Canva ในการออกแบบ ผมหวังว่าทุกคนจะนำความรู้นี้ไปปรับใช้กับงานของตัวเองได้นะครับ

ถ้ามีคำถามเพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งาน Canva หรือการออกแบบ Infographic ยินดีตอบเต็มที่เลยครับ ขอบคุณทุกคนมากที่มาร่วมงานในวันนี้ครับ"

(เปิดช่วงถาม-ตอบ)
"เชิญถามได้เลยครับ ยินดีช่วยแนะนำเพิ่มเติมครับ"

หมายเหตุ: คุณสามารถปรับคำพูดหรือเพิ่มตัวอย่างที่เกี่ยวข้องกับผู้ฟังได้ตามความเหมาะสมนะครับ

17
บทพูดบรรยาย: การออกแบบ Infographic ด้วยโปรแกรม Canva
ระยะเวลา: 1 ชั่วโมง

ช่วงที่ 1: เปิดเรื่อง (10 นาที)
(กล่าวทักทาย)
"สวัสดีครับ/ค่ะ ทุกท่าน ขอบคุณที่สละเวลามาร่วมงานในวันนี้ ผม/ดิฉันชื่อ [ชื่อคุณ] เป็น [ตำแหน่งหรือบทบาทของคุณ] วันนี้เราจะมาเรียนรู้เรื่องที่น่าสนใจและมีประโยชน์มาก ๆ สำหรับการสื่อสารข้อมูลในยุคนี้ นั่นคือ การออกแบบ Infographic ด้วยโปรแกรม Canva ครับ/ค่ะ

ถ้าพูดถึง Infographic ทุกคนอาจจะคุ้นเคยกันดีนะครับ/ค่ะ มันคือการนำข้อมูลต่าง ๆ มาจัดเรียงให้เข้าใจง่ายขึ้น ผ่านภาพ แผนภูมิ และข้อความ แต่การทำให้มันทั้งน่าสนใจและสวยงามนั้นไม่ง่ายเลยใช่ไหมครับ/ค่ะ

โชคดีที่เรามีเครื่องมืออย่าง Canva ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถออกแบบ Infographic ได้อย่างมืออาชีพ โดยไม่ต้องมีพื้นฐานด้านการออกแบบมาก่อน ดังนั้นวันนี้ เราจะมารู้จัก Canva กันให้มากขึ้น รวมถึงเรียนรู้วิธีการใช้งานตั้งแต่ต้นจนจบ และใน 1 ชั่วโมงนี้ ผม/ดิฉันมั่นใจว่าทุกคนจะสามารถออกแบบ Infographic ที่น่าสนใจได้แน่นอนครับ/ค่ะ"

ช่วงที่ 2: ความรู้พื้นฐานและการเตรียมตัว (15 นาที)
(อธิบาย Infographic)
"ก่อนที่เราจะเข้าสู่การออกแบบ ขออนุญาตอธิบายก่อนว่า Infographic คืออะไร และทำไมมันถึงสำคัญนะครับ/ค่ะ

Infographic เป็นการนำข้อมูลหรือเนื้อหาที่อาจจะดูซับซ้อน มาเรียบเรียงใหม่ให้เข้าใจง่าย ด้วยการใช้ภาพและองค์ประกอบกราฟิก เช่น ไอคอน แผนภูมิ หรือแผนภาพ ซึ่งมันเหมาะมากสำหรับการสื่อสารในยุคนี้ เพราะคนส่วนใหญ่ชอบข้อมูลที่เข้าใจได้ในเวลาอันสั้น

และนี่คือสิ่งที่ Infographic สามารถช่วยเราได้ครับ/ค่ะ เช่น การทำสไลด์นำเสนอ การสื่อสารข้อมูลในโซเชียลมีเดีย หรือแม้แต่การทำรายงานในงานองค์กรก็ยังใช้ได้

องค์ประกอบสำคัญของ Infographic มี 3 อย่างครับ/ค่ะ:

การจัดวาง Layout – ต้องดูสมดุลและอ่านง่าย

การเลือกสีและฟอนต์ – ใช้สีที่เข้ากันและฟอนต์ที่อ่านง่าย

การใช้ภาพและไอคอน – เลือกให้เหมาะสมกับเนื้อหา

และที่สำคัญคือ การเตรียมข้อมูลที่ถูกต้องและกระชับ เป็นขั้นตอนแรกที่ต้องให้ความสำคัญเลยนะครับ/ค่ะ"

ช่วงที่ 3: เริ่มต้นใช้งาน Canva (20 นาที)
(เริ่มแนะนำ Canva)
"เอาล่ะครับ/ค่ะ ตอนนี้เรามาเริ่มต้นทำความรู้จักกับ Canva กันเลย Canva คือแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ช่วยให้เราสร้างสรรค์งานออกแบบได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์ โฆษณา หรือแม้กระทั่ง Infographic ที่เราจะเรียนรู้ในวันนี้

ขั้นตอนแรก เราต้องสมัครสมาชิก Canva ก่อนนะครับ/ค่ะ สามารถสมัครได้ทั้งแบบฟรีและแบบ Pro แต่สำหรับการเริ่มต้นแบบฟรีก็เพียงพอแล้ว

ขั้นตอนต่อมา เมื่อเข้าสู่ Canva แล้ว ให้ไปที่เมนูค้นหา และพิมพ์คำว่า ‘Infographic’ จากนั้น Canva จะเสนอเทมเพลตให้เราเลือกมากมาย ซึ่งทุกเทมเพลตสามารถปรับแต่งได้ง่าย ๆ

การปรับแต่งเทมเพลต:

คุณสามารถเพิ่มข้อความโดยคลิกที่ช่องข้อความ แล้วพิมพ์ข้อมูลของคุณลงไป

เลือกรูปภาพหรือไอคอนจากไลบรารีของ Canva ซึ่งมีให้เลือกมากมาย และยังมีเครื่องมือพิเศษอย่างแผนภูมิ ที่ช่วยให้ข้อมูลเชิงตัวเลขดูน่าสนใจมากขึ้น

สิ่งสำคัญคือ การจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ให้ดูสมดุล ลองใช้ฟีเจอร์ Snap Grid ของ Canva ที่ช่วยปรับตำแหน่งให้อัตโนมัติครับ/ค่ะ"

ช่วงที่ 4: การนำเสนอและการตรวจสอบผลงาน (10 นาที)
(อธิบายตัวอย่าง)
"เมื่อออกแบบ Infographic เสร็จแล้ว สิ่งสำคัญถัดมาคือการตรวจสอบครับ/ค่ะ ตรวจสอบทั้งเนื้อหาและความสวยงาม โดยดูว่าข้อมูลครบถ้วนหรือยัง และองค์ประกอบทั้งหมดดูกลมกลืนกันไหม

ตัวอย่างเช่น ถ้าเรานำเสนอข้อมูลในรูปแบบ Timeline ให้ตรวจสอบว่าลำดับเวลาเรียงถูกต้อง และเลือกใช้สีที่ช่วยเน้นจุดสำคัญ

เมื่อแน่ใจแล้ว คุณสามารถดาวน์โหลดผลงานในรูปแบบไฟล์ PNG, JPEG หรือ PDF เพื่อใช้งานได้เลย หรือจะแชร์โดยตรงผ่านโซเชียลมีเดียก็ทำได้ง่าย ๆ"

ช่วงที่ 5: ปิดท้ายและถาม-ตอบ (5 นาที)
(สรุปและเชิญถามคำถาม)
"ก่อนจะจบการบรรยายในวันนี้ ผม/ดิฉันขอสรุปสั้น ๆ นะครับ/ค่ะ
วันนี้เราได้เรียนรู้ว่า Infographic ช่วยทำให้ข้อมูลซับซ้อนเข้าใจง่ายขึ้น และ Canva เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การออกแบบเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าคุณจะมีพื้นฐานด้านการออกแบบหรือไม่

ผม/ดิฉันหวังว่าทุกคนจะได้แรงบันดาลใจและนำความรู้ที่ได้ไปปรับใช้กับงานของตัวเองนะครับ/ค่ะ

สุดท้ายนี้ ถ้าใครมีคำถามเพิ่มเติม หรืออยากให้ช่วยแนะนำเพิ่มเติม ยินดีมาก ๆ เลยครับ/ค่ะ ขอบคุณทุกท่านมาก ๆ ที่มาร่วมในวันนี้ครับ/ค่ะ"

(เปิดช่วงถาม-ตอบ)
"เชิญถามได้เลยนะครับ/ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้งาน Canva หรือเทคนิคการออกแบบ Infographic ครับ/ค่ะ"

บทพูดนี้สามารถปรับเปลี่ยนคำพูดหรือเนื้อหาให้เข้ากับสไตล์การพูดของคุณได้ครับ/ค่ะ

18
บทบรรยายเรื่อง: การออกแบบ Infographic ด้วยโปรแกรม Canva
ระยะเวลา: 1 ชั่วโมง

ช่วงที่ 1: การเปิดเรื่อง (10 นาที)
แนะนำตัวและเกริ่นนำ:

ทักทายผู้เข้าฟังและแนะนำตัว

เกริ่นนำเกี่ยวกับบทบาทของ Infographic ในยุคปัจจุบัน

การสื่อสารข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย

ตัวอย่าง Infographic ที่ประสบความสำเร็จในโลกธุรกิจ

กำหนดเป้าหมาย:

ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้วิธีการออกแบบ Infographic ที่น่าสนใจ

ทำความรู้จักเครื่องมือ Canva และใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ช่วงที่ 2: ความรู้พื้นฐานและการเตรียมตัว (15 นาที)
Infographic คืออะไร และทำไมถึงสำคัญ?

ความหมายและลักษณะของ Infographic

ประเภทของ Infographic เช่น Timeline, Comparison, Process

องค์ประกอบสำคัญของ Infographic:

การจัดวาง Layout

การเลือกสีและฟอนต์ให้เหมาะสม

การใช้ไอคอนและภาพประกอบ

การเตรียมข้อมูล:

การวิเคราะห์และสรุปข้อมูลที่ต้องการนำเสนอ

การจัดลำดับความสำคัญของข้อมูล

ช่วงที่ 3: เริ่มต้นใช้งาน Canva (20 นาที)
แนะนำ Canva:

Canva คืออะไร?

วิธีการสมัครและเริ่มต้นใช้งาน

การเลือกเทมเพลต:

วิธีค้นหาและเลือกเทมเพลตที่เหมาะสม

การปรับแต่งเทมเพลตให้เข้ากับข้อมูลของคุณ

การออกแบบ Infographic:

การเพิ่มข้อความ รูปภาพ ไอคอน และองค์ประกอบอื่น ๆ

การจัดการเลเยอร์และการจัดวางองค์ประกอบให้สมดุล

การใช้เครื่องมือพิเศษ เช่น Chart และ Graph

เทคนิคเสริม:

การเลือกสีให้เหมาะกับแบรนด์หรือหัวข้อ

การใช้ฟอนต์ที่อ่านง่ายและดึงดูดความสนใจ

การสร้างจุดเด่นด้วยการใช้ Contrast

ช่วงที่ 4: การนำเสนอและการตรวจสอบผลงาน (10 นาที)
ตัวอย่างผลงาน:

แสดงตัวอย่าง Infographic ที่ออกแบบด้วย Canva

วิเคราะห์จุดเด่นและสิ่งที่ควรพัฒนา

การตรวจสอบก่อนเผยแพร่:

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล

ตรวจสอบความสมดุลขององค์ประกอบ

การบันทึกและการแชร์:

วิธีดาวน์โหลด Infographic ในรูปแบบต่าง ๆ

การแชร์ผลงานผ่านโซเชียลมีเดีย

ช่วงที่ 5: ปิดท้ายและถาม-ตอบ (5 นาที)
สรุป:

ทบทวนสิ่งที่เรียนรู้ในวันนี้

ย้ำประโยชน์ของ Infographic และ Canva

ถาม-ตอบ:

เปิดโอกาสให้ผู้เข้าฟังถามคำถาม

แนะนำแหล่งเรียนรู้เพิ่มเติม เช่น Canva Tutorials หรือชุมชนนักออกแบบ

ฝากข้อคิด:

“Infographic ที่ดีไม่เพียงแค่สวยงาม แต่ต้องช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น”

Tips สำหรับการบรรยาย:
ใช้สไลด์ประกอบเพื่อให้ผู้เข้าฟังเห็นตัวอย่างและขั้นตอนชัดเจน

มีการทำ Workshop เล็ก ๆ เช่น ให้ผู้ฟังลองปรับแต่งเทมเพลตใน Canva

กระตุ้นความสนใจด้วยการเล่าเรื่องหรือยกตัวอย่างจากชีวิตจริง

คุณสามารถปรับแต่งเนื้อหาเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับผู้ฟังได้ตามต้องการ

19
Web Site / ตังค่า เมนู ข้าง
« เมื่อ: 21/03/25 »
ตังค่า เมนู ข้าง


20
การ "รอให้เป็น เย็นให้พอ" เป็นทักษะสำคัญในการเทรด Forex และสามารถฝึกฝนได้ด้วยวิธีการที่ง่ายและนำไปใช้ได้จริงดังนี้:

1. กำหนดแผนการเทรดให้ชัดเจน
เตรียม Trading Plan: เขียนแผนการเทรดที่มีจุดเข้า (Entry) จุดออก (Exit) จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit) อย่างชัดเจน
ใช้กฎ 3 ไม่:
ไม่เทรดโดยไม่มีแผน
ไม่ปรับแผนระหว่างทาง
ไม่ฝืนตลาด
เมื่อคุณมีแผนที่ชัดเจน การรอจังหวะตามแผนจะง่ายขึ้น

2. ใช้ Timeframe ที่เหมาะสม
หากคุณไม่ถนัดการเฝ้าหน้าจอ ให้ใช้ Timeframe ที่ยาวขึ้น เช่น 4 ชั่วโมง หรือรายวัน (Daily) ซึ่งช่วยลดการเทรดบ่อยเกินไป
การใช้ Timeframe ที่เหมาะสมช่วยให้คุณมีเวลาในการวิเคราะห์และไม่ถูกกดดันจากความเคลื่อนไหวระยะสั้น

3. ตั้งค่าการแจ้งเตือน (Alert)
ใช้เครื่องมือการแจ้งเตือนในแพลตฟอร์มเทรด เช่น MetaTrader หรือ TradingView
ตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อราคามาถึงจุดที่คุณต้องการ (เช่น แนวรับ/แนวต้านสำคัญ) แทนการเฝ้าจอตลอดเวลา
วิธีนี้ช่วยลดความเครียดและช่วยให้คุณรอจังหวะได้ง่ายขึ้น

4. ใช้คำสั่งล่วงหน้า (Pending Order)
ตั้งคำสั่ง Buy Limit หรือ Sell Limit ไว้ที่จุดที่คุณวางแผนจะเข้า
คุณไม่จำเป็นต้องอยู่หน้าจอตลอดเวลา และยังช่วยให้คุณเข้าสู่ตลาดในจุดที่วางแผนไว้โดยไม่ถูกอารมณ์ครอบงำ

5. ฝึกการควบคุมอารมณ์
ฝึกสมาธิ: ใช้เวลา 5-10 นาทีต่อวันในการทำสมาธิหรือการหายใจลึก ๆ เพื่อลดความกังวลและเพิ่มสมาธิ
ตั้งสติเมื่อขาดทุน: ยอมรับการขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของเกม อย่าพยายาม "แก้เกม" ด้วยการเปิดออเดอร์ใหม่ทันที
หยุดพัก: หากเริ่มรู้สึกเครียด ให้หยุดพักจากการเทรดและกลับมาวิเคราะห์ใหม่ในภายหลัง

6. บันทึกการเทรด (Trading Journal)
จดบันทึกการเทรดทุกครั้ง รวมถึงอารมณ์และเหตุผลในการเทรด
ทบทวนย้อนหลังว่าคุณพลาดตรงไหน เพราะอารมณ์หรือเพราะแผนไม่ชัดเจน
การบันทึกช่วยให้คุณเรียนรู้และพัฒนาการควบคุมอารมณ์ในระยะยาว

7. จำกัดการเทรดต่อวัน
ตั้งเป้าหมายว่าจะเปิดออเดอร์ได้ไม่เกิน 2-3 ครั้งต่อวัน
หากถึงจำนวนที่ตั้งไว้แล้ว ให้หยุดเทรด แม้ว่าจะมีโอกาสใหม่เข้ามาก็ตาม
การจำกัดจำนวนครั้งช่วยลดการเทรดเกินตัว (Overtrading) ซึ่งมักเกิดจากความใจร้อน

8. ใช้ตัวช่วยทางจิตวิทยา
กำหนดรางวัล: ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำตามแผนได้ เช่น กินอาหารที่ชอบหรือพักผ่อน
กำหนดบทลงโทษ: เช่น ห้ามเทรดในวันถัดไปหากคุณฝืนแผนหรือใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ
สรุป
การรอให้เป็นและเย็นให้พอ เป็นเรื่องของการฝึกวินัยและการควบคุมอารมณ์ วิธีเหล่านี้ช่วยให้คุณสร้างระบบที่ช่วยลดผลกระทบจากอารมณ์ ทำให้การเทรดมีประสิทธิภาพและยั่งยืนมากขึ้น

หากต้องการเจาะลึกวิธีการใดเพิ่มเติมหรือปรับให้เข้ากับสไตล์ของคุณ

21
"การรอให้เป็น เย็นให้พอ" ในการเทรด Forex หมายถึงการมีวินัยและความอดทนในการตัดสินใจเทรด โดยไม่รีบเร่งหรือใช้อารมณ์เป็นตัวนำพา ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ นี่คือความหมายของแนวคิดนี้ในรายละเอียด:

1. การรอให้เป็น
การวางแผน: ก่อนที่จะทำการเทรด นักเทรดควรมีแผนการที่ชัดเจน เช่น การตั้งจุดเข้า-ออก (Entry/Exit) จุดตัดขาดทุน (Stop Loss) และจุดทำกำไร (Take Profit)
รอจังหวะที่เหมาะสม: ไม่เทรดเพียงเพราะต้องการทำกำไรเร็ว แต่รอจนกว่าสัญญาณที่ตรงกับแผนการเทรดจะปรากฏ เช่น การรอให้ราคาเข้าสู่แนวรับ/แนวต้านสำคัญ หรือรอให้สัญญาณจากเครื่องมือวิเคราะห์ทางเทคนิคยืนยัน
ไม่รีบเร่ง: การรอให้ราคาเคลื่อนที่ตามแผนช่วยลดความเสี่ยงจากการตัดสินใจที่ผิดพลาดเพราะอารมณ์หรือความรีบเร่ง
2. เย็นให้พอ
ควบคุมอารมณ์: การเทรดโดยใช้อารมณ์ เช่น ความกลัวหรือความโลภ อาจนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาด การมีสติและใจเย็นช่วยให้คุณปฏิบัติตามแผนการเทรดได้อย่างเคร่งครัด
ไม่ไล่ตามราคา: เมื่อตลาดเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว อาจเกิดความรู้สึกอยากเข้าเทรดทันทีเพื่อไม่ให้พลาดโอกาส แต่การใจเย็นและวิเคราะห์อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจจะช่วยลดความเสี่ยงได้
มีสติกับการขาดทุน: หากการเทรดไม่เป็นไปตามแผน การยอมรับความผิดพลาดและใจเย็นเพื่อประเมินสถานการณ์ใหม่จะดีกว่าการพยายาม "เอาคืน" ด้วยการเปิดเทรดใหม่ทันที
สรุป
"การรอให้เป็น เย็นให้พอ" ใน Forex คือการมีวินัย ความอดทน และความสงบในกระบวนการตัดสินใจ เพื่อให้การเทรดมีประสิทธิภาพ ลดความผิดพลาด และเพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืนในระยะยาว

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับกลยุทธ์หรือการวางแผนเทรด สามารถแจ้งมาได้นะครับ!

22
สวัสดีครับทุกท่าน

ก่อนเริ่มการบรรยายในวันนี้ ผมอยากเล่าประสบการณ์เล็ก ๆ จากมุมมองของผมในฐานะเจ้าหน้าที่ศาลครับ

ลองนึกภาพตามนะครับ… คุณเป็นเจ้าหน้าที่ศาลที่ต้องจัดการกระบวนการพิจารณาคดี วันหนึ่งคุณได้รับมอบหมายให้จัดการคดีที่มีพยานอยู่ต่างจังหวัด จำเลยถูกคุมขังในอีกพื้นที่ และทนายความฝ่ายโจทก์กับจำเลยมีข้อจำกัดเรื่องเวลา ทำให้การนัดหมายมาพบกันในศาลอาจเป็นเรื่องยาก

ในสถานการณ์แบบนี้ เทคโนโลยีการประชุมออนไลน์อย่าง Google Meet กลายเป็นตัวช่วยสำคัญที่ทำให้กระบวนการพิจารณาคดีเดินหน้าได้อย่างราบรื่น

พยานสามารถให้การผ่านหน้าจอได้จากสถานที่ปลอดภัย
ทนายทั้งสองฝ่ายสามารถแสดงความคิดเห็นและโต้แย้งกันได้แบบเรียลไทม์
จำเลยสามารถเข้าร่วมการพิจารณาคดีโดยไม่ต้องเดินทาง

ในฐานะเจ้าหน้าที่ศาล หน้าที่ของเราคือการจัดเตรียมและบริหารจัดการทุกอย่างให้พร้อม ตั้งแต่การสร้างลิงก์ประชุม การตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปจนถึงการดูแลให้กระบวนการพิจารณาคดีดำเนินไปอย่างเรียบร้อยและปลอดภัย

วันนี้ ผมจะพาทุกท่านมาดูว่า Google Meet สามารถช่วยให้กระบวนการทำงานของศาลในรูปแบบออนไลน์มีประสิทธิภาพได้อย่างไร

เราจะเรียนรู้วิธีการใช้งาน Google Meet เพื่อสร้างลิงก์ประชุมและจัดการผู้เข้าร่วม
ทำความเข้าใจกับฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้การพิจารณาคดีราบรื่น เช่น การแชร์หน้าจอ การบันทึกประชุม และการจัดการ Breakout Rooms
และพูดคุยถึงเคล็ดลับการเตรียมตัวในฐานะเจ้าหน้าที่ศาล เพื่อให้กระบวนการทั้งหมดดำเนินไปได้อย่างมืออาชีพ
ผมเชื่อว่าหลังจากนี้ ทุกท่านจะสามารถนำความรู้นี้ไปปรับใช้ได้จริงในงานของท่านครับ ถ้าทุกท่านพร้อมแล้ว เรามาเริ่มกันเลยครับ!




หัวข้อ: การใช้งาน Google Meet อย่างมืออาชีพ
สวัสดีครับทุกท่าน
วันนี้เราจะมาพูดถึง "การใช้งาน Google Meet" ซึ่งเป็นเครื่องมือประชุมออนไลน์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานร่วมกัน การเรียนการสอน หรือแม้แต่การพูดคุยแบบส่วนตัว Google Meet ช่วยให้ทุกอย่างง่ายขึ้น พร้อมฟีเจอร์ที่หลากหลายและใช้งานได้สะดวก

1. ความสำคัญของ Google Meet ในยุคดิจิทัล
Google Meet เป็นส่วนหนึ่งของ Google Workspace และออกแบบมาให้ตอบโจทย์การประชุมออนไลน์ในทุกสถานการณ์

ช่วยให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แม้ผู้เข้าร่วมประชุมจะอยู่คนละที่
ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง
รองรับผู้ใช้งานทั้งในระดับบุคคล กลุ่มเล็ก ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่
2. วิธีการเริ่มต้นใช้งาน Google Meet
2.1 การเข้าถึง Google Meet
ผ่านเว็บไซต์:

เข้าไปที่ meet.google.com
ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google
คลิก “เริ่มการประชุมใหม่” (Start a new meeting) หรือ “ป้อนรหัสประชุม” (Enter a code)
ผ่านแอปพลิเคชัน:

ดาวน์โหลดแอป Google Meet บนสมาร์ทโฟน (iOS หรือ Android)
ลงชื่อเข้าใช้ด้วยบัญชี Google
ผ่าน Gmail:

เปิด Gmail และดูที่แถบด้านซ้ายมือ
คลิก "เริ่มการประชุม" หรือ "เข้าร่วมการประชุม" ได้โดยตรง
2.2 การเริ่มประชุมใหม่
คลิก "New Meeting"
เลือกว่าจะ:
สร้างลิงก์ประชุมและแชร์กับผู้อื่น
เริ่มประชุมทันที
ตั้งเวลาประชุมผ่าน Google Calendar
2.3 การเข้าร่วมประชุม
คลิกลิงก์ที่ได้รับจากอีเมลหรือแอปพลิเคชัน
ป้อนรหัสการประชุม (Meeting Code)
ตรวจสอบไมโครโฟนและกล้องก่อนเข้าร่วม
3. ฟีเจอร์สำคัญของ Google Meet
3.1 การแชร์หน้าจอ (Screen Sharing)
ใช้สำหรับนำเสนอเอกสาร สไลด์ หรือสาธิตการใช้งานโปรแกรม
วิธีการ:
คลิก "Present Now" ที่มุมล่างขวา
เลือกว่าจะนำเสนอทั้งหน้าจอ หน้าต่าง หรือแท็บในเบราว์เซอร์
3.2 การเปลี่ยนพื้นหลัง (Background Blur/Change Background)
เหมาะสำหรับสถานการณ์ที่ต้องการความเป็นส่วนตัว หรือพื้นที่รอบตัวไม่เหมาะสม
วิธีการ:
คลิกที่ไอคอนกล้อง จากนั้นเลือก "Apply visual effects"
เลือกเบลอพื้นหลังหรือเปลี่ยนเป็นภาพอื่น
3.3 การบันทึกการประชุม (Recording)
ใช้สำหรับเก็บเนื้อหาเพื่อการทบทวนหรือส่งต่อ
วิธีการ:
คลิกที่จุดสามจุดมุมล่างขวา
เลือก “Record meeting”
ไฟล์จะถูกบันทึกใน Google Drive
3.4 ฟีเจอร์ Breakout Rooms
แบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุมเป็นห้องย่อยเพื่อทำงานเฉพาะกิจ
วิธีการ:
ผู้ดูแลการประชุม (Host) คลิกที่ “Activities”
เลือก “Breakout Rooms” และกำหนดจำนวนห้อง
3.5 Live Captions
ฟีเจอร์คำบรรยายสดที่ช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมติดตามเนื้อหาได้ง่ายขึ้น
วิธีการ:
คลิกเปิด/ปิดคำบรรยายที่มุมล่างขวา
4. เคล็ดลับการใช้งาน Google Meet อย่างมืออาชีพ
เตรียมพร้อมก่อนประชุม

ตรวจสอบไมโครโฟน กล้อง และอินเทอร์เน็ต
ตั้งค่าพื้นหลังให้ดูเรียบร้อย
บริหารจัดการประชุมอย่างมีประสิทธิภาพ

เริ่มต้นการประชุมตรงเวลา
ใช้ Breakout Rooms และการแชร์หน้าจอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
ปิดเสียงไมโครโฟนเมื่อไม่พูด

ลดเสียงรบกวนจากพื้นหลังและเพิ่มสมาธิให้ผู้เข้าร่วมประชุม
ใช้คำเชิญอย่างชัดเจน

ระบุหัวข้อ เวลา และเนื้อหาการประชุมล่วงหน้า
5. การเชื่อมต่อ Google Meet กับบริการอื่นใน Google Workspace
Google Calendar:
สร้างการประชุมใน Calendar พร้อมส่งคำเชิญและเพิ่มลิงก์ Google Meet อัตโนมัติ

Google Drive:
แชร์ไฟล์เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประชุมได้โดยตรง

Gmail:
แนบลิงก์ Google Meet ในอีเมลเพื่อนัดหมายการประชุม

6. กรณีศึกษา: การใช้งาน Google Meet ในชีวิตจริง
กรณี 1: การประชุมทีมงานระหว่างประเทศ
ทีมงานที่กระจายอยู่ในหลายประเทศสามารถใช้ Google Meet สำหรับประชุมสรุปแผนงานรายสัปดาห์ โดยใช้ฟีเจอร์คำบรรยายสดเพื่อช่วยผู้เข้าร่วมที่พูดภาษาต่างกัน

กรณี 2: การเรียนการสอนออนไลน์
ครูสามารถใช้ Google Meet สำหรับสอนออนไลน์ พร้อมแชร์หน้าจอเพื่อสาธิตบทเรียน และบันทึกการสอนเพื่อให้นักเรียนทบทวน

7. กิจกรรมระหว่างบรรยาย
แบบฝึกหัด:
ให้ผู้เข้าร่วมทดลองใช้ Google Meet โดยเริ่มประชุมและแชร์หน้าจอ
ถาม-ตอบ:
เปิดโอกาสให้ผู้ฟังถามคำถามเกี่ยวกับฟีเจอร์หรือการแก้ปัญหาการใช้งาน
8. สรุป
Google Meet เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและใช้งานง่าย หากเรารู้จักฟีเจอร์ที่หลากหลายและสามารถนำไปปรับใช้ได้อย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประชุมออนไลน์ได้อย่างมหาศาล

หวังว่าบทบรรยายนี้จะช่วยให้ทุกท่านเข้าใจและพร้อมใช้งาน Google Meet อย่างมั่นใจ ขอบคุณครับ!

23
หัวข้อ: การใช้งาน Google Meet และบริการของ Gmail
สวัสดีครับ/ค่ะทุกท่าน

ขอบคุณทุกท่านที่สละเวลามาร่วมฟังการบรรยายในวันนี้ หัวข้อของเราคือ "การใช้งาน Google Meet และบริการของ Gmail" ซึ่งเป็นสองบริการที่ไม่เพียงช่วยให้การสื่อสารและการทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ยังช่วยให้ชีวิตประจำวันของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น

เราจะพูดคุยกันใน 4 ส่วนหลัก ได้แก่

การใช้งาน Gmail อย่างมืออาชีพ
การใช้ Google Meet ในการประชุมออนไลน์
การผสานการทำงานระหว่าง Gmail และ Google Meet
เคล็ดลับและกรณีศึกษาที่นำไปใช้ได้จริง
ส่วนที่ 1: การใช้งาน Gmail อย่างมืออาชีพ
Gmail ไม่ใช่แค่อีเมลธรรมดา แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยจัดระเบียบชีวิตและการทำงานของเราได้อย่างยอดเยี่ยม

1.1 ฟีเจอร์สำคัญของ Gmail
Smart Compose และ Smart Reply:
ฟีเจอร์ที่ช่วยเขียนอีเมลอย่างรวดเร็วและมืออาชีพ โดยระบบจะเสนอคำแนะนำหรือข้อความตอบกลับอัตโนมัติ
ตัวอย่าง: เมื่อคุณได้รับอีเมลเกี่ยวกับการประชุม ระบบอาจเสนอข้อความตอบกลับเช่น "ขอบคุณสำหรับข้อมูล ผมจะเข้าร่วมประชุม"

Confidential Mode:
โหมดอีเมลที่เพิ่มความปลอดภัย โดยสามารถตั้งวันหมดอายุสำหรับข้อความและป้องกันการดาวน์โหลดหรือคัดลอกเนื้อหา

Gmail Offline:
ใช้งาน Gmail ได้แม้ไม่มีอินเทอร์เน็ต เพียงแค่ตั้งค่าล่วงหน้า คุณสามารถอ่าน เขียน และเก็บร่างข้อความไว้ส่งเมื่อกลับมาเชื่อมต่อ

1.2 การจัดการ Gmail ให้เป็นระเบียบ
การใช้ Labels และ Filters:
สร้างหมวดหมู่สำหรับอีเมล เช่น "งานเร่งด่วน" หรือ "ลูกค้า VIP" พร้อมตั้งค่าให้ระบบกรองอีเมลเข้าสู่หมวดหมู่ที่กำหนดโดยอัตโนมัติ

การตั้งค่า Priority Inbox:
Gmail สามารถเรียนรู้พฤติกรรมของเรา และจัดลำดับอีเมลสำคัญมาแสดงก่อน

1.3 เคล็ดลับที่หลายคนมองข้าม
ตั้งค่าลายเซ็นอัจฉริยะ: เพิ่มชื่อ-นามสกุล ตำแหน่ง และข้อมูลติดต่อในทุกอีเมลของคุณ
ใช้ Tasks และ Keep Notes ร่วมกับ Gmail: บริหารจัดการงานและบันทึกสำคัญที่เชื่อมโยงกับอีเมลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนที่ 2: การใช้ Google Meet ในการประชุมออนไลน์
Google Meet คือเครื่องมือประชุมออนไลน์ที่ออกแบบมาเพื่อให้ใช้งานง่าย แต่มีฟีเจอร์ที่ทรงพลัง

2.1 ฟีเจอร์เด่นของ Google Meet
การแชร์หน้าจอ (Screen Sharing):
เหมาะสำหรับการนำเสนองาน การสอน หรือการให้คำแนะนำ
ตัวอย่าง: คุณสามารถแชร์หน้าจอ PowerPoint ขณะบรรยาย หรือเปิดไฟล์ Excel เพื่อสาธิตการวิเคราะห์ข้อมูล

Breakout Rooms:
ฟีเจอร์ที่ช่วยแบ่งผู้เข้าร่วมประชุมออกเป็นกลุ่มย่อย สำหรับการระดมความคิดหรือทำงานเฉพาะกิจ

Live Captions:
แสดงคำบรรยายสดระหว่างการประชุม เหมาะสำหรับการประชุมที่มีผู้เข้าร่วมจากหลายภาษา

การบันทึกการประชุม (Recording):
ใช้เก็บข้อมูลสำคัญไว้ทบทวนหรือส่งต่อให้ผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วม

2.2 เทคนิคการใช้งาน Google Meet อย่างมืออาชีพ
เตรียมการล่วงหน้า:
ตรวจสอบกล้อง ไมโครโฟน และอินเทอร์เน็ตก่อนการประชุมเสมอ

สร้างบรรยากาศที่เหมาะสม:
ใช้ฟีเจอร์ Background Blur หรือเปลี่ยนพื้นหลังเพื่อให้ดูเป็นมืออาชีพ

ตั้งค่าคำเชิญที่ชัดเจน:
ระบุหัวข้อ เวลา และวาระการประชุมในคำเชิญเพื่อช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมเตรียมตัวได้ดี

ส่วนที่ 3: การผสานการทำงานระหว่าง Gmail และ Google Meet
จุดเด่นของบริการ Google คือการทำงานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ตัวอย่างเช่น

เมื่อคุณได้รับคำเชิญประชุมใน Gmail คุณสามารถคลิกลิงก์เพื่อเข้าร่วม Google Meet ได้ทันที
หากคุณแนบไฟล์จาก Google Drive ในอีเมล ระบบจะสามารถดึงไฟล์นั้นมาใช้งานในการประชุมได้
กรณีศึกษา:
สถานการณ์: ทีมงานต้องประชุมและอัปเดตแผนงานรายสัปดาห์
คุณสามารถสร้างคำเชิญประชุมใน Google Calendar
ส่งลิงก์เข้าร่วมผ่าน Gmail พร้อมแนบเอกสารที่ต้องการให้ผู้เข้าร่วมอ่าน
ระหว่างการประชุม ใช้ Google Meet เพื่อพูดคุย และแชร์เอกสารประกอบแบบเรียลไทม์
ส่วนที่ 4: เคล็ดลับและกรณีศึกษาเพิ่มเติม
เคล็ดลับ:
จัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพ: ใช้ Google Calendar ควบคู่กับ Gmail และ Google Meet เพื่อกำหนดเวลาและแจ้งเตือน
ฝึกฝนการสื่อสารออนไลน์: ใช้ฟีเจอร์ Chat หรือ Q&A ใน Google Meet เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม
กรณีศึกษาในชีวิตจริง:
องค์กร A: ใช้ Google Meet สำหรับการสัมมนาออนไลน์ (Webinar) โดยเชื่อมต่อกับ Gmail ในการส่งคำเชิญและสรุปเนื้อหา
นักเรียน B: ใช้ Google Meet สำหรับเรียนออนไลน์ และใช้ Gmail ในการส่งการบ้าน
กิจกรรมระหว่างบรรยาย
เพื่อให้บรรยายมีส่วนร่วม แนะนำให้เพิ่มกิจกรรม เช่น

ถาม-ตอบ (Q&A): ให้ผู้ฟังถามคำถามเกี่ยวกับการใช้งาน Gmail หรือ Google Meet
แบบฝึกหัดสั้น: ให้ผู้ฟังทดลองใช้ฟีเจอร์ เช่น การสร้างอีเมลหรือการเริ่มประชุมใน Google Meet
สรุป
การใช้งาน Gmail และ Google Meet อย่างถูกวิธี จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและชีวิตประจำวัน หากเรานำเครื่องมือเหล่านี้มาใช้ร่วมกันอย่างเหมาะสม เราจะสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

หวังว่าทุกท่านจะได้รับความรู้ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ขอบคุณที่รับฟังครับ/ค่ะ

24
คู่มือวิธีการเพิ่มฟังก์ชัน Chatbot ให้แสดงผลบนหน้าเว็บไซต์ศาล

1. เข้ายังหน้าจอ admin ผู้ดูแลเว็บไซต์
2. เมนูจัดการด้านซ้าย เลือก “จัดการระบบ”
3. เลือกเมนู “จัดการ Widget”

4. เพิ่ม script ไว้ที่ส่วน header
4.1 เลือกรายการ Widget ชื่อว่า “ชื่อเว็บไซต์”
4.2 ตั้งค่า Widget ให้กดปุ่ม “ดูรหัส HTML”
4.3 แก้ไข HTML โดยเพิ่มโค้ดนี้ไว้ที่บรรทัดล่างสุด

<link href="https://phonebook.coj.go.th/theme/assets/css/chatbot.css" rel="stylesheet" />

4.4 กดปุ่ม “บันทึก” เพื่อบันทึกการตั้งค่า

5. เพิ่ม script ไว้ที่ส่วน footer ด้านล่าง
5.1 เลือกรายการ Widget ชื่อว่า “ที่อยู่ footer”
5.2 ตั้งค่า Widget ให้กดปุ่ม “ดูรหัส HTML”
5.3 แก้ไข HTML โดยเพิ่มโค้ดนี้ไว้ที่บรรทัดล่างสุด

<p>&nbsp;</p>
<script src="https://phonebook.coj.go.th/theme/assets/js/chatbot.js"></script>

5.4 กดปุ่ม “บันทึก” เพื่อบันทึกการตั้งค่า

6. เมื่อเข้าเว็บไซต์ศาลจะปรากฏรูป COJ Chatbot อยู่ที่บริเวณด้านล่างขวาของหน้าเว็บไซต์
***หมายเหตุ ติ๊กสถานะ chatbot เดิมไม่ใช้งานด้วย

25
รู้เท่าทันรูปแบบกลโกงของมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์

รู้เท่าทันรูปแบบกลโกงของมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์

(1) เปิดเรื่อง: ดึงความสนใจผู้ฟัง

สวัสดีครับทุกท่าน วันนี้เรามาพูดถึงเรื่องที่สำคัญมากในยุคดิจิทัล นั่นคือ "การรู้เท่าทันกลโกงของมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์" คำถามแรกที่ผมอยากให้ทุกท่านลองคิดคือ คุณมั่นใจแค่ไหนว่าเราจะไม่ตกเป็นเหยื่อ?

ลองนึกภาพดูนะครับ…

คุณได้รับข้อความแจ้งว่าถูกเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิต ทั้งที่คุณไม่เคยใช้!

คุณเห็นโฆษณาขายสินค้าราคาถูกเกินจริง และกดสั่งซื้อเพราะกลัวพลาดโอกาส!

หรือแม้แต่ได้รับสายจาก "เจ้าหน้าที่" แจ้งว่าคุณเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ต้องโอนเงินเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์!

เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่แค่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป มิจฉาชีพพัฒนาเทคนิคใหม่ๆ ให้ซับซ้อนมากขึ้น จนบางครั้งแม้แต่คนที่คิดว่าระมัดระวังแล้วก็ยังพลาดท่าได้

(2) มิจฉาชีพออนไลน์ทำงานอย่างไร?

มิจฉาชีพบนโลกออนไลน์มีหลายรูปแบบมาก วันนี้เราจะมาดูกลโกงที่พบบ่อยและวิธีที่พวกเขาหลอกล่อเหยื่อ

1. ฟิชชิ่ง (Phishing) - หลอกให้คลิกลิงก์และขโมยข้อมูล

ฟิชชิ่งคือการที่มิจฉาชีพส่งอีเมลหรือข้อความที่ดูเหมือนมาจากองค์กรจริง เช่น ธนาคารหรือแพลตฟอร์มออนไลน์ เมื่อเหยื่อคลิกลิงก์และกรอกข้อมูลเข้าไป ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกส่งตรงถึงมิจฉาชีพทันที

ตัวอย่าง: อีเมลจาก "ธนาคาร" แจ้งว่าบัญชีของคุณถูกล็อก และให้คลิกที่ลิงก์เพื่อยืนยันตัวตน

2. หลอกให้โอนเงิน - แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และ Romance Scam

แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ใช้จิตวิทยาในการข่มขู่เหยื่อ เช่น อ้างว่าเป็นตำรวจ สรรพากร หรือเจ้าหน้าที่รัฐ และบังคับให้โอนเงินเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์

Romance Scam หลอกเหยื่อทางความรัก โดยใช้โซเชียลมีเดียหรือแอปหาคู่ สร้างความสัมพันธ์ และสุดท้ายขอให้ช่วยโอนเงิน

3. โฆษณาปลอม และเว็บขายของปลอม

คุณเคยเห็นสินค้าราคาถูกกว่าปกติหลายเท่าบน Facebook หรือไม่? หลายครั้งสิ่งที่คุณจ่ายเงินซื้อ อาจไม่มีอยู่จริง หรือได้รับสินค้าคุณภาพต่ำกว่าที่โฆษณา

(3) วิธีป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพออนไลน์

✅ อย่าคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ – ถ้าได้รับอีเมลหรือ SMS จากธนาคารหรือแพลตฟอร์มใดๆ ให้เข้าเว็บหลักโดยตรงแทนที่จะคลิกลิงก์ในข้อความ✅ ตั้งค่าความปลอดภัยบัญชีออนไลน์ – ใช้รหัสผ่านที่คาดเดายาก เปิดใช้การยืนยันตัวตน 2 ชั้น✅ เช็กข้อมูลก่อนทำธุรกรรม – ถ้ามีใครโทรมาอ้างว่าเป็นตำรวจ หรือหน่วยงานรัฐ ให้ติดต่อกลับที่เบอร์ทางการก่อน✅ ใช้สติ อย่ารีบโอนเงิน – มิจฉาชีพมักใช้ความเร่งด่วนและความกลัวมากดดันเหยื่อเสมอ

(4) กรณีศึกษาจริงที่เกิดขึ้น

เรามาดูตัวอย่างจริงของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ เพื่อเป็นอุทาหรณ์และเรียนรู้จากเหตุการณ์เหล่านี้

 กรณีที่ 1: แก๊งคอลเซ็นเตอร์ – หญิงวัย 50 ถูกโทรศัพท์หลอกว่าเกี่ยวข้องกับคดีฟอกเงิน ถูกบังคับให้โอนเงินกว่า 5 ล้านบาท  กรณีที่ 2: หลอกขายสินค้าทางออนไลน์ – นักศึกษาซื้อโทรศัพท์ราคาถูกจากโฆษณา Facebook สุดท้ายได้กล่องเปล่า

(5) สรุปและข้อคิดปิดท้าย

โลกออนไลน์เต็มไปด้วยโอกาส แต่ก็เต็มไปด้วยภัยร้ายที่ซ่อนอยู่เช่นกัน วันนี้ทุกท่านได้เรียนรู้แล้วว่า กลโกงของมิจฉาชีพมีหลากหลายรูปแบบและพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

 สิ่งสำคัญที่สุดคือ “สติ” และ “ความรู้”

ถ้ามีใครอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ให้โทรกลับเบอร์ทางการเท่านั้น

อย่าหลงเชื่อโปรโมชั่นเกินจริง

อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวให้ใครง่ายๆ

ตั้งค่าความปลอดภัยให้บัญชีออนไลน์ทุกช่องทาง

สุดท้ายนี้… คุณจะเลือกเป็นเหยื่อ หรือจะเลือกเป็นผู้ที่รู้เท่าทัน?

หวังว่าวันนี้ทุกท่านจะได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ และสามารถนำไปใช้ป้องกันตัวเองจากภัยร้ายบนโลกออนไลน์ได้ครับ ขอบคุณทุกท่านที่รับฟัง!

26
รู้เท่าทันกลโกงออนไลน์ ป้องกันตัวก่อนตกเป็นเหยื่อ

(เริ่มเรื่อง – ดึงความสนใจ)

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังนั่งชิล ๆ เลื่อนโทรศัพท์อยู่ดี ๆ แล้วมีข้อความแจ้งว่า “ยินดีด้วย! คุณถูกรางวัล 10 ล้านบาท” ทั้งที่ยังไม่เคยซื้อลอตเตอรี่! หรือจู่ ๆ มีคนโทรมาบอกว่า “คุณมีคดีติดตัว ถ้าไม่อยากติดคุก โอนเงินมาเดี๋ยวนี้!” เดี๋ยวนะ... นี่เรากลายเป็นอาชญากรไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ถ้าเจออะไรแบบนี้ รีบตั้งสติให้ไว เพราะนี่อาจเป็นกลโกงจากมิจฉาชีพออนไลน์!

(รูปแบบกลโกงที่พบบ่อย)

ฟิชชิ่ง (Phishing) – หลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัว
มิจฉาชีพส่งอีเมลหรือข้อความปลอมจากธนาคาร หรือบริษัทดัง ๆ ให้เรากรอกข้อมูล เช่น รหัสผ่าน หรือเลขบัตรเครดิต จากนั้นขโมยเงินไป ให้คิดซะว่า ถ้าธนาคารส่งลิงก์ให้กรอกข้อมูลเหมือนแจกขนม นั่นคือของปลอมแน่นอน!

หลอกให้รักแล้วลวงเงิน (Romance Scam)
เจอคนในแอปหาคู่ ทำทีเป็นรักเราหัวปักหัวปำ คุยไปสักพักก็อ้างว่ามีปัญหาเรื่องเงิน ขอให้ช่วยโอนหน่อย ถ้าความรักต้องแลกกับเลขบัญชี ควรเปลี่ยนจาก ‘แฟน’ เป็น ‘แฟนธง’ แล้วโบกมือลาเถอะ!

ลงทุนลวงโลก (Investment Scam)
มีคนมาชวนลงทุน บอกว่า “กำไรสูง คืนทุนไว” แต่พอจะถอนเงิน กลับหายเข้ากลีบเมฆ อย่าลืม! โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ นอกจากแดดแรงกับลมพัดแรง ๆ

ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจ
โทรมาอ้างว่าคุณมีคดี ถ้าไม่อยากโดนจับ ต้องรีบโอนเงิน ขอโทษนะครับคุณตำรวจ ถ้าจะจับจริง ขอหมายจับเป็นลายลักษณ์อักษรนะ ไม่ใช่หมายจับโอนเงิน!

แอปปลอม – ดูดเงินจากบัญชี
แอปบางตัวดูเหมือนแอปธนาคารเป๊ะ แต่จริง ๆ แล้วเป็นของปลอม โหลดผิดชีวิตเปลี่ยน! เงินหายไวเหมือนโดนดูดวิญญาณ

(วิธีป้องกัน – ปิดช่องโหว่ก่อนถูกหลอก)

อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวง่าย ๆ โดยเฉพาะรหัสผ่านหรือเลขบัญชีธนาคาร

เช็กให้ชัวร์ก่อนโอนเงิน ถ้ามีคนบอกให้โอนเงิน รีบตรวจสอบก่อนเสมอ

ใช้รหัสผ่านที่เดายาก และเปิดระบบยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA)

โหลดแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น App Store หรือ Google Play

อย่าหลงเชื่อโฆษณาลงทุนที่ดูดีเกินจริง ถ้ารวยง่าย ก็มักจะเป็นกลโกง!

ตั้งสติเมื่อมีสายแปลก ๆ โทรมา ตำรวจจริง หรือหน่วยงานรัฐ จะไม่โทรมาขอเงินเด็ดขาด!

(สรุป – ป้องกันตัวเองไว้ก่อน)

มิจฉาชีพออนไลน์หาวิธีใหม่ ๆ มาหลอกเราเสมอ เราต้องไม่ประมาท! ตั้งสติ คิดให้รอบคอบก่อนเชื่อหรือโอนเงิน และช่วยเตือนคนรอบข้างด้วย อย่าปล่อยให้เงินในบัญชีเราหายไปไวกว่าเงินเดือนที่เพิ่งออก!


27
รู้เท่าทันกลโกงออนไลน์ ป้องกันตัวก่อนตกเป็นเหยื่อ

(เริ่มเรื่อง – ดึงความสนใจ)

ลองนึกภาพว่าคุณกำลังใช้โทรศัพท์อยู่ดี ๆ แล้วมีข้อความแจ้งว่าคุณถูกรางวัลใหญ่! หรือมีคนโทรมาบอกว่าคุณมีคดีติดตัว ถ้าไม่รีบโอนเงิน อาจโดนจับ! นี่คือวิธีที่มิจฉาชีพใช้หลอกเหยื่อทางออนไลน์ และพวกเขาก็มีเทคนิคใหม่ ๆ ออกมาเสมอ

(รูปแบบกลโกงที่พบบ่อย)

ฟิชชิ่ง (Phishing) – หลอกให้กรอกข้อมูลส่วนตัว
มิจฉาชีพส่งอีเมลหรือข้อความปลอมจากธนาคาร หรือบริษัทชื่อดัง ให้เรากรอกข้อมูล เช่น รหัสผ่าน หรือบัตรเครดิต จากนั้นขโมยเงินไป

หลอกให้รักแล้วลวงเงิน (Romance Scam)
เจอคนในแอปหาคู่หรือโซเชียลมีเดีย ทำทีเป็นรักเรามาก จากนั้นขอให้ช่วยโอนเงิน อ้างว่ามีปัญหาด่วน เช่น ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าเดินทาง

ลงทุนลวงโลก (Investment Scam)
มีคนมาชวนลงทุน บอกว่ากำไรดีมาก ได้เงินเร็ว แต่พอจะถอนเงินกลับทำไม่ได้ หายตัวไปเลย!

ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจ
โทรมาอ้างว่าคุณมีคดี หรือพัสดุต้องสงสัย ถ้าอยากเคลียร์เรื่อง ต้องโอนเงินทันที จริง ๆ แล้วเป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น!

แอปปลอม – ดูดเงินจากบัญชี
มีแอปที่ดูเหมือนแอปธนาคาร แต่เป็นของปลอม พอเราดาวน์โหลด ข้อมูลบัญชีเราก็ถูกขโมยไปใช้ทันที

(วิธีป้องกัน – ปิดช่องโหว่ก่อนถูกหลอก)

อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวง่าย ๆ โดยเฉพาะรหัสผ่านหรือเลขบัญชีธนาคาร

เช็กให้ชัวร์ก่อนโอนเงิน ถ้ามีคนบอกให้โอนเงิน รีบตรวจสอบก่อนเสมอ

ใช้รหัสผ่านที่เดายาก และเปิดระบบยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA)

โหลดแอปจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น App Store หรือ Google Play

อย่าหลงเชื่อโฆษณาลงทุนที่ดูดีเกินจริง ถ้ารวยง่าย ก็มักจะเป็นกลโกง!

ตั้งสติเมื่อมีสายแปลก ๆ โทรมา ตำรวจจริง หรือหน่วยงานรัฐ จะไม่โทรมาขอเงินเด็ดขาด!

(สรุป – ป้องกันตัวเองไว้ก่อน)

มิจฉาชีพออนไลน์หาวิธีใหม่ ๆ มาหลอกเราเสมอ เราต้องไม่ประมาท! ตั้งสติ คิดให้รอบคอบก่อนเชื่อหรือโอนเงิน และช่วยเตือนคนรอบข้างด้วย อย่าปล่อยให้มิจฉาชีพเอาเปรียบเราได้ง่าย ๆ!


28
รู้เท่าทันรูปแบบกลโกงของมิจฉาชีพบนโลกออนไลน์

(เปิดเรื่อง – กระตุ้นความสนใจ)

ลองจินตนาการดูว่าคุณกำลังเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์อย่างสบายใจ จู่ ๆ ก็มีข้อความแจ้งเตือนว่าคุณถูกรางวัลใหญ่จากบริษัทที่คุณไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน หรือวันหนึ่ง คุณได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แจ้งว่าคุณมีคดีความและต้องโอนเงินเพื่อเคลียร์คดีให้เรียบร้อย นี่คือกับดักของมิจฉาชีพที่กำลังแฝงตัวอยู่ในโลกออนไลน์และพร้อมจะหลอกล่อเหยื่อที่ไม่ทันระวังตัว

(สาระสำคัญ – ประเภทของกลโกงออนไลน์)

ในโลกดิจิทัลที่ทุกอย่างสะดวกสบายขึ้น มิจฉาชีพก็พัฒนาเทคนิคการโกงให้แนบเนียนและซับซ้อนขึ้นเช่นกัน เรามาทำความรู้จักกับรูปแบบกลโกงที่พบบ่อย เพื่อป้องกันตนเองและคนรอบข้าง

ฟิชชิ่ง (Phishing) – ล้วงข้อมูลส่วนตัว
มิจฉาชีพจะส่งอีเมลหรือข้อความที่ดูเหมือนมาจากบริษัทที่เชื่อถือได้ เช่น ธนาคาร หรือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ โดยมีลิงก์ให้คุณกดเพื่อเข้าสู่ระบบ แต่แท้จริงแล้ว นั่นคือกับดักที่นำคุณไปยังเว็บไซต์ปลอม และเมื่อคุณกรอกข้อมูล มิจฉาชีพก็จะได้ข้อมูลสำคัญไปครอบครอง

โรแมนซ์สแกม (Romance Scam) – หลอกให้รักแล้วลวงเงิน
กลโกงประเภทนี้มักเกิดขึ้นในแพลตฟอร์มหาคู่หรือโซเชียลมีเดีย มิจฉาชีพจะใช้รูปโปรไฟล์ปลอม อ้างตัวเป็นคนรักที่แสนดี และใช้เวลาสร้างความสัมพันธ์กับเหยื่อ ก่อนจะอ้างว่าต้องการความช่วยเหลือทางการเงิน เช่น ค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายฉุกเฉินอื่น ๆ

ลงทุนลวงโลก (Investment Scam) – ผลตอบแทนสูงเกินจริง
มิจฉาชีพจะชักชวนให้ลงทุนในโครงการที่ดูน่าเชื่อถือ และอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงในเวลาอันรวดเร็ว แต่เมื่อถึงเวลาถอนเงิน กลับพบว่าถูกบล็อกหรือหายเข้ากลีบเมฆ

มิจฉาชีพปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือตำรวจ
มิจฉาชีพจะโทรศัพท์หาเหยื่อและอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ตำรวจ ศาล หรือหน่วยงานภาครัฐ แจ้งว่าเหยื่อมีคดีความ หรือมีพัสดุต้องสงสัย หากต้องการเคลียร์เรื่องต้องโอนเงิน ซึ่งแท้จริงแล้วเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด

แอปพลิเคชันปลอม – ดูดเงินจากบัญชี
มีแอปพลิเคชันปลอมที่ถูกสร้างขึ้นให้ดูเหมือนแอปของธนาคารหรือหน่วยงานสำคัญ เมื่อเหยื่อดาวน์โหลดและติดตั้ง ข้อมูลบัญชีธนาคารหรือรหัสผ่านก็จะถูกขโมยไป

(วิธีป้องกัน – ปิดช่องโหว่ก่อนตกเป็นเหยื่อ)

อย่าให้ข้อมูลส่วนตัวหรือรหัสผ่านกับใคร ไม่ว่าบุคคลนั้นจะอ้างตัวเป็นใครก็ตาม

ตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล อย่ากดลิงก์ที่ไม่น่าไว้วางใจ หรือรีบโอนเงินโดยไม่ได้ตรวจสอบ

ใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง และเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองชั้น (2FA)

ระวังแอปพลิเคชันที่ไม่น่าเชื่อถือ ดาวน์โหลดแอปจากแหล่งที่ถูกต้อง เช่น App Store หรือ Google Play

หาข้อมูลก่อนลงทุน หากมีข้อเสนอที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง มีโอกาสสูงว่าจะเป็นกลโกง

ตั้งสติเมื่อมีสายแปลก ๆ โทรมา อย่าหลงเชื่อใครง่าย ๆ ที่อ้างว่าคุณมีคดีความหรือได้รับรางวัล

(สรุป – ตอกย้ำความสำคัญ)

มิจฉาชีพออนไลน์พัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ ตลอดเวลา เราจึงต้องอัปเดตความรู้และรู้เท่าทันกลโกงทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบข้อมูลก่อนตัดสินใจ การตั้งค่าความปลอดภัยให้แน่นหนา หรือแม้แต่การแจ้งเตือนคนรอบข้างให้ระวังตัวอยู่เสมอ จำไว้ว่า “การป้องกันตนเองคือเกราะป้องกันที่ดีที่สุด” อย่าปล่อยให้มิจฉาชีพมีโอกาสควบคุมชีวิตและกระเป๋าเงินของคุณ!

29
ระบบ EFiling   รู้จัก Error เบื้องต้น
การให้ข้อมูลนี้เป็นการรวบรวมการแก้ปัญหาและความรู้เบื้องต้น

พิมพ์ /1 เมื่อพบ Error : ขออภัย ! ผู้ยื่นฟ้องยังไม่ได้รับการตรวจสอบเอกสารการลงทะเบียน
พิมพ์ /2 เมื่อพบ Error from COJ : ReceiptBookNo of Electronic or ReceiptNo of Electronic Duplicate not found in database!
พิมพ์ /3 เมื่อพบ Error : รายการนี้ถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ท่านอื่นเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถตรวจสอบซ้ำได้ (BTX3012)
 พิมพ์ /4 เมื่อพบข้อความ ขออภัย กรุณาติดต่อเจ้าหน้าที่ (TTX9998)
 พิมพ์ /5 เมื่อพบ Error ขออภัย ! ไม่สามารถทำการ resend reset mobile pass mail ได้ (BAD3008)
 พิมพ์ /6 กรณีอัปโหลดเอกสารยืนยันตัวตนทนายผิด และมีการกดอนุมัติเรียบร้อยแล้ว

พิมพ์ /7 กรณีท่านผู้พิพากษาไม่ได้รับ sms แจ้งเตือนการทำรายการจากระบบ e-Filing
พิมพ์ /8 กรณีเจ้าหน้าที่ศาลประสงค์ขอเปิดเมนูเพิ่มเติมในระบบ e-Filing
ตัวอย่าง
>> ขอเปิดเมนูเพิ่มเติมให้คู่ความยื่นคำร้องจัดการมรดก
และคดีผู้บริโภค
 พิมพ์ /9 กรณีทนาย กรอกชื่อโจทก์/จำเลย ใน e-Filing ไม่ถูกต้อง แก้ไขได้อย่างไร
 พิมพ์ /10 กรณีเจ้าหน้าที่ศาลอัปโหลดไฟล์เอกสารเข้า e-Filing ผิดคดี สามารถลบได้หรือไม่
 พิมพ์ /11 กรณีเจ้าหน้าที่ศาลเปิดวันนัดผิดและทนายยื่นฟ้องเข้ามาสามารถจะแก้ไขอย่างไร
 พิมพ์ /12 ค่าส่งคำคู่ความในระบบ e-Filing สามารถแก้ไขหรือกำหนดโดยทนายความได้หรือไม่
 พิมพ์ /13 ต้องการแก้ไข/ยกเลิกใบเสร็จที่ออกไปแล้ว ได้อย่างไร
 พิมพ์ /14 ขั้นตอนการดาวน์โหลดไฟล์รายงานรับส่งอิเล็กทรอนิกส์
 พิมพ์ /15 หากต้องการยกเลิกหรือเพิกถอนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ทรอนิกส์ สำหรับ หมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี และ หนังสือรับรองคดีถึงที่สุด
 พิมพ์ /16 กรณีต้องการแก้ไขข้อมูลคำพิพากษาในหนังสือรับรองคดีถึงที่สุด เช่น ชื่อโจทก์/จำเลย ผิด

 พิมพ์ /17 หากทนายื่นคำฟ้องมาผิดประเภทคดี ศาลสั่งให้เปลี่ยนให้ถูกต้องได้หรือไม่
 พิมพ์ /18 ขั้นตอนการสั่งซ้ำ/เพิกถอน
 พิมพ์ /19 กรณีที่ทนายยื่นคำร้องและแนบเอกสารไม่ถูกต้อง/ไม่ครบถ้วน เจ้าหน้าที่ศาลสามารถดำเนินการส่งคำร้องกลับไปยังทนายผ่านระบบได้หรือไม่
 พิมพ์ /20 การเข้าใช้งานระบบ e-Filing สำหรับอัยการ
 พิมพ์ /21 การเข้าใช้งานระบบ e-Filing สำหรับนิติกร
 พิมพ์ /22 เบอร์ติดต่อเจ้าหน้าที่ศาลส่วนกลาง
 พิมพ์ /23 สอบถามการยื่นฟ้องสำหรับประชาชนเป็นผู้ทำรายการ
 พิมพ์ /24 กรณีทนายยื่นใบแต่งผิดฝั่ง หรือยื่นเข้ามาเป็นทั้งทนายโจทย์และจำเลย และศาลมีคำสั่งอนุญาตเรียบร้อยแล้ว สามารถดำเนินการอย่างไร
 พิมพ์ /25 กรณีอัพโหลดเอกสาร เลือกหัวข้อประเภทเอกสารผิด สามารถแก้ไขได้หรือไม่

30
วิธีแก้ไข PDF แสดงผลไม่ถูกต้อง

1. Go to chrome://flags/.
2. Search for Make the text in PDF images interactable.
3. Disable it.

Now the Auto Extracting Text From PDF is disabled.

31
แนวปฏิบัติด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศของสำนักงานศาล (ฉบับกระชับ + ฮาๆ)
เพื่อรักษาข้อมูลสำคัญของสำนักงานศาลให้ปลอดภัย และยังสร้างบรรยากาศผ่อนคลายในระหว่างบรรยาย ขอเสนอแนวปฏิบัติแบบง่ายๆ พร้อมมุกตลกคลายเครียดให้ทุกคนได้ยิ้มไปด้วย!

1. การจัดการข้อมูล
ข้อมูลลับ: เก็บข้อมูลสำคัญ เช่น คำพิพากษา หรือข้อมูลคดีในระบบที่ปลอดภัย
"ข้อมูลศาลต้องเก็บให้มิดชิดนะครับ ถ้าหลุดไปเดี๋ยวกลายเป็นซีรีส์ Netflix เรื่องใหม่แทน!"

การแบ่งสิทธิ์ (Access Control): ใครทำหน้าที่อะไร เข้าถึงได้เท่านั้น
"คิดจะเข้าถึงข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้อง ต้องขออนุญาตก่อน...แต่ถ้าจะเข้าถึงใจเรา ไม่ต้องอนุญาตนะครับ ยินดี!"

2. การใช้งานระบบและอุปกรณ์
อุปกรณ์ส่วนตัว: ห้ามใช้มือถือหรือโน้ตบุ๊กส่วนตัวเก็บข้อมูล
"บางคนบอกว่าใช้มือถือส่วนตัวดีกว่า...ผมว่าไม่ดีครับ ข้อมูลอาจปลอดภัย แต่รูปในมือถือคุณอาจจะไม่!"

ตั้งรหัสผ่าน: ใช้รหัสที่ซับซ้อน เช่น “Pa$$w0rd123”
"ตั้งรหัสให้ยากเหมือนแฟนงอน...คนอื่นจะได้เข้าไม่ได้!"

อัปเดตระบบ: ซอฟต์แวร์เก่าๆ เหมือนรองเท้าขาดครับ ใส่แล้วเดินอันตราย
3. การใช้งานเครือข่าย
เครือข่ายปลอดภัย: ใช้ Wi-Fi ของสำนักงานเท่านั้น
"Wi-Fi สาธารณะใช้ได้ แต่ระวัง! ใช้แล้วอาจได้ไวรัสเป็นของแถม แถมไวรัสนี้ IT รักษาไม่ได้นะครับ!"

VPN: ทำงานจากที่บ้านต้องมี VPN
"VPN ไม่ใช่ตัวย่อชื่อคนครับ แต่เป็น Virtual Private Network ใช้แล้วปลอดภัยเหมือนนั่งในห้องล็อกกุญแจ!"

4. การจัดการอีเมลและไฟล์
ระวังอีเมลปลอม: อีเมลไหนน่าสงสัย อย่าเผลอคลิก
"อย่าคลิกสุ่มสี่สุ่มห้านะครับ เดี๋ยวข้อมูลศาลจะปลิว...เหมือนเงินเดือนปลิวตอนต้นเดือน!"

ส่งข้อมูลอย่างปลอดภัย: ใช้การเข้ารหัสข้อมูลก่อนส่ง
"การส่งข้อมูลต้องปลอดภัยนะครับ ถ้าส่งผิดคน เดี๋ยวเรื่องในศาลจะกลายเป็นเรื่องในข่าว!"

5. การสำรองข้อมูล
สำรองข้อมูล: เก็บข้อมูลสำคัญไว้ในที่ปลอดภัย
"อย่ารอให้ข้อมูลหายแล้วค่อยมาสำรองนะครับ เพราะวันนั้นคุณอาจร้อง...สำรองไม่ได้แล้ว!"

ทดสอบการกู้คืน: สำรองแล้วอย่าลืมลองกู้คืน
"เหมือนรักแท้ครับ สำรองไว้ แต่ต้องทดสอบว่าคืนได้จริง!"

6. การบริหารจัดการบุคลากร
อบรมพนักงาน: อบรมเรื่องความปลอดภัย
"พนักงานอบรมแล้วต้องใช้ได้จริงนะครับ ไม่ใช่อบรมไปเล่นมือถือไป เหมือนประชุมซูมที่เปิดกล้องแต่คนจริงไม่อยู่!"

จัดการสิทธิ์การเข้าถึง: หากมีการลาออก ต้องรีบเพิกถอนสิทธิ์
"ลาออกแล้วไม่ถอนสิทธิ์ เดี๋ยวข้อมูลจะโดนสวมรอยเหมือนในละครช่อง 7!"

7. การตอบสนองเหตุการณ์
รายงานเหตุผิดปกติ: หากพบสิ่งผิดปกติในระบบ ให้รีบแจ้ง IT
"อย่ารอจนระบบล่มแล้วถึงมาแจ้งนะครับ เพราะตอนนั้นคนช่วยจะบอกว่า ‘ช่วยไม่ได้จริงๆ!’"

แผนฉุกเฉิน: ซ้อมรับมือเหตุการณ์ฉุกเฉินเสมอ
"อย่าซ้อมแบบทำไปทีนะครับ เดี๋ยวพอเกิดเหตุการณ์จริงจะเหมือนนักมวยขึ้นเวทีแต่ลืมใส่นวม!"

สรุป
“ปกป้องข้อมูล - ใช้ระบบปลอดภัย - ระวังภัยไซเบอร์”
และอย่าลืม...

"ดูแลข้อมูลให้ดีเหมือนดูแลแฟนครับ เพราะถ้าหลุดไป...ตามกลับมาอาจไม่ได้ทั้งคู่!"

32
แน่นอน! นี่คือแนวปฏิบัติด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศสำหรับสำนักงานศาลแบบกระชับและเข้าใจง่าย:

การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล

จำกัดการเข้าถึงข้อมูลเฉพาะผู้ที่มีสิทธิ์เท่านั้น

ใช้ระบบยืนยันตัวตน เช่น รหัสผ่านหรือ biometrics

การรักษาความลับของข้อมูล

ไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญแก่บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง

ใช้การเข้ารหัสข้อมูลเมื่อส่งหรือจัดเก็บข้อมูลสำคัญ

การป้องกันมัลแวร์

ติดตั้งและอัปเดตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส

ไม่เปิดไฟล์หรือลิงก์ที่ไม่รู้จัก

การสำรองข้อมูล

สำรองข้อมูลสำคัญเป็นประจำ

เก็บสำเนาข้อมูลในที่ปลอดภัยและแยกต่างหาก

การฝึกอบรมและสร้างความตระหนัก

จัดการอบรมเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับพนักงาน

สร้างวัฒนธรรมการรักษาความปลอดภัยข้อมูลในองค์กร

การตรวจสอบและประเมินความเสี่ยง

ประเมินความเสี่ยงด้านความปลอดภัยข้อมูลเป็นประจำ

ปรับปรุงมาตรการป้องกันตามความจำเป็น

การจัดการเหตุฉุกเฉิน

มีแผนตอบสนองต่อเหตุการณ์ความปลอดภัยข้อมูล

ทดสอบและปรับปรุงแผนเป็นประจำ

การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้จะช่วยให้สำนักงานศาลสามารถรักษาความมั่นคงปลอดภัยของสารสนเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

33
เทรดทอง (XAU/USD) อย่างปลอดภัย ควรออกไม้เท่าไหร่?
เพื่อให้เทรด ปลอดภัยและอยู่รอดระยะยาว สิ่งสำคัญคือการคำนวณ Risk Management และ Position Sizing ให้เหมาะสมกับพอร์ตของคุณ

 กฎทองคำ: เสี่ยงไม่เกิน 1-2% ของพอร์ต
 ถ้าคุณมีทุน $1,000 และยึดหลักเสี่ยงไม่เกิน 2% ต่อการเทรด

2% ของ $1,000 = $20 (จำนวนเงินที่คุณยอมเสียได้ต่อไม้)
หากคุณตั้ง Stop Loss (SL) ที่ $5 ต่อออนซ์
ขนาดล็อตที่เหมาะสม = $20 ÷ $5 = 0.04 lot (4 micro lot)
 สูตรคำนวณ Lot Size ตาม Stop Loss (SL)
Lot Size
=
Risk Per Trade
SL (USD/ounce)
×
Contract Size Per Lot
Lot Size=
SL (USD/ounce)×Contract Size Per Lot
Risk Per Trade

 
Contract Size ของทองคำ = 100 ออนซ์ / Lot
SL = จุดที่คุณยอมขาดทุน
 ตัวอย่างการคำนวณ

SL (USD)   Max Lot Size (Leverage 1:500)   Max Lot Size (Leverage 1:100)
5 USD   0.04 lot   0.04 lot
10 USD   0.02 lot   0.02 lot
20 USD   0.01 lot   0.01 lot
 สรุป:
 ถ้า SL กว้างขึ้น ต้องลดล็อตลง
ถ้าจะอยู่รอดระยะยาว ควรใช้ Lot ที่ทำให้คุณไม่เสียเกิน 2% ต่อไม้
ไม่ควรเปิดหลายไม้จนมาร์จิ้นหมด เพราะทองเหวี่ยงแรง

 เทคนิคการแบ่งไม้ที่ปลอดภัย
 แทนที่จะเข้าไม้เดียว ควรใช้ Scaling In หรือ แบ่ง Order
 เช่น แทนที่จะเปิด 0.04 lot ไม้เดียว อาจเปิดเป็น 0.02 + 0.02 lot แล้วเพิ่มเมื่อราคายืนยันเทรนด์

 ข้อสรุป: เทรดยังไงให้พอร์ตไม่ปลิว?
 เสี่ยงแค่ 1-2% ต่อไม้
 คำนวณ Lot Size ตาม SL
 ไม่เข้าไม้ใหญ่เกินไป
 ห้าม Overtrade / Overleverage

 แนะนำ: ถ้าคุณยังล้างพอร์ตบ่อย ให้ลองลด Lot ลงครึ่งหนึ่ง และฝึก Money Management อย่างจริงจัง







You said:
จะตั้ง sl  ที่ 500 จุด
ChatGPT said:
 เทรดทอง (XAU/USD) พร้อม Stop Loss (SL) 500 จุด ควรใช้กี่ Lot?
 เข้าใจหน่วยของจุดในทองคำ (XAU/USD)
1 จุด = 0.01 USD
500 จุด = 5 USD (ราคาทองเปลี่ยน 5 ดอลลาร์)
 คำนวณ Lot Size ตาม Risk Management
 ถ้าคุณมีทุน $1,000 และต้องการเสี่ยง 2% ของทุน

2% ของ $1,000 = $20 (จำนวนเงินที่ยอมขาดทุนต่อไม้)
ตั้ง SL ที่ 5 USD
 ใช้สูตรคำนวณ Lot Size:

Lot Size
=
Risk Per Trade
SL
×
Contract Size
Lot Size=
SL×Contract Size
Risk Per Trade

 
โดยที่

Contract Size ของทองคำ = 100 ออนซ์ / 1 Lot
SL = 5 USD
Risk ต่อไม้ = $20
Lot Size
=
20
5
×
100
=
20
500
=
0.04

34
ในการเทรด Forex สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ "การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)" เพราะไม่ว่าคุณจะมีกลยุทธ์การเทรดที่ดีแค่ไหน หรือมีความรู้เกี่ยวกับตลาดมากเพียงใด หากคุณไม่สามารถจัดการความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ คุณอาจสูญเสียทุนทั้งหมดได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ทำไมการจัดการความเสี่ยงสำคัญที่สุด?
ป้องกันการสูญเสียทุน:

ตลาด Forex มีความผันผวนสูง และไม่มีใครสามารถคาดการณ์ทิศทางราคาได้ถูกต้อง 100% การจัดการความเสี่ยงช่วยป้องกันไม่ให้คุณสูญเสียทุนมากเกินไป

รักษาทุนเพื่อโอกาสในอนาคต:

หากคุณสูญเสียทุนไปมากเกินไป คุณจะไม่มีเงินเหลือเพื่อเทรดในโอกาสต่อไป การจัดการความเสี่ยงช่วยให้คุณรักษาทุนและมีโอกาสทำกำไรในระยะยาว

ควบคุมอารมณ์:

การขาดทุนใหญ่สามารถส่งผลต่อจิตวิทยาการเทรด ทำให้คุณตัดสินใจผิดพลาดได้ การจัดการความเสี่ยงช่วยลดความเครียดและช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมีสติ

หลักการจัดการความเสี่ยงที่สำคัญ
กำหนด Risk-Reward Ratio:

ควรกำหนด Risk-Reward Ratio อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อหวังกำไร 2) เพื่อให้กำไรที่ได้คุ้มค่ากับความเสี่ยงที่รับ

ใช้ Stop Loss (SL):

ตั้ง Stop Loss ทุกครั้งที่เปิดออเดอร์ เพื่อจำกัดการขาดทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้

ควบคุมขนาด Lot:

ไม่ควรเทรดเกิน 2-3% ของทุนต่อออเดอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ขาดทุนครั้งใหญ่ส่งผลกระทบต่อทุนทั้งหมด

กระจายความเสี่ยง:

ไม่ควรลงทุนทั้งหมดในคู่สกุลเงินเดียว หรือเปิดออเดอร์ขนาดใหญ่เกินไป

มีแผนสำรอง:

เตรียมแผนสำรองในกรณีที่ตลาดไม่เป็นไปตามคาด เช่น การปิดออเดอร์ก่อนกำหนดหากขาดทุนถึงระดับหนึ่ง

สิ่งที่สำคัญรองลงมา
ความรู้และความเข้าใจในตลาด:

การมีความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และการวิเคราะห์ทั้งทางเทคนิคและพื้นฐานจะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไร

จิตวิทยาการเทรด:

การควบคุมอารมณ์และมีวินัยในการเทรดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้คุณปฏิบัติตามแผนการเทรดได้อย่างเคร่งครัด

กลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน:

การมีกลยุทธ์ที่ชัดเจนและทดสอบแล้วจะช่วยให้คุณเทรดได้อย่างมีระบบและลดความเสี่ยง

สรุป
การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรด Forex เพราะช่วยป้องกันการสูญเสียทุนและรักษาโอกาสในการทำกำไรในระยะยาว ไม่ว่าคุณจะมีกลยุทธ์ที่ดีแค่ไหน หากไม่มีการจัดการความเสี่ยงที่ดี คุณอาจสูญเสียทุนทั้งหมดได้ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการจัดการความเสี่ยงเป็นอันดับแรก และพัฒนาความรู้และทักษะอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย

35
การเทรด Forex เป็นกิจกรรมที่ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และวินัยในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการทำกำไร ต่อไปนี้คือหลักสำคัญที่ต้องมีในการเทรด Forex:

1. ความรู้และความเข้าใจในตลาด Forex
เข้าใจพื้นฐาน Forex: เช่น คู่สกุลเงิน (Currency Pairs), Pip, Spread, Leverage, Margin

เรียนรู้การวิเคราะห์ตลาด:

การวิเคราะห์พื้นฐาน (Fundamental Analysis): ศึกษาข่าวเศรษฐกิจ, อัตราดอกเบี้ย, นโยบายการเงิน

การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis): ใช้กราฟและอินดิเคเตอร์เพื่อคาดการณ์ทิศทางราคา

เข้าใจความเสี่ยง: ตลาด Forex มีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงในการสูญเสียทุน

2. กลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน
มีแผนการเทรด: กำหนดกลยุทธ์ที่ชัดเจน เช่น เทรดตามเทรนด์, เทรดช่วง Sideway, Scalping

ทดสอบกลยุทธ์: ใช้บัญชีทดลอง (Demo Account) เพื่อทดสอบกลยุทธ์ก่อนนำไปใช้จริง

ปรับปรุงกลยุทธ์: บันทึกผลการเทรดและปรับปรุงกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด

3. การจัดการความเสี่ยง (Risk Management)
กำหนด Risk-Reward Ratio: อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อหวังกำไร 2)

ใช้ Stop Loss (SL): ตั้ง SL ทุกครั้งเพื่อป้องกันการขาดทุนใหญ่

ควบคุมขนาด Lot: ไม่เทรดเกิน 2-3% ของทุนต่อออเดอร์

กระจายความเสี่ยง: ไม่ลงทุนทั้งหมดในคู่สกุลเงินเดียว

4. จิตวิทยาการเทรด
ควบคุมอารมณ์: อย่าให้ความโลภหรือความกลัวมาบดบังการตัดสินใจ

มีวินัย: ปฏิบัติตามแผนการเทรดอย่างเคร่งครัด

ยอมรับความผิดพลาด: ไม่ตามแก้ขาดทุน ควรหยุดเทรดหากขาดทุนติดต่อกันหลายออเดอร์

5. การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้
ตรวจสอบใบอนุญาต: เลือกโบรกเกอร์ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแล เช่น FCA, ASIC, SEC

ค่าธรรมเนียมต่ำ: เปรียบเทียบ Spread และ Commission ของโบรกเกอร์ต่างๆ

ระบบการเทรดที่เสถียร: ตรวจสอบความเร็วในการดำเนินการออเดอร์และความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม

6. การบันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรด
บันทึกการเทรด: จดบันทึกทุกออเดอร์ รวมถึงสาเหตุที่เข้าเทรด, ผลลัพธ์, และบทเรียนที่ได้

วิเคราะห์ผลการเทรด: หาจุดแข็งและจุดอ่อนของกลยุทธ์เพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น

เรียนรู้จากความผิดพลาด: ใช้ข้อผิดพลาดเป็นบทเรียนเพื่อพัฒนาตนเอง

7. การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
อัปเดตความรู้: ติดตามข่าวสารและเทรนด์ใหม่ๆ ในตลาด Forex

ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ: ใช้บัญชีทดลองเพื่อฝึกเทรดและทดสอบกลยุทธ์ใหม่ๆ

เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ: อ่านหนังสือ, ดูวิดีโอ, และเข้าร่วมสัมมนาเกี่ยวกับ Forex

8. การตั้งเป้าหมายที่ realist
กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: เช่น กำไร 5-10% ต่อเดือน

ไม่โลภ: อย่าคาดหวังกำไรมหาศาลในเวลาอันสั้น

มีแผนสำรอง: เตรียมแผนสำรองในกรณีที่ตลาดไม่เป็นไปตามคาด

สรุป
การเทรด Forex ต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และวินัยในการปฏิบัติอย่างเคร่งครัด หลักสำคัญที่ต้องมีได้แก่ ความรู้ในตลาด Forex, กลยุทธ์การเทรดที่ชัดเจน, การจัดการความเสี่ยง, จิตวิทยาการเทรด, การเลือกโบรกเกอร์ที่เชื่อถือได้, การบันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรด, การพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง, และการตั้งเป้าหมายที่ realist การปฏิบัติตามหลักเหล่านี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและลดความเสี่ยงในการสูญเสียทุน

36
การสังเกตคลื่น Elliott Wave ให้ง่ายขึ้นต้องอาศัยการฝึกฝนและความเข้าใจในรูปแบบคลื่นพื้นฐาน รวมถึงการใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์ เช่น Fibonacci Retracement และ Moving Average นอกจากนี้ การเลือก Timeframe (TF) ที่เหมาะสมก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละ TF จะให้รายละเอียดของคลื่นที่แตกต่างกัน ต่อไปนี้คือคำแนะนำในการสังเกตคลื่น Elliott Wave อย่างง่ายๆ และการเลือก TF ที่เหมาะสม:

1. การสังเกตคลื่น Elliott Wave อย่างง่าย
คลื่น 1 (Wave 1):

มักเริ่มต้นจากจุดต่ำสุดหรือสูงสุดของเทรนด์ก่อนหน้า

มักมีแรงซื้อหรือขายที่ค่อยเป็นค่อยไป

คลื่น 2 (Wave 2):

ปรับตัวจากคลื่น 1 แต่ไม่ต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น 1

มักปรับตัวประมาณ 50-61.8% ของคลื่น 1 (ใช้ Fibonacci Retracement ช่วย)

คลื่น 3 (Wave 3):

คลื่นที่แข็งแกร่งที่สุด มักยาวที่สุดและมีปริมาณการซื้อขายสูง

มักมีแรงซื้อหรือขายที่รุนแรงและรวดเร็ว

คลื่น 4 (Wave 4):

ปรับตัวจากคลื่น 3 แต่ไม่ต่ำกว่าจุดสิ้นสุดของคลื่น 1

มักปรับตัวประมาณ 38.2-50% ของคลื่น 3

คลื่น 5 (Wave 5):

คลื่นสุดท้ายของเทรนด์ มักมีแรงซื้อหรือขายที่อ่อนลง

มักไม่ยาวเท่าคลื่น 3

คลื่น A (Wave A):

เริ่มต้นการปรับตัวจากคลื่น 5

มักมีแรงขายหรือซื้อที่ค่อยเป็นค่อยไป

คลื่น B (Wave B):

ปรับตัวขึ้นจากคลื่น A

มักปรับตัวประมาณ 50-61.8% ของคลื่น A

คลื่น C (Wave C):

คลื่นสุดท้ายของการปรับตัว มักยาวที่สุดและมีแรงขายหรือซื้อที่แข็งแกร่ง

2. การเลือก Timeframe (TF) ที่เหมาะสม
TF สูง (Higher Timeframe):

เช่น H4 (4 ชั่วโมง), D1 (1 วัน)

เหมาะสำหรับการวิเคราะห์คลื่นใหญ่ (Higher Degree Waves)

ให้สัญญาณที่แม่นยำกว่า แต่ต้องรอนานกว่าจะเกิดคลื่น

TF ต่ำ (Lower Timeframe):

เช่น M15 (15 นาที), M30 (30 นาที)

เหมาะสำหรับการเทรดระยะสั้นและจับคลื่นย่อย (Lower Degree Waves)

มีสัญญาณบ่อยกว่า แต่มีความผันผวนสูง

แนะนำ:

เริ่มต้นด้วย TF สูง (เช่น H4 หรือ D1) เพื่อระบุคลื่นใหญ่

ใช้ TF ต่ำ (เช่น M15 หรือ M30) เพื่อหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ

3. ขั้นตอนการสังเกตคลื่นอย่างง่าย
ระบุเทรนด์หลัก:

ใช้เส้น Moving Average (MA) เช่น MA 50 หรือ MA 200 เพื่อระบุทิศทางเทรนด์

ระบุคลื่น 1-5:

คลื่น 1: เริ่มต้นเทรนด์ใหม่

คลื่น 2: ปรับตัวจากคลื่น 1

คลื่น 3: คลื่นที่แข็งแกร่งที่สุด

คลื่น 4: ปรับตัวจากคลื่น 3

คลื่น 5: คลื่นสุดท้ายของเทรนด์

ระบุคลื่นปรับตัว A-B-C:

คลื่น A: เริ่มต้นการปรับตัวจากคลื่น 5

คลื่น B: ปรับตัวขึ้นจากคลื่น A

คลื่น C: คลื่นสุดท้ายของการปรับตัว

4. ตัวอย่างการสังเกตคลื่น
ตัวอย่าง 1: คลื่น 3

คลื่น 1: ราคาเริ่มต้นเทรนด์ขาขึ้น

คลื่น 2: ราคาปรับตัวลงประมาณ 50-61.8% ของคลื่น 1

คลื่น 3: ราคาเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งและมีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง

ตัวอย่าง 2: คลื่น C

คลื่น A: ราคาเริ่มต้นปรับตัวลงจากคลื่น 5

คลื่น B: ราคาปรับตัวขึ้นประมาณ 50-61.8% ของคลื่น A

คลื่น C: ราคาเริ่มต้นลงอีกครั้งและมีแรงขายที่แข็งแกร่ง

5. เครื่องมือช่วยวิเคราะห์
Fibonacci Retracement: ใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของคลื่น 2 และคลื่น 4

Moving Average: ใช้เพื่อยืนยันทิศทางของเทรนด์

Volume: ใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของคลื่น 3

6. สรุป
การสังเกตคลื่น Elliott Wave อย่างง่ายต้องอาศัยการฝึกฝนและความเข้าใจในรูปแบบคลื่นพื้นฐาน การเลือก TF ที่เหมาะสมจะช่วยให้การวิเคราะห์คลื่นแม่นยำขึ้น โดยแนะนำให้เริ่มต้นด้วย TF สูงเพื่อระบุคลื่นใหญ่ และใช้ TF ต่ำเพื่อหาจุดเข้าเทรดที่แม่นยำ นอกจากนี้ การใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์เช่น Fibonacci Retracement และ Moving Average จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการระบุคลื่น

37
การเทรดตามกลยุทธ์ "Elliott Wave" เป็นวิธีการวิเคราะห์ตลาดที่อาศัยทฤษฎีคลื่นของ Ralph Nelson Elliott ซึ่งเชื่อว่าตลาดเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบคลื่น (Wave) ที่สามารถคาดการณ์ได้ โดยคลื่นเหล่านี้ประกอบด้วยคลื่นกระแสหลัก (Impulse Waves) และคลื่นปรับตัว (Corrective Waves) ต่อไปนี้คือขั้นตอนการเทรดตามกลยุทธ์ Elliott Wave:

1. เข้าใจพื้นฐาน Elliott Wave
คลื่นกระแสหลัก (Impulse Waves): ประกอบด้วย 5 คลื่น (Wave 1-5) โดยคลื่น 1, 3, 5 เป็นคลื่นขึ้น ส่วนคลื่น 2 และ 4 เป็นคลื่นปรับตัวลง

คลื่นปรับตัว (Corrective Waves): ประกอบด้วย 3 คลื่น (Wave A, B, C) โดยคลื่น A และ C เป็นคลื่นลง ส่วนคลื่น B เป็นคลื่นขึ้น

2. ขั้นตอนการวิเคราะห์ Elliott Wave
ระบุคลื่น 1-5:

คลื่น 1: เริ่มต้นเทรนด์ใหม่ มักมีแรงซื้อหรือขายที่แข็งแกร่ง

คลื่น 2: ปรับตัวจากคลื่น 1 แต่ไม่ต่ำกว่าจุดเริ่มต้นของคลื่น 1

คลื่น 3: คลื่นที่แข็งแกร่งที่สุด มักยาวที่สุดและมีปริมาณการซื้อขายสูง

คลื่น 4: ปรับตัวจากคลื่น 3 แต่ไม่ต่ำกว่าจุดสิ้นสุดของคลื่น 1

คลื่น 5: คลื่นสุดท้ายของเทรนด์ มักมีแรงซื้อหรือขายที่อ่อนลง

ระบุคลื่นปรับตัว A-B-C:

คลื่น A: เริ่มต้นการปรับตัวจากคลื่น 5

คลื่น B: ปรับตัวขึ้นจากคลื่น A

คลื่น C: คลื่นสุดท้ายของการปรับตัว มักยาวที่สุดและมีแรงขายหรือซื้อที่แข็งแกร่ง

3. กลยุทธ์การเทรดตาม Elliott Wave
เทรดตามคลื่นกระแสหลัก (Impulse Waves):

รอให้คลื่น 1 และคลื่น 2 เกิดขึ้น

เปิดออเดอร์ซื้อเมื่อคลื่น 3 เริ่มต้น และตั้ง Stop Loss (SL) ไว้ด้านหลังจุดสิ้นสุดของคลื่น 1

ตั้ง Take Profit (TP) ไว้ที่จุดสิ้นสุดของคลื่น 3 หรือคลื่น 5

เทรดตามคลื่นปรับตัว (Corrective Waves):

รอให้คลื่น A และคลื่น B เกิดขึ้น

เปิดออเดอร์ขายเมื่อคลื่น C เริ่มต้น และตั้ง Stop Loss (SL) ไว้ด้านหลังจุดสิ้นสุดของคลื่น B

ตั้ง Take Profit (TP) ไว้ที่จุดสิ้นสุดของคลื่น C

4. เครื่องมือช่วยวิเคราะห์
Fibonacci Retracement: ใช้เพื่อระบุจุดกลับตัวของคลื่น 2 และคลื่น 4

Moving Average: ใช้เพื่อยืนยันทิศทางของเทรนด์

Volume: ใช้เพื่อยืนยันความแข็งแกร่งของคลื่น 3

5. การจัดการความเสี่ยง
กำหนด Risk-Reward Ratio อย่างน้อย 1:2

ใช้ Stop Loss ทุกครั้งเพื่อป้องกันการขาดทุนใหญ่

ไม่เทรดเกิน 2-3% ของทุนต่อออเดอร์

6. ตัวอย่างการเทรด
ตัวอย่าง 1: เทรดคลื่น 3

ระบุคลื่น 1 และคลื่น 2 บนแผนภูมิ

เปิดออเดอร์ซื้อเมื่อราคาเริ่มต้นคลื่น 3

ตั้ง SL ไว้ด้านหลังจุดสิ้นสุดของคลื่น 1

ตั้ง TP ไว้ที่จุดสิ้นสุดของคลื่น 3 หรือคลื่น 5

ตัวอย่าง 2: เทรดคลื่น C

ระบุคลื่น A และคลื่น B บนแผนภูมิ

เปิดออเดอร์ขายเมื่อราคาเริ่มต้นคลื่น C

ตั้ง SL ไว้ด้านหลังจุดสิ้นสุดของคลื่น B

ตั้ง TP ไว้ที่จุดสิ้นสุดของคลื่น C

7. การทดสอบกลยุทธ์
ทดสอบกลยุทธ์บนบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนนำไปใช้จริง

บันทึกผลการเทรดเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์

สรุป
การเทรดตามกลยุทธ์ Elliott Wave ต้องอาศัยความเข้าใจในทฤษฎีคลื่นและการฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ ควรใช้เครื่องมือช่วยวิเคราะห์เช่น Fibonacci Retracement และ Moving Average เพื่อเพิ่มความแม่นยำ นอกจากนี้ การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรด เพื่อป้องกันการสูญเสียทุนในระยะยาว

38
การเทรด Forex ใน timeframe M5 (5 นาที) เป็นการเทรดที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความรวดเร็ว แต่ไม่เร็วเท่า timeframe M1 ทำให้มีเวลาตัดสินใจมากขึ้น และยังสามารถจับเทรนด์ระยะสั้นได้ดี กลยุทธ์ที่ใช้ควรมีความชัดเจนและมีการจัดการความเสี่ยงที่ดี เพื่อเพิ่มโอกาสทำกำไร ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริง:

1. เทรดตามเทรนด์ด้วย Moving Average (MA)
เครื่องมือที่ใช้:

Moving Average ระยะสั้น (MA 10) และระยะกลาง (MA 50)

Relative Strength Index (RSI) ระยะ 14

วิธีการ:

ใช้ MA 10 และ MA 50 เพื่อระบุเทรนด์:

เทรนด์ขาขึ้น: MA 10 อยู่เหนือ MA 50

เทรนด์ขาลง: MA 10 อยู่ใต้ MA 50

รอให้ราคากลับตัวใกล้เส้น MA 10 หรือ MA 50

ตรวจสอบ RSI ว่าไม่เข้าโซน Overbought (เกิน 70) หรือ Oversold (ต่ำกว่า 30) เพื่อยืนยันสัญญาณ

เปิดออเดอร์ตามทิศทางของเทรนด์ และตั้ง Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL) ที่เหมาะสม

ตัวอย่าง:

ซื้อเมื่อราคากลับตัวใกล้ MA 10 หรือ MA 50 ในเทรนด์ขาขึ้น และ RSI อยู่ระหว่าง 30-70

ขายเมื่อราคากลับตัวใกล้ MA 10 หรือ MA 50 ในเทรนด์ขาลง และ RSI อยู่ระหว่าง 30-70

2. Price Action และ Support/Resistance
เครื่องมือที่ใช้:

เส้น Support และ Resistance

แท่งเทียน (Candlestick)

วิธีการ:

ระบุระดับ Support และ Resistance บนแผนภูมิ M5

รอให้ราคาเข้าใกล้ระดับเหล่านี้ และสังเกตรูปแบบแท่งเทียน เช่น Doji, Pin Bar หรือ Engulfing

เปิดออเดอร์เมื่อราคาเกิดการกลับตัวที่ระดับ Support/Resistance

ตั้ง TP ที่ระดับถัดไปของ Resistance/Support และ SL ไว้ด้านหลังระดับ Support/Resistance

ตัวอย่าง:

ซื้อเมื่อราคาตีระดับ Support และเกิด Pin Bar หัวขึ้น

ขายเมื่อราคาตีระดับ Resistance และเกิด Pin Bar หัวลง

3. Breakout Trading
เครื่องมือที่ใช้:

เส้นแนวโน้ม (Trendline)

Bollinger Bands

วิธีการ:

วาดเส้น Trendline เพื่อระบุแนวโน้มหรือช่วง Sideway

รอให้ราคา Breakout ออกจากเส้น Trendline หรือ Bollinger Bands

เปิดออเดอร์ตามทิศทาง Breakout และตั้ง TP ที่ระยะห่างเท่ากับช่วง Sideway ก่อนหน้า

ตั้ง SL ไว้ด้านหลังจุด Breakout

ตัวอย่าง:

ซื้อเมื่อราคา Breakout สูงกว่าเส้น Trendline หรือ Bollinger Bands ด้านบน

ขายเมื่อราคา Breakout ต่ำกว่าเส้น Trendline หรือ Bollinger Bands ด้านล่าง

4. การใช้ Stochastic Oscillator
เครื่องมือที่ใช้:

Stochastic Oscillator (ตั้งค่า 5, 3, 3)

วิธีการ:

รอให้ Stochastic เข้าโซน Overbought (เกิน 80) หรือ Oversold (ต่ำกว่า 20)

เปิดออเดอร์เมื่อ Stochastic กลับตัวออกจากโซนเหล่านี้

ตั้ง TP และ SL ตามความเหมาะสม

ตัวอย่าง:

ซื้อเมื่อ Stochastic กลับตัวจากโซน Oversold

ขายเมื่อ Stochastic กลับตัวจากโซน Overbought

5. การจัดการความเสี่ยง
Risk Management:

กำหนด Risk-Reward Ratio อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อหวังกำไร 2)

ใช้ Stop Loss ทุกครั้งเพื่อป้องกันการขาดทุนใหญ่

ไม่เทรดเกิน 2-3% ของทุนต่อออเดอร์

จิตวิทยาการเทรด:

อย่าโลภ รับกำไรตามแผนที่กำหนด

อย่าตามแก้ขาดทุน ควรหยุดเทรดหากขาดทุนติดต่อกันหลายออเดอร์

6. การทดสอบกลยุทธ์
ทดสอบกลยุทธ์บนบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนนำไปใช้จริง

บันทึกผลการเทรดเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์

7. ตัวอย่างการตั้งค่า TP และ SL
TP: 20-30 pips สำหรับ M5

SL: 10-15 pips สำหรับ M5

สรุป
กลยุทธ์การเทรด Forex ใน timeframe M5 ต้องอาศัยความรวดเร็วและวินัยสูง ควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของตัวเอง และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความชำนาญ นอกจากนี้ การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดระยะสั้นนี้ เพื่อป้องกันการสูญเสียทุนในระยะยาว

39
การเทรด Forex ใน timeframe M1 (1 นาที) เป็นการเทรดที่ต้องการความรวดเร็วและความแม่นยำสูง เนื่องจากตลาดเคลื่อนไหวเร็วและมีความผันผวนมาก ดังนั้นกลยุทธ์ที่ใช้ต้องมีความชัดเจนและมีวินัยในการปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ต่อไปนี้คือกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงและมีโอกาสทำกำไร:

1. Scalping ด้วย Moving Average (MA) และ RSI
เครื่องมือที่ใช้:

Moving Average (MA) ระยะสั้น เช่น MA 5 หรือ MA 10

Relative Strength Index (RSI) ระยะ 14

วิธีการ:

ตั้งค่าแผนภูมิ M1 และเพิ่มเส้น MA 5 และ RSI 14

รอให้ราคาตัดเส้น MA 5 จากด้านล่างขึ้นด้านบน (สัญญาณซื้อ) หรือจากด้านบนลงด้านล่าง (สัญญาณขาย)

ตรวจสอบ RSI ว่าไม่เข้าโซน Overbought (เกิน 70) หรือ Oversold (ต่ำกว่า 30) เพื่อยืนยันสัญญาณ

เปิดออเดอร์ตามทิศทางของสัญญาณ และตั้ง Take Profit (TP) และ Stop Loss (SL) ที่เหมาะสม

ตัวอย่าง:

ซื้อเมื่อราคาตัด MA 5 ขึ้นด้านบน และ RSI อยู่ระหว่าง 30-70

ขายเมื่อราคาตัด MA 5 ลงด้านล่าง และ RSI อยู่ระหว่าง 30-70

2. Price Action และ Support/Resistance
เครื่องมือที่ใช้:

เส้น Support และ Resistance

แท่งเทียน (Candlestick)

วิธีการ:

ระบุระดับ Support และ Resistance บนแผนภูมิ M1

รอให้ราคาเข้าใกล้ระดับเหล่านี้ และสังเกตรูปแบบแท่งเทียน เช่น Doji, Pin Bar หรือ Engulfing

เปิดออเดอร์เมื่อราคาเกิดการกลับตัวที่ระดับ Support/Resistance

ตั้ง TP ที่ระดับถัดไปของ Resistance/Support และ SL ไว้ด้านหลังระดับ Support/Resistance

ตัวอย่าง:

ซื้อเมื่อราคาตีระดับ Support และเกิด Pin Bar หัวขึ้น

ขายเมื่อราคาตีระดับ Resistance และเกิด Pin Bar หัวลง

3. Breakout Trading
เครื่องมือที่ใช้:

เส้นแนวโน้ม (Trendline)

Bollinger Bands

วิธีการ:

วาดเส้น Trendline เพื่อระบุแนวโน้มหรือช่วง Sideway

รอให้ราคา Breakout ออกจากเส้น Trendline หรือ Bollinger Bands

เปิดออเดอร์ตามทิศทาง Breakout และตั้ง TP ที่ระยะห่างเท่ากับช่วง Sideway ก่อนหน้า

ตั้ง SL ไว้ด้านหลังจุด Breakout

ตัวอย่าง:

ซื้อเมื่อราคา Breakout สูงกว่าเส้น Trendline หรือ Bollinger Bands ด้านบน

ขายเมื่อราคา Breakout ต่ำกว่าเส้น Trendline หรือ Bollinger Bands ด้านล่าง

4. การใช้ Stochastic Oscillator
เครื่องมือที่ใช้:

Stochastic Oscillator (ตั้งค่า 5, 3, 3)

วิธีการ:

รอให้ Stochastic เข้าโซน Overbought (เกิน 80) หรือ Oversold (ต่ำกว่า 20)

เปิดออเดอร์เมื่อ Stochastic กลับตัวออกจากโซนเหล่านี้

ตั้ง TP และ SL ตามความเหมาะสม

ตัวอย่าง:

ซื้อเมื่อ Stochastic กลับตัวจากโซน Oversold

ขายเมื่อ Stochastic กลับตัวจากโซน Overbought

5. การจัดการความเสี่ยง
Risk Management:

กำหนด Risk-Reward Ratio อย่างน้อย 1:2 (เสี่ยง 1 เพื่อหวังกำไร 2)

ใช้ Stop Loss ทุกครั้งเพื่อป้องกันการขาดทุนใหญ่

ไม่เทรดเกิน 2-3% ของทุนต่อออเดอร์

จิตวิทยาการเทรด:

อย่าโลภ รับกำไรตามแผนที่กำหนด

อย่าตามแก้ขาดทุน ควรหยุดเทรดหากขาดทุนติดต่อกันหลายออเดอร์

6. การทดสอบกลยุทธ์
ทดสอบกลยุทธ์บนบัญชีทดลอง (Demo Account) ก่อนนำไปใช้จริง

บันทึกผลการเทรดเพื่อวิเคราะห์และปรับปรุงกลยุทธ์

7. ตัวอย่างการตั้งค่า TP และ SL
TP: 10-15 pips สำหรับ M1

SL: 5-10 pips สำหรับ M1

สรุป
กลยุทธ์การเทรด Forex ใน timeframe M1 ต้องอาศัยความรวดเร็วและวินัยสูง ควรเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะกับสไตล์การเทรดของตัวเอง และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มความชำนาญ นอกจากนี้ การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดระยะสั้นนี้ เพื่อป้องกันการสูญเสียทุนในระยะยาว

40
การเทรดในกราฟ **M5 (5 นาที)** เป็นการเทรดระยะสั้น (Short-Term Trading) ที่ต้องอาศัยความรวดเร็วและความแม่นยำในการตัดสินใจ กลยุทธ์ที่แนะนำต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์พื้นฐานที่ใช้ได้ผลดีกับกราฟ M5 แต่ต้องฝึกฝนและทดลองในบัญชีเดโมก่อนนำไปใช้จริงครับ

---

### กลยุทธ์เทรด M5 แบบง่ายและได้ผล (Price Action + EMA)

#### 1. **เครื่องมือที่ใช้**:
- **เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA)**:
  - EMA 9 (สีแดง) - ช่วยบอกแนวโน้มระยะสั้น
  - EMA 21 (สีน้ำเงิน) - ช่วยบอกแนวโน้มระยะกลาง
- **เส้นแนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance)**:
  - วาดจากจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ในกราฟ
- **แท่งเทียน (Candlestick)**:
  - ใช้ดูรูปแบบ Price Action เช่น Doji, Engulfing, Pin Bar

---

#### 2. **ตั้งค่าและเตรียมกราฟ**:
- เปิดกราฟ M5 ของคู่เงินที่คุณต้องการเทรด
- เพิ่ม EMA 9 และ EMA 21 ในกราฟ
- วาดแนวรับ-แนวต้านจากจุด High และ Low ล่าสุด

---

#### 3. **กฎการเข้าเทรด (Entry Rules)**:

#### **เทรดตามแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend)**:
1. **เงื่อนไข**:
   - EMA 9 อยู่เหนือ EMA 21 (แสดงแนวโน้มขาขึ้น)
   - ราคาอยู่เหนือ EMA ทั้งสองเส้น
   - มีสัญญาณ Price Action เช่น Bullish Engulfing หรือ Pin Bar ใกล้แนวรับ (Support)

2. **จุดเข้าเทรด**:
   - เข้าเทรดเมื่อแท่งเทียนปิดเหนือ EMA 9 และมีสัญญาณ Price Action ยืนยัน

3. **Stop Loss (SL)**:
   - ตั้งไว้ใต้แนวรับล่าสุดหรือใต้จุดต่ำสุดของสัญญาณ Price Action

4. **Take Profit (TP)**:
   - ตั้งไว้ที่แนวต้านถัดไปหรือใช้ Risk-Reward Ratio 1:2

---

#### **เทรดตามแนวโน้มขาลง (Bearish Trend)**:
1. **เงื่อนไข**:
   - EMA 9 อยู่ใต้ EMA 21 (แสดงแนวโน้มขาลง)
   - ราคาอยู่ใต้ EMA ทั้งสองเส้น
   - มีสัญญาณ Price Action เช่น Bearish Engulfing หรือ Pin Bar ใกล้แนวต้าน (Resistance)

2. **จุดเข้าเทรด**:
   - เข้าเทรดเมื่อแท่งเทียนปิดใต้ EMA 9 และมีสัญญาณ Price Action ยืนยัน

3. **Stop Loss (SL)**:
   - ตั้งไว้เหนือแนวต้านล่าสุดหรือเหนือจุดสูงสุดของสัญญาณ Price Action

4. **Take Profit (TP)**:
   - ตั้งไว้ที่แนวรับถัดไปหรือใช้ Risk-Reward Ratio 1:2

---

#### 4. **กฎการออกเทรด (Exit Rules)**:
- **ออกเทรดเมื่อถึง TP หรือ SL**: อย่าโลภหรือหวังกำไรเพิ่ม
- **ออกเทรดหากแนวโน้มเปลี่ยน**: หาก EMA 9 และ EMA 21 ตัดกันในทิศทางตรงข้าม

---

#### 5. **ตัวอย่างการเทรด**:
- **กรณีเทรดขาขึ้น**:
  - ราคาอยู่เหนือ EMA 9 และ EMA 21
  - มี Bullish Engulfing ใกล้แนวรับ
  - เข้าเทรด Buy เมื่อแท่งเทียนปิดเหนือ EMA 9
  - ตั้ง SL ใต้แนวรับล่าสุด
  - ตั้ง TP ที่แนวต้านถัดไป

- **กรณีเทรดขาลง**:
  - ราคาอยู่ใต้ EMA 9 และ EMA 21
  - มี Bearish Engulfing ใกล้แนวต้าน
  - เข้าเทรด Sell เมื่อแท่งเทียนปิดใต้ EMA 9
  - ตั้ง SL เหนือแนวต้านล่าสุด
  - ตั้ง TP ที่แนวรับถัดไป

---

#### 6. **ข้อควรระวัง**:
- **หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงข่าวสำคัญ**: ข่าวเศรษฐกิจมักทำให้ตลาดผันผวนและส่งผลต่อกลยุทธ์
- **ไม่เทรดทุกสัญญาณ**: รอสัญญาณที่ชัดเจนและมีแนวโน้มสอดคล้องกับ EMA
- **ฝึกฝนในบัญชีเดโมก่อน**: เพื่อทดสอบกลยุทธ์และปรับปรุงให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ

---

### 7. **สรุป**:
กลยุทธ์นี้ใช้ Price Action ร่วมกับ EMA เพื่อหาแนวโน้มและจุดเข้าเทรดที่แม่นยำในกราฟ M5 หากฝึกฝนและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงได้ครับ!

41
การเทรดในกราฟ **1 ชั่วโมง (H1)** เป็นการเทรดระยะกลาง (Swing Trading) ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาเฝ้าหน้าจอตลอดเวลา แต่ยังต้องการเทรดแบบ Short-Term กลยุทธ์ที่แนะนำต่อไปนี้เป็นกลยุทธ์ที่ใช้ได้ผลดีกับกราฟ H1 และมีความแม่นยำสูง หากปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด

---

### กลยุทธ์เทรด H1 แบบง่ายและได้ผล (Trend Following + RSI)

#### 1. **เครื่องมือที่ใช้**:
- **เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (EMA)**:
  - EMA 50 (สีน้ำเงิน) - ช่วยบอกแนวโน้มระยะกลาง
  - EMA 200 (สีแดง) - ช่วยบอกแนวโน้มระยะยาว
- **Relative Strength Index (RSI)**:
  - ตั้งค่า RSI ที่ 14 (ใช้ดูภาวะ Overbought/Oversold)
- **เส้นแนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance)**:
  - วาดจากจุดสูงสุด (High) และจุดต่ำสุด (Low) ในกราฟ
- **แท่งเทียน (Candlestick)**:
  - ใช้ดูรูปแบบ Price Action เช่น Engulfing, Pin Bar, Doji

---

#### 2. **ตั้งค่าและเตรียมกราฟ**:
- เปิดกราฟ H1 ของคู่เงินที่คุณต้องการเทรด
- เพิ่ม EMA 50 และ EMA 200 ในกราฟ
- เพิ่ม RSI 14 ในกราฟ
- วาดแนวรับ-แนวต้านจากจุด High และ Low ล่าสุด

---

#### 3. **กฎการเข้าเทรด (Entry Rules)**:

#### **เทรดตามแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trend)**:
1. **เงื่อนไข**:
   - EMA 50 อยู่เหนือ EMA 200 (แสดงแนวโน้มขาขึ้น)
   - ราคาอยู่เหนือ EMA ทั้งสองเส้น
   - RSI อยู่เหนือระดับ 50 แต่ไม่เข้าสู่ภาวะ Overbought (เกิน 70)
   - มีสัญญาณ Price Action เช่น Bullish Engulfing หรือ Pin Bar ใกล้แนวรับ (Support)

2. **จุดเข้าเทรด**:
   - เข้าเทรด Buy เมื่อแท่งเทียนปิดเหนือ EMA 50 และมีสัญญาณ Price Action ยืนยัน

3. **Stop Loss (SL)**:
   - ตั้งไว้ใต้แนวรับล่าสุดหรือใต้จุดต่ำสุดของสัญญาณ Price Action

4. **Take Profit (TP)**:
   - ตั้งไว้ที่แนวต้านถัดไปหรือใช้ Risk-Reward Ratio 1:2

---

#### **เทรดตามแนวโน้มขาลง (Bearish Trend)**:
1. **เงื่อนไข**:
   - EMA 50 อยู่ใต้ EMA 200 (แสดงแนวโน้มขาลง)
   - ราคาอยู่ใต้ EMA ทั้งสองเส้น
   - RSI อยู่ใต้ระดับ 50 แต่ไม่เข้าสู่ภาวะ Oversold (ต่ำกว่า 30)
   - มีสัญญาณ Price Action เช่น Bearish Engulfing หรือ Pin Bar ใกล้แนวต้าน (Resistance)

2. **จุดเข้าเทรด**:
   - เข้าเทรด Sell เมื่อแท่งเทียนปิดใต้ EMA 50 และมีสัญญาณ Price Action ยืนยัน

3. **Stop Loss (SL)**:
   - ตั้งไว้เหนือแนวต้านล่าสุดหรือเหนือจุดสูงสุดของสัญญาณ Price Action

4. **Take Profit (TP)**:
   - ตั้งไว้ที่แนวรับถัดไปหรือใช้ Risk-Reward Ratio 1:2

---

#### 4. **กฎการออกเทรด (Exit Rules)**:
- **ออกเทรดเมื่อถึง TP หรือ SL**: อย่าโลภหรือหวังกำไรเพิ่ม
- **ออกเทรดหากแนวโน้มเปลี่ยน**: หาก EMA 50 และ EMA 200 ตัดกันในทิศทางตรงข้าม
- **ออกเทรดหาก RSI เข้าสู่ภาวะ Overbought/Oversold**: โดยเฉพาะหากมีสัญญาณ Price Action ยืนยัน

---

#### 5. **ตัวอย่างการเทรด**:
- **กรณีเทรดขาขึ้น**:
  - ราคาอยู่เหนือ EMA 50 และ EMA 200
  - RSI อยู่เหนือ 50 แต่ไม่เกิน 70
  - มี Bullish Engulfing ใกล้แนวรับ
  - เข้าเทรด Buy เมื่อแท่งเทียนปิดเหนือ EMA 50
  - ตั้ง SL ใต้แนวรับล่าสุด
  - ตั้ง TP ที่แนวต้านถัดไป

- **กรณีเทรดขาลง**:
  - ราคาอยู่ใต้ EMA 50 และ EMA 200
  - RSI อยู่ใต้ 50 แต่ไม่ต่ำกว่า 30
  - มี Bearish Engulfing ใกล้แนวต้าน
  - เข้าเทรด Sell เมื่อแท่งเทียนปิดใต้ EMA 50
  - ตั้ง SL เหนือแนวต้านล่าสุด
  - ตั้ง TP ที่แนวรับถัดไป

---

#### 6. **ข้อควรระวัง**:
- **หลีกเลี่ยงการเทรดในช่วงข่าวสำคัญ**: ข่าวเศรษฐกิจมักทำให้ตลาดผันผวนและส่งผลต่อกลยุทธ์
- **ไม่เทรดทุกสัญญาณ**: รอสัญญาณที่ชัดเจนและมีแนวโน้มสอดคล้องกับ EMA และ RSI
- **ฝึกฝนในบัญชีเดโมก่อน**: เพื่อทดสอบกลยุทธ์และปรับปรุงให้เหมาะสมกับสไตล์การเทรดของคุณ

---

### 7. **สรุป**:
กลยุทธ์นี้ใช้ EMA, RSI และ Price Action เพื่อหาแนวโน้มและจุดเข้าเทรดที่แม่นยำในกราฟ H1 หากฝึกฝนและปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด จะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรและลดความเสี่ยงได้ครับ!

42
การเทรดด้วยกลยุทธ์เดียวกันไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะได้กำไรเหมือนกันหมด เพราะผลลัพธ์ของการเทรดขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่แตกต่างกันไปในแต่ละคน มาดูกันว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น:

---

### 1. **การบริหารความเสี่ยง (Risk Management)**:
- **ขนาด Lot ที่ใช้**: แม้ใช้กลยุทธ์เดียวกัน แต่หากเทรดด้วยขนาด Lot ที่ใหญ่เกินไปหรือเล็กเกินไป อาจทำให้ขาดทุนมากหรือได้กำไรน้อย
- **Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP)**: การตั้ง SL และ TP ที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ขาดทุนมากหรือพลาดโอกาสทำกำไร
- **ความเสี่ยงต่อการเทรด**: บางคนเสี่ยง 1% ของทุนต่อการเทรด ในขณะที่บางคนเสี่ยง 5% ซึ่งส่งผลต่อผลลัพธ์ในระยะยาว

---

### 2. **จิตวิทยาการเทรด (Trading Psychology)**:
- **ความอดทนและวินัย**: บางคนอาจออกจากการเทรดก่อนถึง TP หรือ SL เนื่องจากความกลัวหรือความโลภ
- **การควบคุมอารมณ์**: การเทรดตามอารมณ์ (เช่น แก้แค้นตลาดหลังจากขาดทุน) มักนำไปสู่การขาดทุนเพิ่ม
- **การยอมรับความผิดพลาด**: บางคนไม่ยอมรับว่าตนเองผิดและไม่ตัดขาดทุนตามแผนที่กำหนดไว้

---

### 3. **การปฏิบัติตามกลยุทธ์ (Discipline)**:
- **การรอสัญญาณที่ชัดเจน**: บางคนอาจเข้าเทรดก่อนมีสัญญาณที่ชัดเจน หรือเทรดบ่อยเกินไป
- **การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์**: บางคนอาจปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในระหว่างการเทรด ซึ่งอาจทำให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์

---

### 4. **ประสบการณ์และทักษะ (Experience & Skill)**:
- **ความเข้าใจในกลยุทธ์**: แม้ใช้กลยุทธ์เดียวกัน แต่ความเข้าใจในรายละเอียดและการประยุกต์ใช้แตกต่างกัน
- **การวิเคราะห์ตลาด**: บางคนอาจวิเคราะห์แนวโน้มและสัญญาณได้แม่นยำกว่าคนอื่น
- **การปรับตัวกับสภาวะตลาด**: ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา บางคนอาจปรับตัวได้ดีกว่า

---

### 5. **สภาพตลาด (Market Conditions)**:
- **ช่วงตลาดผันผวน (Volatile Market)**: บางกลยุทธ์อาจใช้ได้ผลดีในช่วงตลาดมีแนวโน้มชัดเจน แต่ไม่เหมาะกับช่วงตลาดผันผวน
- **ช่วงข่าวสำคัญ**: ข่าวเศรษฐกิจอาจทำให้ตลาดเคลื่อนไหวรุนแรงและส่งผลต่อกลยุทธ์

---

### 6. **การเลือกคู่เงินและสินทรัพย์ (Asset Selection)**:
- **ความผันผวนของสินทรัพย์**: ทองคำ (XAU/USD) มีความผันผวนสูงกว่าคู่เงิน Forex ทั่วไป ดังนั้นผลลัพธ์อาจแตกต่างกันแม้ใช้กลยุทธ์เดียวกัน
- **สเปรดและค่าคอมมิชชั่น**: บางโบรกเกอร์มีสเปรดและค่าคอมมิชชั่นที่สูง ซึ่งส่งผลต่อกำไรและขาดทุน

---

### 7. **การบันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรด (Journaling & Analysis)**:
- **การบันทึกการเทรด**: บางคนบันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรดอย่างสม่ำเสมอเพื่อปรับปรุงกลยุทธ์ ในขณะที่บางคนไม่ทำ
- **การเรียนรู้จากข้อผิดพลาด**: บางคนเรียนรู้จากข้อผิดพลาดและปรับปรุงตนเอง ในขณะที่บางคนทำผิดซ้ำๆ

---

### สรุป:
แม้ใช้กลยุทธ์เดียวกัน แต่ผลลัพธ์ของการเทรดอาจแตกต่างกันเนื่องจากปัจจัยเหล่านี้:
1. **การบริหารความเสี่ยง**
2. **จิตวิทยาการเทรด**
3. **การปฏิบัติตามกลยุทธ์**
4. **ประสบการณ์และทักษะ**
5. **สภาพตลาด**
6. **การเลือกสินทรัพย์**
7. **การบันทึกและวิเคราะห์ผลการเทรด**

ดังนั้น การเทรดให้ประสบความสำเร็จไม่ใช่แค่การใช้กลยุทธ์ที่ดี แต่ต้องมีวินัย การบริหารความเสี่ยงที่ดี และการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องครับ!

43
รีวิวถอนกำไร #1ล้านบาท ใน 1 เดือน จากกองทุน FTMO ด้วย 5 เทคนิคนี้

วันนี้ เป็นวันถอนกำไรพอร์ตกองทุน (ถอนกำไรได้ทุก 15 วัน ไม่ต้องรอวันหวยออก)
ผลประกอบการเดือนนี้เทรดกำไรไปทั้งหมดราวๆ $38,000
ด้วย Drawdown ไม่ถึง 5% ถามว่ายากมั้ย ก็ตอบว่าโคดยาก (พูดง่ายๆก็คือ ฝากเข้าไป 100 บาท โดนลากไม่เกิน 5 บาท) แต่ที่ทำได้เพราะประสบการณ์และความฝืนที่จะเดินเส้นทาง Full time trader ครัช
จึงอยากจะมาแชร์ 5 องค์ประกอบสำคัญ ในการ “ถอนเงิน” จากกองทุนให้ได้อย่างต่อเนื่องครับ
ย้ำกว่า “ถอน” นะครับ โชว์ใบสอบผ่านกันให้เกลื่อน แต่ไม่ค่อยมีโชว์ถอน เพราะในชีวิตจริงการรักษาพอร์ตไปจนถึงถอนกำไรอย่างต่อเนื่องได้นั้นยากยิ่งกว่า และระบบต้องทำซ้ำได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้ความฟลุ๊ค
ข้อดีของการเป็นเทรดเดอร์กองทุนที่สำคัญที่สุดคือ “เราไม่ต้องใช้เงินตัวเองเทรด”
เราสามารถถือพอร์ตขนาดใหญ่หลักหลายแสนดอลลาร์ แล้วได้เงินเยอะๆจากส่วนแบ่งกำไรของพอร์ตที่ใหญ่ได้ โดยไม่ต้องเอาเงินตัวเองไปเสี่ยงแม้แต่บาทเดียว (ค่าสอบก็ยังได้คืน) และถ้าขาดทุน เราก็ไม่ต้องรับผิดชอบ เลวร้ายสุดก็คือโดนยึดพอร์ตและสอบใหม่ เสกเงินจากอากาศโดยแท้
ฟังดูเหมือนง่าย แต่การถือพอร์ตกองทุนจนถอนกำไรได้อย่างต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องง่ายครับ จากประสบการณ์ที่เทรดกองทุนมาหลายปี ผมเคยผ่านมาทุกจุดช้ำใจ ที่คิดว่าเทรดเดอร์กองทุนทุกคนจะต้องเจอ ในช่วงที่เพิ่งเริ่มสอบผ่านใหม่ๆ
ทั้งสอบผ่านแต่เทรดจริงพอร์ตระเบิด เทรดได้กำไร แต่ ผิดกฎต่างๆของกองทุน โดนยึดพอร์ต หรือความโลภ ได้สองแสนอยากได้ห้าแสน ได้ห้าแสนอยากได้ล้าน สุดท้ายไม่ได้ถอนกำไร ทำงานฟรี หรือไปจนถึงโดนยึดพอร์ตไปเลยก็มี
ในปีแรกๆ ผมสอบพอร์ตกองทุนซ้ำๆ วนลูป จนรู้สึกว่าสอบพอร์ตให้ผ่านมันง่ายกว่ารักษาพอร์ตมากๆ สอบจนมั่นใจว่าสอบใหม่ยังไงก็ผ่าน ถ้าพอร์ตโดนยึด ก็สอบใหม่ได้ง่ายๆ ได้ถอนไปทีนึงก็คุ้มค่าสอบแล้ว แต่มันเสียเวลาครับ ดังนั้น ทำสิ่งที่ยากกว่าซึ่งคือการรักษาพอร์ตเอาไว้ให้ได้จะดีกว่า
กว่าจะก้าวผ่านมาได้ จนมาอยู่ในจุดที่ได้ถอนกำไรทุกเดือนแบบปัจจุบัน ก็ใช้เวลาอยู่เหมือนกันครับ วันนี้เลยจะมาแชร์ 5 องค์ประกอบสำคัญ ที่ผมกลั่นกรองออกมาแล้วว่ายังไง ถ้ามีครบ ก็ได้ถอนกำไรเรื่อยๆแน่นอน เผื่อเป็นประโยชน์สำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นเป็นเทรดเดอร์กองทุน
ในที่นี้ จะแชร์เฉพาะกองทุน FTMO นะครับเนื่องจากผมไม่เคยสอบกองทุนอื่น หากเพื่อนๆเทรดกองทุนอื่นสามารถนำไปปรับใช้ได้ตามความเหมาะสม
1. #มีระบบที่เหมาะกับการเทรดกองทุน
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “ไม่ใช่ทุกระบบ” ที่จะใช้เทรดกองทุนได้
ผมรู้จักเทรดเดอร์หลายคนที่มีระบบที่เทรดได้กำไร แต่ไม่สามารถใช้เทรดกองทุนได้ เพราะเทรดด้วยความเสี่ยงสูง ซึ่งก็ไม่ได้แปลว่าเค้าไม่เก่ง หรือระบบไม่ดี แค่คนละสไตล์เท่านั้น
ในขณะที่กองทุน ต้องการระบบที่ความเสี่ยงต่ำ เข้าในจุดที่คุ้มที่สุด DD น้อย ไม่ใช่การเทรดในสไตล์หวือหวา
โชคดีที่สไตล์การเทรดของผม และระบบที่ผมใช้เทรด เหมาะแก่การเทรดกองทุนพอดี คือความเสี่ยงต่ำ และมีจุดเข้าทำกำไรได้ทุกวัน ผมจึงใช้สอบและเทรดมาเรื่อยๆ และนักเรียนที่เรียนจากผมไป ก็สอบผ่านกองทุนไปเป็นสิบคนแล้ว
ใครอยากทำได้ไม่มีทางลัดอื่นนอกจากเรียน และ ฝึกฝนครับ เมื่อมีระบบที่ใช่แล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือฝึกฝน และทำตามระบบอย่างเคร่งครัด
หากมีเป้าหมายในการสอบกองทุน ก็ควรเช็คว่าอาจารย์ที่สอนเทรดกองทุนรึเปล่า และ มีหลักฐานการถอนหรือเปล่า ถ้าไม่ ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ครับ
อย่างที่บอกว่าไม่ใช่ทุกระบบจะใช้เทรดกองทุนได้ และคนสอนเทรดมีเยอะมากๆ แค่มีความรู้ที่อ่านมาเองจากในเน็ตก็สอนได้แล้วโดยไม่จำเป็นต้องเทรดได้ แต่คนที่เทรดได้จริงแล้วมาสอนให้นั้นแทบจะหาไม่ได้เลย โดยเฉพาะระบบที่ใช้เทรดกองทุนได้ เพราะเทคนิคหาเงินจากอากาศแบบนี้ไม่มีใครจะอยากเอามาสอนกันง่ายๆ แถมยังได้รายได้สบายๆอยู่แล้วจากการเทรดกองทุนอยู่แล้วอีก
หากยังไม่มีระบบที่ใช่ เทรดให้ตายยังไง มีวินัยแค่ไหนก็ทำไม่ได้ครับ
วิธีที่ง่ายและคุ้มค่าที่จะลงทุนที่สุดคือลงเรียนกับคนที่เป็นตัวจริง (ถ้าคุณหาเจอ และถ้าเค้ายอมสอน)
คุ้มกว่าเอาเงินไปไล่เรียนคอร์สถูกๆที่เอาไปใช้ไม่ได้จริง เอาไปล้างพอร์ตในตลาดซ้ำๆ หรือเอาไปไล่สอบกองทุนแล้วสอบตกซ้ำๆจนหมดไปหลายๆหมื่นแต่ไม่ได้อะไรกลับมาเยอะครับ
การเทรดพอร์ตกองทุน ดูเหมือนเป็นทางลัดที่ง่าย ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย แต่จริงๆไม่ใช่ครับ ถ้ามันง่ายทุกคนคงทำได้กันหมดแล้ว ต้นทุนที่ต้องลงทุนเพื่อให้ได้มาคือ “ความรู้” ซึ่งเมื่อเรารู้ เราจะเอามาใช้หาเงินได้อย่างไม่จำกัด น่าเสียดายที่หลายๆคนมองไม่เห็น และมองข้ามไป
ซึ่งเทรดเดอร์ส่วนใหญ่ก็วนลูปอยู่แค่ตรงนี้แหละครับ กับมายเซ็ทผิดๆที่ว่า “เอาเงินที่จะเสียค่าเรียนไปลองเทรดเองดีกว่า” เสพติดการไปเสียเงินในตลาด แต่งกกลับสิ่งที่ไม่ควรงก ไม่ยอมลงทุนกับความรู้ เสพแต่ความรู้ฟรีในตลาด แน่นอนว่าของดีไม่มีใครเอามาปล่อยฟรี สุดท้ายก็จะได้แต่ความรู้ทั่วๆไป เทรดแบบได้ๆเสียๆเรื่อยไปตลอด You get what you pay for.
ใครโชคดีก้าวผ่านมายเซ็ทตรงนี้ไปได้ ก็จะร่นเวลาในการประสบความสำเร็จ และจำกัดความเสียหายจากการลองผิดลองถูกเองตรงนี้ไปได้มากครับ
ก่อนที่ผมจะมาถึงจุดนี้ ผมเริ่มต้นจากลงเรียนไปเยอะมากๆ ทั้งในไทยและในต่างประเทศ ทั้งที่ใช้ได้และใช้ไม่ได้ จนเอามากลั่นกรองออกมาแค่สิ่งที่ใช้ได้จริง มาเป็นระบบที่ใช้เทรดอยู่ทุกวันนี้ จนถึงตอนนี้ผมคืนทุนค่าคอร์สทั้งหมดที่เรียนมาไปไม่รู้กี่เท่าแล้วครับ
2. #ความสม่ำเสมอต่อเนื่อง (Consistency)
เมื่อได้ระบบที่ใช่มาแล้ว สิ่งต่อไปที่ต้องทำให้ได้ คือทำตามระบบไปอย่างต่อเนื่อง นิ่งๆ
ใจความสำคัญของการเทรดกองทุนคือ “ต่อเนื่อง ไม่วูบวาบ ไม่หวือหวา”
ถ้าคุณยังมีความรู้สึกลุ้นหัวทิ่ม ใจหายใจคว่ำ ทำกำไรได้ทีละเยอะๆ เสียทีละเยอะๆ ลากเยอะๆ เบิ้ลไม้ เติมพอร์ต อยู่ในการเทรดของคุณ อาจจะแปลว่าระบบที่เทรดไม่ใช่ระบบที่ดีในการเทรดกองทุนครับ
กองทุนไม่มีให้เติมพอร์ต และจำกัด DD ต่ำมาก เกินกว่านี้ ยึดพอร์ตทันทีโดยไม่มีข้อโต้แย้ง ระบบที่ใช้เทรดกองทุนจะต้องนิ่งจนถึงขั้นรู้สึกน่าเบื่อ
อย่างพอร์ต 2 แสนดอลลาร์ที่ผมเทรด ผม DD ไม่เกิน 5% ใช้ความเสี่ยงแค่ประมาณไม้ละ 1-1.5% แค่นั้นเอง วันที่ผมลากเต็มที่หรือต้องคัท ก็อยู่แค่หลักหมื่นบาทเท่านั้นเองครับ จากพอร์ต 6 ล้านกว่าบาท
แน่นอนว่าพอมีพอร์ตใหญ่ๆ ก็มีโอกาสได้กำไรเยอะๆ แน่นอนว่าความโลภจะตามมาทันที อยากกดล็อตใหญ่ อยาก bet อยาก big win ได้ก็อยากเทรดเพิ่มให้ได้เยอะกว่าเดิม เสียก็เสียดาย อยากเอาคืน
ตรงนี้เป็นเกมของจิตใจที่ใช้ระบบและวินัยเข้ามาควบคุม ถ้าเราควบคุมความโลภไม่ได้ ก็จะรักษาพอร์ตไว้ไม่ได้
กำไรเยอะๆที่ทำได้ครั้งเดียว หรือกี่ครั้งต่อเนื่องก็ไม่มีประโยชน์เลย หากมันถูกเอาคืนไปทั้งหมดในครั้งเดียวที่เราเสีย
ผมเรียนรู้มายเซ็ทเรื่องความสม่ำเสมอนี้มาจากพี่ซึ่งผมเคารพเป็นอาจารย์คนหนึ่ง และเป็นคนสอนเทคนิคใช้งานฟิโบแบบที่ผมใช้อยู่ในในปัจจุบันให้กับผม ซึ่งพี่เค้าเทรดอยู่กับบ้าน เอากำไรแค่ 3-4 หมื่นบาทต่อเดือน ในพอร์ตตัวเอง โดยเทรดในทุนเท่าเดิม ถอนกำไรทุกเดือน แต่ถอนแบบนี้มา 8 ปีต่อเนื่องแล้วครับ
ในตอนแรกผมก็ไม่เก็ท ก็คิดว่าทำไมเอาน้อยจัง ระบบดีขนาดนี้ ทำไมไม่ bet ให้ได้เยอะๆกว่านี้ เทรดพอร์ตใหญ่ๆกว่านี้ เอากำไรไปเทรดต่อเรื่อยๆ จะได้กำไรเยอะๆกว่านี้ ซึ่งพี่เค้าก็ไม่ได้แย้งอะไร บอกแต่ว่าตอนหนุ่มๆพี่เค้าทำมาหมดแล้ว พี่เค้าก็ขาซิ่งตัวตึงยืนหนึ่งมาก่อน และเข้าใจเราดี เค้าเห็นตัวเค้าเองตอนหนุ่มๆในตัวเรา (ตอนนี้พี่เค้า 50 กว่าแล้วครับ) ให้เราไปเรียนรู้ด้วยตัวเอง
สุดท้ายพอได้เรียนรู้กับตัวเอง และประสบการณ์ของคนรอบตัว ก็ได้รู้ว่าการทำได้อย่างต่อเนื่อง และ ความสม่ำเสมอ คือคีย์สำคัญที่สุด สำหรับ Fulltime Trader ที่อยากเลี้ยงชีพด้วยอาชีพนี้อย่างยั่งยืนจริงๆครับ
ทำกำไรไปแบบนิ่งๆ ถอนอย่างสม่ำเสมอ ในจำนวนเงินของพอร์ตที่พอเหมาะกับใจของเรา ไม่ต้องเอากำไรเยอะๆไปอวดใคร ไม่มีคำว่าล้างพอร์ต ไม่มีคำว่าชีวิตพัง ซึ่งผมก็น้อมรับและนำมาใช้กับตัวเองมาตลอด
วันนี้หากเพื่อนๆยังไม่ไปถึงจุดที่เทรดกองทุน อยากให้ลองฝึกมายเซ็ทนี้เตรียมรอไว้ก่อนครับ เพราะมันจะติดเป็นสไตล์การเทรดของตัวเราไปตลอด (กลับกัน ถ้าติดนิสัยเทรดแบบนักพนันไปแล้วมันจะติดตัวไปอีกแบบและแก้ยากมากครับ ซึ่งเป็นคนละสายกับการเทรดกองทุนแบบขาวกับดำเลย) ไม่ว่าพอร์ตเท่าไหร่ก็สามารถฝึกได้ ให้ลองเทรดเสมือนเราเทรดกองทุนอยู่ อย่าโฟกัสที่กำไร ให้โฟกัสที่การรักษาพอร์ต %ที่เรายอมเสีย และความต่อเนื่อง คัทให้เป็น
พอวันนึงที่พร้อม ผมก็เอามายเซ็ทนี้มารวมร่างกับการเทรดกองทุนได้พอดี ซึ่งมันบังเอิญเป็นคีย์สำคัญของการเทรดกองทุนเลยครับ ผลลัพธ์คือผมก็ถอนอย่างต่อเนื่องได้เหมือนเดิม แต่ในพอร์ตที่ใหญ่ขึ้น และกำไรที่มากขึ้น
3. #รู้กฎของกองทุนที่เทรด
เมื่อได้พอร์ตมาแล้ว ทำกำไรอย่างสม่ำเสมอได้แล้ว ก็อย่ายอมเสียพอร์ตไปแบบโง่ๆครับ
ดังนั้น ต้องรู้กฎของกองทุนให้ละเอียด ทุกข้อ ทุกข้อยกเว้น แล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด
เช่น เรื่อง ห้ามเทรดชนข่าว DD ต่อวัน ต้องปิดออเดอร์เมื่อไหร่ หรืออะไรก็ตาม และต้องมี “สติ” เสมอ ในการเทรด วันเดียวที่เราตื่นมาเทรดโดยไม่ได้เช็คกล่องแดงก่อนเทรด ก็สามารถทำให้โดนยึดพอร์ตและกำไรทั้งหมดไปได้เลยโดยไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง
ก่อนเริ่มทำงานต้องมีสติอยู่เสมอ และรู้อยู่ตลอดเวลาว่าเราทำอะไรอยู่ เทรดอย่างระวังและตั้งใจทุกๆออเดอร์ ไม่สามารถเข้าๆไปก่อนแล้วไปนอน หรือเข้าเพิ่มโดยไม่คำนวณอย่างรอบคอบ แบบพอร์ตของตัวเองที่เคยทำ โดยเด็ดขาด
วันไหนที่ง่วง เหนื่อย เมา ป่วย มีเรื่องรบกวนจิตใจ ไม่มีสติครบถ้วนเต็ม 100% ออกไปธุระ ไปเที่ยว ถ้ารู้ว่าโฟกัสไม่ได้ให้ปิดจอพักผ่อนครับ อย่าเทรด ข้ออ้างอะไรที่เราจะเอามาใช้ปลอบใจตัวเองทีหลังก็คงไม่มีประโยชน์หากโดนยึดพอร์ต
กองทุนไม่มีกำหนดเป้ากำไรที่เราต้องทำได้ ดังนั้นไม่จำเป็นที่เราต้องเทรดทุกวัน หน้าที่ของเรามีแค่รักษาพอร์ตเท่านั้น และเราจะยังมีพอร์ตให้เทรดไปเรื่อยๆตราบใดที่เรายังไม่ผิดกติกา ทำหน้าที่เดียวอันนี้ให้ดีที่สุดครับ
4. #รู้วิธีในการปั้นและประคองกำไร
ผมจะไม่ใช้คำว่า พอให้เป็น เพราะถ้าเราพอ ในจุดที่ไปต่อได้ เราก็จะไม่สามารถรีดกำไรสูงสุดออกมาจากพอร์ตกองทุน
เพราะมันยากมากที่จะบอกว่ากำไรแค่ไหนควรจะพอ เช่น 1 แสนบาทพอรึยัง 2 แสนบาทหยุดเทรดเลยมั้ย หรือ 5 แสนแล้วต้องไปต่อให้ถึงล้านมั้ย ดังนั้นเราต้องอย่าให้ความกลัว และ ความโลภ มาเป็นตัวกำหนดว่าเราต้องทำกำไรให้ได้เท่าไหร่
ผมจะไม่กำหนดเป้าที่ผมต้องหยุดไว้เป็นตัวเลข แต่กำหนดเป็น % ความเสี่ยง และกำหนดเป้าที่เรารับได้หากเสียเอาไว้ก่อนเทรดเสมอ
สิ่งที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าการทำกำไร คือการปั้น และ ประคองกำไร
ในที่นี้คือพอเราได้กำไรมาแล้ว เรากันกำไรส่วนนี้ออกมาเทรดต่อ และยอมเสียแค่ในกำไรส่วนนี้ที่เราตั้งธงไว้ และค่อยๆทำซ้ำต่อไปแบบที่เราทำ โดยไม่มีการเทรดแบบเอาคืน หรือนอกระบบโดยเด็ดขาด WR และ RR ของระบบของเรา ที่มันเวิร์คอยู่แล้ว มันจะทำหน้าที่ช่วยเราปั้นพอร์ตและประคองกำไรไปเอง
ดังนั้น ผมไม่มีเป้าว่าในแต่ละเดือนต้องเทรดให้ได้กำไรเท่าไหร่ กำไรในแต่ละเดือนแล้วแต่ตลาดจะเป็นใจ และแล้วแต่ว่าผมมีเวลาเทรดมากน้อยแค่ไหน เพื่อไม่ให้เราพยายามดันทุรังเทรด หรือกดดัน กำไรก็คือกำไร
กำไรมีเพิ่มมีลดในระหว่างเดือนคือเรื่องปกติมาก พยายามปั้นและประคองกำไรไปให้ได้ไกลที่สุด ตามระบบ อย่างมีสติ แต่ก็จงพอใจกับกำไรที่เราได้ถอน และพอร์ตที่เรารักษาไว้ได้
5. #ทำยังไงก็ได้ให้มีพอร์ตสำหรับเทรดต่อไปในวันพรุ่งนี้
สิ่งสำคัญที่สุดในการเทรดกองทุน คือ “ทำยังไงก็ได้ไม่ให้โดนยึดพอร์ต”
นอกจากจะต้องทำตามกติกาของกองทุนอย่างเคร่งครัดแล้ว สิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือคุณจะต้อง “แพ้ให้เป็น” เพราะ ในการเทรด ไม่มีทางที่กราฟจะเป็นใจทุกวัน ไม่มีระบบที่ WR 100%
ถ้าดู Stat การเทรดของผม จะเห็นว่าไม่ได้มีแต่กราฟขึ้นๆอย่างเดียว แต่มีย่อ มีกำไรหายไปด้วยบ้าง ทั้งที่ชน SL และที่ผมคัทมือ ใครที่กลัว SL คุณออกจากแก๊งค์เราไปเลย
ให้มองว่าเป็นการย่อเพื่อไปต่อ อย่าไปจมอยู่กับวันที่ผิดพลาด ให้คิดเสมอว่าการคัทก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบ เชื่อในระบบแล้วไปต่อ ด้วยใจที่นิ่ง สุดท้ายแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาพอร์ตเอาไว้ให้ได้ ในวันที่กราฟไม่เป็นใจ
ในพอร์ตของตัวเอง หลายคนอาจจะมีประสบการณ์ที่เรารักษาพอร์ตโดยการ MM เติมเงิน แก้ไม้ในแนวถัดไป ซึ่งไม่ผิด แต่ การเทรดพอร์ตกองทุน เราไม่สามารถทำแบบนั้นได้เลย สิ่งเดียวที่เราทำได้เพื่อรักษาพอร์ตเอาไว้ คือ การคัท เท่านั้น เพื่อไม่ให้ DD เกิน
อย่าลืมว่าเงินในพอร์ตไม่ใช่เงินเราด้วย คัทไปเราก็ไม่ได้เสียเงินอะไรจริง แต่ถ้าเราไม่คัทนี่สิ เราต้องเสียพอร์ตและกำไรไป และต้องสอบใหม่เสียเงินเสียเวลาอีก
ดังนั้น คัทเถอะครับ “กำไรเราจะทำใหม่เท่าไหร่ก็ได้” ถ้ามาถึงจุดนี้แล้วจะรู้ว่าการทำกำไรมันไม่ยากเลย ขอแค่อย่าทำให้พอร์ตเสียหายจนถูกยึดก็พอ
“ไม่ว่าจะเป็น Bad day สำหรับการเทรดแค่ไหน พรุ่งนี้ต้องยังมีพอร์ตให้เทรดต่ออยู่” ผมบอกตัวเองแค่นี้
สุดท้ายนี้เป็นกำลังใจให้กับเทรดเดอร์กองทุน และเทรดเดอร์ที่สนใจเดินทางไปในเส้นทางนี้ด้วยกันทุกคนนะครับ มันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถ ถ้าคนอื่นทำได้ คุณก็สามารถทำได้เหมือนกัน
ไม่จำเป็นต้องเรียนกับผมก็ได้ ผมไม่ซีเรียสเลย ใครอยากเรียนก็เรียน ไม่อยากเรียนก็ไม่ต้องเรียน หากไม่มีทุนเรียน สามารถติดตาม Live ฟรี ของผม ทุกๆคืนวันอาทิตย์ และ วันพุธ 19:30 ได้ครับ คู่ที่ผมเข้าเทรด ก็คือคู่ที่ผมวิเคราะห์ไปในไลฟ์นั่นแหละ เทคนิคต่างๆ ก็แกะเอาจากในไลฟ์ได้ครับ
แต่ ท่านไหนอยากเรียนระบบเทรดของผม เรียนรู้หน้างาน และแชร์แผนกันในกลุ่มไลน์นักเรียนกับผม ทักแชทเพื่อขอรายละเอียดคอร์สเรียน และ รับราคาพิเศษ ทางแชทได้เลยครับ
บอกไว้ก่อนว่าคอร์สเรียนแพงแน่นอน แต่ลองคิดดูครับว่ามูลค่าของคอร์สเรียน Basic + Advanced ยาวกว่า 50 ชั่วโมง พร้อมกลุ่มไลน์นักเรียน อะเลิทต่างๆแบ่งปันให้ใช้ฟรี มีอัพเดทเนื้อหาให้ตลอด ปรึกษาผมส่วนตัวได้ตลอดชีวิต และที่สำคัญวิชาความรู้ และประสบการณ์ทั้งหมดของผม ที่ผมใช้ถอนเงินเดือนละหลายแสนทุกเดือน ควรจะเป็นมูลค่าเท่าไหร่ แล้วจะรู้ว่าผมสอนให้ในราคาที่คุ้มค่ามากๆ
วันนี้ผมพอใจในระบบ และกำไรที่ทำได้แล้ว จึงตั้งใจจะส่งต่อสิ่งดีๆกลับไปให้สังคมการเทรดให้เต็มที่ในปีนี้ โดยการตั้งใจสอน และแบ่งปันความรู้และวิเคราะห์กราฟฟรีให้ไปเรื่อยๆ ทั้งนักเรียนที่เรียนกับผม เพื่อนๆที่ติดตามอ่านในเพจ และที่ติดตามดูไลฟ์ ขอบคุณทุกๆคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ ที่ติดตามกันมาตลอดนะครับ
อยากเป็นเทรดเดอร์กองทุน พิมพ์ +1 แล้วแชร์เก็บไว้อ่าน
อยากให้ทำ Live ตอนพิเศษ ถาม-ตอบ แชร์ความรู้ ข้อมูล ประสบการณ์ เกี่ยวกับการเทรดกองทุนโดยเฉพาะ พิมพ์ +2
ถ้ามีประโยชน์ ฝากกดไลค์ กดแชร์ คอนเท้นท์นี้ และขอให้ทุกคนทำสำเร็จเป็นเทรดเดอร์กองทุนได้ตามตั้งใจครับ

44
พอร์ต PoE หรือ Power over Ethernet คืออะไร ?
ต่างจากพอร์ต LAN ธรรมดาอย่างไร ?
เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยผ่านตา "พอร์ต PoE" หรือที่มีชื่อเรียกแบบเต็มยศว่า "Power over Ethernet" กันมาบ้าง คำนี้ปรากฏให้เห็นอยู่ในอุปกรณ์หลายอย่าง โดยระบุว่ามันรองรับ PoE ด้วย หรือไม่ก็อาจจะเห็นมันในเราเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายบางรุ่น

บทความเกี่ยวกับ Connector อื่นๆ
พอร์ต Thunderbolt คืออะไร ? และรู้จัก Thunderbolt 5 ที่มีแบนด์วิดท์สูงถึง 120 Gbps
Circular Connectors คืออะไร ? รู้จักขั้วต่อไฟฟ้าทรงกลม นิยมในอุตสาหกรรม
DisplayLink คืออะไร ? ทำงานอย่างไร ? และข้อดี และข้อเสียมีอะไรบ้าง ?
ต่อลำโพงคอมพิวเตอร์ผ่านพอร์ตไหนดีที่สุด ? ระหว่าง AUX, RCA, S/PDIF, USB, TOSLINK และ HDMI
พอร์ต USB ในเราเตอร์ สามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง ?
หน้าตาของเจ้าพอร์ต PoE นี้ เหมือนกับพอร์ต LAN ทุกประการ (มักจะอยู่ติดกันด้วย) คำถามที่หลายคนอาจจะสงสัย คือ แล้วมันคือพอร์ตอะไร ? ต่างจากพอร์ต LAN ตรงไหน ? บทความนี้มีคำตอบให้ครับ :)

เนื้อหาภายในบทความ
Power over Ethernet (PoE) คือ อะไร ?
มาตรฐานของเทคโนโลยี Power over Ethernet (PoE)
อุปกรณ์สำหรับ Power over Ethernet (PoE) มีอะไรบ้าง ?
Power over Ethernet (PoE) แตกต่างกับ Powerline Ethernet อย่างไร ?



พอร์ต PoE หรือ Power over Ethernet คืออะไร ? ต่างจากพอร์ต LAN ธรรมดาอย่างไร ?
ภาพจาก : https://www.amazon.com/WS-GPOE-1-WM-Gigabit-Passive-Ethernet-Injector/dp/B00ENNUWO4

Power over Ethernet (PoE) คือ อะไร ?
Power over Ethernet หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า PoE เป็นรูปแบบหนึ่งของการจ่ายกระแสไฟฟ้า และเชื่อมต่อเครือข่าย ผ่านระบบสายในเครือข่าย มันมีมาตรฐานของมันไม่ต่างไปจากมาตรฐานของระบบ Wi-Fi โดยมีให้เลือกใช้งานอยู่หลายมาตรฐาน แน่นอนว่ามาตรฐานที่ใหม่กว่าย่อมรองรับการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงขึ้นกว่ามาตรฐานเก่านั่นเอง

PoE มีประโยชน์ในด้านการช่วยจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ที่ไม่ต้องการพลังงานไฟฟ้าในการทำงานสูงมาก อย่างเช่นพวกกล้องวงจรปิด (CCTV), อุปกรณ์กระจายสัญญาณ Wi-Fi (Wireless Access Points), โทรศัพท์, ระบบอินเทอร์คอม เป็นต้น

และด้วยเทคโนโลยี PoE ทำให้สายเพียงเส้นเดียวสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้อุปกรณ์เหล่านี้ทำงานได้ และยังช่วยเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับระบบเครือข่ายได้อีกด้วย ตัวอย่างง่าย ๆ สมมติว่าคุณต้องการจะติดกล้องวงจรปิด พอติดตั้งกล้องเสร็จ หากคุณไม่มี PoE ล่ะก็ ... คุณจะต้องเดินสายไฟ ติดปลั๊กเพิ่ม หรือไม่ก็เลือกติดกล้องได้เฉพาะในจุดที่มีปลั๊กไฟเท่านั้น แต่พอมี PoE แค่สายเครือข่ายเส้นเดียวก็จบเลย

มาตรฐานของเทคโนโลยี Power over Ethernet (PoE)
Power over Ethernet (PoE) ในขณะนี้มีอยู่ 4 ประเภท สามารถดูรายละเอียดชื่อประเภท และคุณสมบัติการทำงานของมันได้จากตารางด้านล่างนี้เลยครับ

ชื่อ   มาตรฐาน
IEEE   จ่ายพลังงานไฟฟ้าให้อุปกรณ์ได้   พลังงานไฟฟ้าสูงสุดต่อพอร์ต   Energized Pairs   อุปกรณ์ที่รองรับ
PoE   IEEE 802.3af
(Type 1)   12.95 วัตต์   15.4 วัตต์   2 คู่   กล้องวงจรปิด, โทรศัพท์แบบ VoIP, Wireless Access Points
PoE+   IEEE 802.3at
(Type 2)   25.5 วัตต์   30 วัตต์   2 คู่   กล้องสปีดโดม (PTZ), โทรศัพท์แบบ Video IP phones, สัญญาณเตือนภัย
PoE++   IEEE 802.3bt (Type 3)   51 วัตต์   60 วัตต์   4 คู่   อุปกรณ์ Video conferencing, Multi-radio Wireless Access Points
PoE++   IEEE 802.3bt (Type 4)   71.3 วัตต์   100 วัตต์   4 คู่   โน้ตบุ๊ก, หน้าจอแสดงผล
เทคโนโลยี PoE แบบเก่าจะเรียกว่า PoE Type 1 (IEEE 802.3af) และ PoE Type 2 (IEEE 802.3at) หรือที่เรียกว่า PoE+ ทั้งคู่จะมี Energized Pairs อยู่ 2 คู่ สำหรับใช้ในการจ่ายพลังงานไฟฟ้า โดย Type 1 จะจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุด 15.4W ต่อพอร์ต ส่วน Type 2 จะจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุด 30W ต่อพอร์ต

ในส่วนของเทคโนโลยี PoE แบบใหม่ IEEE 802.3bt ก็จะมีอยู่ 2 Type เช่นกัน คือ Type 3 และ Type 4

Type 3 นั้นมีชื่อเรียกอยู่หลายชื่อมาก ทั้ง 4-Pair PoE, 4PPoE, PoE++ หรือ UPoE โดยมันสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 60W เลยทีเดียว

สุดท้าย Type 4 ที่ออกแบบมาให้จ่ายพลังงานไฟฟ้าได้สูงสุดมากถึง 100W

อุปกรณ์สำหรับ Power over Ethernet (PoE) มีอะไรบ้าง ?
อุปกรณ์ Power over Ethernet (PoE) ก็มีให้เลือกใช้งานอยู่หลายประเภทนะครับ สามารถแบ่งตามลักษณะการทำงานได้ดังนี้

PoE Ethernet Switches
PoE Ethernet Switches สามารถทำหน้าที่เป็นแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ที่รองรับ PoE ผ่านสาย Ethernet cable (หรือที่เรานิยมเรียกกันว่าสาย LAN นั่นแหละ) โดยมันเองจะทำหน้าที่เหมือน PoE Injectors ด้วยในตัว

สวิตซ์ PoE หรือ PoE Ethernet Switches
ภาพจาก : https://th.aliexpress.com/item/32876992628.html

PoE Injectors
PoE Injectors มีความสามารถในการเพิ่มคุณสมบัติ PoE ให้กับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับ PoE ได้ และในทางกลับกัน มันก็อนุญาตให้เชื่อมต่ออุปกรณ์ที่รองรับ PoE เข้ากับอุปกรณ์ที่ไม่มี PoE ได้ด้วย

PoE Injectors
ภาพจาก : https://www.shopat24.com/p/TP-Link-TL-PoE150S-PoE-Injector/358612/?

PoE Splitters
PoE Splitters ทำหน้าที่แยกสัญญาณ PoE ที่ได้รับมา เพื่อแบ่งสัญญาณของข้อมูล และพลังงานไฟฟ้า ออกจากกัน โดยแยกออกเป็นสองสาย เพื่อให้รองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ที่ไม่รองรับเทคโนโลยี PoE

PoE Splitters
ภาพจาก : https://th.aliexpress.com/item/4000994057903.html

PoE Repeaters / PoE Extenders
ตามปกติแล้ว PoE จะสามารถส่งสัญญาณได้ไกลสุด 100 เมตร แต่ถ้าเราต้องการขยายระยะทางให้ไกลมากขึ้น ก็ต้องใช้ PoE Repeaters หรือ PoE Extenders มาช่วยทำงานด้วย

อุปกรณ์ขยายสัญญาณ PoE หรือ PoE Repeaters / PoE Extenders
ภาพจาก : https://www.amazon.com/Extender-Repeater-Supported-100Mbps-Ethernet/dp/B07RLFPVZM

PoE Media Converters
PoE Media Converters เป็นตัวแปลงสัญญาณจากสายไฟใยแก้วนำแสง (Fiber Optic) หรือสายทองแดง ไปเป็นสาย Ethernet โดยที่รองรับการใช้งานเทคโนโลยี PoE ด้วย

PoE Media Converters


Power over Ethernet (PoE) แตกต่างกับ Powerline Ethernet อย่างไร ?
Power over Ethernet (PoE) กับ Powerline Ethernet ชื่อมันมีความคล้ายคลึงกันมาก จนหลายคนอาจจะสับสนได้ แต่ความจริงมันเป็นเทคโนโลยีคนละชนิด และมีคุณสมบัติการทำงานที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

อย่างที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า PoE เป็นการเพิ่มระบบไฟฟ้าเข้าไปในระบบเครือข่ายผ่านสาย Ethernet แต่สำหรับ Powerline Ethernet มันตรงข้ามกันเลย โดยมันเป็นการเพิ่มระบบเครือข่ายเข้าไปในระบบสายไฟฟ้าที่มีอยู่เดิม

Powerline Ethernet จะช่วยให้คุณวางระบบเครือข่ายแบบสาย โดยที่ไม่ต้องเดินสาย Ethernet เพิ่ม ในขณะที่ PoE เพิ่มระบบไฟฟ้าเข้าไปในเครือข่ายสาย Ethernet โดยที่ไม่ต้องเดินสายไฟฟ้าเพิ่ม

พอร์ต PoE หรือ Power over Ethernet คืออะไร ? ต่างจากพอร์ต LAN ธรรมดาอย่างไร ?



ที่มา : www.howtogeek.com , en.wikipedia.org , www.black-box.de

45
8 บทเรียนสำคัญที่อยากบอกตัวเองเมื่อเริ่มเป็นเทรดเดอร์

ถ้าสามารถย้อนเวลากลับไปส่งบทความนี้ให้ตัวเองในวันแรกที่เข้าตลาดได้ คงช่วยให้ประหยัดทั้งเงิน เวลา และความเจ็บปวดไปได้มาก นี่คือ 8 บทเรียนสำคัญจากเส้นทางสู่การเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ ที่อยากให้คุณได้เรียนรู้ก่อนจะสายเกินไป

1. ออกจาก Comfort Zone อย่ามัวรีรอ
ถ้าระบบเทรดที่ใช้อยู่ไม่พาเราไปถึงเป้าหมาย หรือไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ อย่ายึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ และอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง เทรดไม่ใช่แฟชั่น ไม่จำเป็นต้องตามกระแส SMC, ICT หรือระบบไหนๆ ถ้ามันไม่ใช่ของเรา จงเลือกเส้นทางที่เหมาะกับตัวเองแล้วพัฒนาให้สุด

2. เราเรียนรู้เพื่อ "พัฒนาระบบ" ไม่ใช่เพื่อ "เอาชนะตลาด"
การพยายามเอาชนะตลาดก็เหมือนกับการพยายามควบคุมมหาสมุทร สิ่งที่ควรทำคือเรียนรู้และพัฒนาระบบที่เข้ากับตัวเอง ทดสอบและเก็บสถิติให้แน่น จนสามารถเทรดแบบอัตโนมัติ (Auto Pilot) ได้ อย่าก๊อปปี้ระบบใครมาใช้โดยไม่เข้าใจจริง เพราะสุดท้ายแล้ว ความสำเร็จขึ้นอยู่กับ "ระบบของเราเอง" ไม่ใช่ของคนอื่น

3. ค่อยๆ เพิ่ม Lot / % Risk อย่างมีสติ
"การเพิ่ม Lot แบบก้าวกระโดด = การพนันกับอนาคตโดยไม่จำเป็น"
เมื่อทำกำไรได้ อย่าปล่อยให้ความโลภพาไป อย่าเพิ่งรีบเพิ่ม Lot หรือเติมเงินลงทุนหากระบบยังไม่นิ่งพอ เทรดไม่ใช่การแข่งขันว่าใครรวยเร็วที่สุด แต่เป็นเรื่องของ "การอยู่รอดให้นานพอ" กำไรคือรางวัลของคนที่อยู่ในตลาดได้นานพอ

4. อย่าเทรดตามกระแส แต่จงเทรดในแบบที่ใช่
แต่ละคนมีสไตล์ที่เหมาะสมต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Price Action, SMC, ICT, RTM, Elliott Wave หรือ Quant มันจะมี "1 ระบบที่เป็นของเรา"
ในช่วง 1-3 ปีแรก จงเรียนรู้ให้เยอะที่สุด แต่ใช้ให้น้อยที่สุด แล้วค้นหา "ระบบของตัวเอง" ให้เจอ จากนั้นพัฒนาและตกผลึกมันให้สุด

5. Money/Risk Management คือ "หัวใจ" ของเทรดเดอร์มืออาชีพ
หลายคนคิดว่า "การอ่านกราฟ" คือทักษะสำคัญที่สุด แต่จริงๆ แล้ว "การบริหารความเสี่ยงและเงินทุน" คือสิ่งที่แยกเทรดเดอร์ที่อยู่รอดออกจากเทรดเดอร์ที่ล้างพอร์ต

มี Money Management ที่ดี แม้เทรดตามสัญชาตญาณก็ยังอยู่รอดได้

ถ้าบริหารเงินผิด ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ล้างพอร์ตได้ง่ายๆ

ถ้าแพ้ไม่กี่ครั้งแล้วล้างพอร์ต นั่นแปลว่าเรายังสอบตกเรื่อง Money Management

6. สังคมรอบตัวจะหล่อหลอมให้เราเป็นแบบไหน
"เราคือค่าเฉลี่ยของคนที่เราใช้เวลาด้วยมากที่สุด" ถ้าอยากเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ จงเลือกอยู่กับกลุ่มคนที่ส่งเสริมให้เราเติบโต หลีกเลี่ยงคนที่มีแต่พลังลบหรือทำให้ไขว้เขวจากเป้าหมาย เพราะสิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อความสำเร็จมากกว่าที่คิด

7. อย่ายึดติดกับ "สูตรสำเร็จ" มากเกินไป
ตลาดมีวัฏจักร ไม่มีสูตรไหนที่เวิร์ค 100% ตลอดกาล เคยยึดติดแต่ "การเทรด Direction" จน COVID-19 มาทำให้ต้องปรับตัว สุดท้ายแล้ว "ความสามารถในการปรับตัวให้ทันตลาด" คือจุดแข็งของเทรดเดอร์มืออาชีพ อย่ากลัวการลองใช้วิธีใหม่ๆ

8. เทรดเพื่อสร้าง "สินทรัพย์" ไม่ใช่แค่กำไรระยะสั้น
เทรดเดอร์ที่ร่ำรวยไม่ได้แค่หาเงินจากการเทรด แต่ยังลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวควบคู่กันไป

Cashflow → รายได้ที่หมุนเวียนจากการเทรด

Asset → ทรัพย์สินที่สร้างมูลค่าในระยะยาว เช่น หุ้น, อสังหาริมทรัพย์, Crypto
อย่าเทรดเพียงเพื่อหาเงินใช้ไปวันๆ แต่จงวางแผนเพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน เพราะเราไม่อยากเทรดไปจนถึงอายุ 60 ใช่ไหม?

ถ้าบทความนี้มีประโยชน์ ขอเพียงแค่คอมเมนต์ "ขอบคุณ" และแชร์ต่อให้เพื่อนๆ
แล้วพบกันใหม่ใน 10 บทเรียนต่อไป มาเรียนรู้ด้วยกันเพื่อเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ

แด่เราและผู้ที่เป็นเหมือนเรา ซึ่งมีอยู่น้อยนัก
เทรดเดอร์นักเฉือนคม มุ่งมั่นพิชิตฝัน


46
8 บทเรียนสำคัญที่เรียนรู้จากเส้นทางสู่เทรดเดอร์มืออาชีพ
และอยากย้อนเวลากลับไปส่งบทความนี้ให้ตัวเองตอนเข้าตลาดใหม่ๆ อ่าน
1. ออกจาก Comfort Zone อย่ามัวรีรอ
   หากระบบเทรดที่ใช้อยู่ ไม่พาเราไปถึงเป้าหมายทางการเงิน หรือ ไม่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ อย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง และ อย่ายึดติดกับความสำเร็จเดิมๆ
   ไม่ได้บอกให้เปลี่ยนระบบเทรดไปมาเป็นว่าเล่น แต่บางครั้งระบบเดิมอาจ ไม่เหมาะกับเรา จริงๆ อย่าฝืนไปต่อเพียงเพราะ “มันเป็นกระแส” เช่น SMC, ICTถ้าเรารู้ว่ามันไม่ใช่ ก็ไม่มีอะไรผิดที่จะเลือกทางอื่นที่เหมาะกับตัวเอง
2. เราเรียนรู้เพื่อ “พัฒนาระบบ” ไม่ใช่เพื่อ “เอาชนะตลาด”
คอร์สส่วนใหญ่มักสอนให้ “ชนะตลาด” แต่แท้จริงแล้ว ความสำเร็จอยู่ที่การพัฒนาระบบให้เข้ากับตัวเอง
 เรียนรู้เพื่อปรับแต่ง ไม่ใช่เรียนเพราะอยากเก่งขึ้นอย่างเดียว
 ทดสอบและเก็บสถิติให้แน่น จนสามารถเทรดแบบอัตโนมัติ (Auto Pilot)
 ตกผลึกระบบของตัวเอง ไม่ใช่ก๊อปปี้ระบบคนอื่นมาใช้โดยไม่เข้าใจจริง
3. ค่อยๆ เพิ่ม Lot / % Risk ให้เหมาะสม
“การเพิ่ม Lot แบบก้าวกระโดด = การพนันกับอนาคตโดยไม่จำเป็น”
   เมื่อทำกำไรได้ อย่าเพิ่งรีบเพิ่ม Lot หรือเติมเงินลงทุน เพราะหากระบบยังไม่นิ่งพอ ความโลภจะทำให้คุณเจ็บหนัก
   การเทรด ไม่ใช่การแข่งขันว่าใครรวยเร็วที่สุด แต่เป็นเรื่องของ การอยู่รอดให้นานพอ จนสามารถทำกำไรได้สม่ำเสมอ
 อยู่รอดก่อน รวยทีหลัง กำไรคือรางวัลของคนที่อยู่ในตลาดได้นานพอ
4. อย่าเทรดตามกระแส แต่จงเทรดในแบบที่ใช่
แต่ละคน มีสไตล์เทรดที่เหมาะสมต่างกัน
ไม่ว่าจะเป็น Price Action, SMC, ICT, RTM, Elliott Wave หรือ Quant
มันจะมี “1 ระบบที่เป็นของเรา”
 ช่วง 1-3 ปีแรก ของการเรียนรู้ ให้เรียนรู้เยอะ แต่ใช้ให้น้อยที่สุด
จงหา “ระบบของตัวเอง” ให้เจอ แล้วตกผลึกมันให้สุด
5. Money/Risk Management คือ “หัวใจ” ของอาชีพเทรดเดอร์
คนส่วนใหญ่คิดว่า “การอ่านกราฟ” คือสกิลที่สำคัญสุด
แต่ “การบริหารความเสี่ยงและเงินทุน” ต่างหากที่เป็น “ทักษะที่เทรดเดอร์มืออาชีพต้องมี”
 ถ้ามี Money Management ที่ดี แม้เทรดตามสัญชาตญาณก็ยังอยู่รอดได้
 ถ้าบริหารเงินผิด ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ล้างพอร์ตได้ง่ายๆ
 ถ้าคุณแพ้แค่ไม่กี่ครั้งแล้วล้างพอร์ต นั่นแปลว่าคุณสอบตกเรื่อง Money Management
6. สังคมรอบตัวจะหล่อหลอมให้คุณเป็นแบบไหน
เราเปลี่ยนไปเป็น “ค่าเฉลี่ยของคนที่เราใช้เวลาด้วยมากที่สุด”
 ถ้าอยากเป็นเทรดเดอร์ที่ประสบความสำเร็จ จงเลือกอยู่กับกลุ่มคนที่ส่งเสริมให้เราเติบโต
หลีกเลี่ยงคนที่มีแต่พลังลบ หรือ ทำให้คุณไขว้เขวจากเป้าหมาย
7. อย่ายึดติดกับ “สูตรสำเร็จ” มากเกินไป
สูตรเทรดที่ใช้ได้ดีวันนี้ อาจใช้ไม่ได้ตลอดไป
 ตลาดมีวัฏจักรเสมอ ไม่มีสูตรไหนที่เวิร์ค 100% ตลอดกาล
 กลยุทธ์การเทรดมีหลายแบบ อย่ากลัวการลองใช้วิธีใหม่ๆ
 เคยยึดติดแต่ “การเทรด Direction” จน COVID-19 มาทำให้ต้องปรับตัว
 “เปิดใจเรียนรู้ และปรับตัวให้ทันตลาด” นั่นคือจุดแข็งของเทรดเดอร์มืออาชีพ
8. เทรดเพื่อสร้าง “สินทรัพย์” ไม่ใช่แค่กำไรระยะสั้น
เทรดเดอร์ที่ร่ำรวย มักลงทุนในสินทรัพย์ระยะยาวควบคู่ไปกับการเทรด
Cashflow → รายได้ที่หมุนเวียนจากการเทรด
Asset → ทรัพย์สินที่สร้างมูลค่าในระยะยาว เช่น หุ้น, อสังหาริมทรัพย์, Crypto
 อย่าเทรดเพียงเพื่อหาเงินใช้ไปวันๆ แต่จงวางแผนเพื่อสร้างอิสรภาพทางการเงิน
 เพราะเราไม่อยากเทรดไปจนถึงอายุ 60 ใช่ไหมครับ
ถ้าชอบบทความนี้ และมีประโยชน์ ขอแค่เพียงคอมเม้นท์กล่าวคำ "ขอบคุณ" และคนละ 1 แชร์
แล้วเดี๋ยวมาต่ออีก 10 บทเรียนกัน
มาเรียนรู้ด้วยกันเพื่อเป็นเทรดเดอร์มืออาชีพ
"แด่เราและผู้ที่เป็นเหมือนเรา ซึ่งมีอยู่น้อยนัก"
เทรดเดอร์นักเฉือนคม มุ่งมั่นพิชิตฝัน

47
ฝึกๆ รอบคอบ  รอวางแผนตามเดย์  สติ ฝึกรอเทรด กำไรตามทุน ตั้งเป้าหมาย 100$ 10%ทุน. ทุ่มเทปฏิวัติตนเอง ฝันใหญ่แค่ไหน.


1.เรียนรู้
2.รอบคอบ
 
- ทุน
-สติ   
3.

48
"สำรองข้อมูล เรื่องไม่ยาก ถ้าอยากให้ชีวิตง่ายขึ้น"
1. สำรองข้อมูลสำคัญแค่ไหน?
กันข้อมูลสูญหาย: เพราะเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดได้เสมอ เช่น ฮาร์ดดิสก์เสีย ไฟล์โดนลบ หรือไวรัสโจมตี
ช่วยกู้คืนงานได้ทันที: ลดเวลาเสียหายจากการทำงาน
เป็นเรื่องจำเป็นทางกฎหมาย: สำหรับองค์กรที่ต้องเก็บรักษาข้อมูลตามข้อกำหนด
2. รูปแบบการสำรองข้อมูล (Backup Types)
Full Backup:

เก็บทุกอย่างในระบบ
ข้อดี: กู้คืนง่ายและครบถ้วน
ข้อเสีย: ใช้พื้นที่และเวลามาก
Incremental Backup:

สำรองเฉพาะไฟล์ที่เปลี่ยนแปลงจากครั้งล่าสุด
ข้อดี: ประหยัดเวลาและพื้นที่
ข้อเสีย: กู้คืนอาจใช้เวลามาก
Differential Backup:

สำรองไฟล์ที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่การ Full Backup ครั้งล่าสุด
ข้อดี: กู้คืนง่ายกว่า Incremental
ข้อเสีย: ใช้พื้นที่มากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
3. สื่อสำหรับการสำรองข้อมูล
External Hard Drive:

เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปหรือธุรกิจขนาดเล็ก
พกพาได้ แต่ควรระวังการสูญหายหรือเสียหายทางกายภาพ
Cloud Backup:

เก็บข้อมูลในระบบออนไลน์ เช่น Google Drive, Dropbox, หรือ OneDrive
ข้อดี: เข้าถึงได้ทุกที่
ข้อเสีย: ต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
Network Attached Storage (NAS):

เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลในเครือข่าย
ใช้งานง่ายและรองรับผู้ใช้หลายคน
Tape Backup:

ใช้เก็บข้อมูลระยะยาว
เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการความปลอดภัย
4. หลักการสำรองข้อมูลที่ดี (Best Practices)
ใช้หลัก 3-2-1 Backup Rule:

เก็บข้อมูลสำรอง 3 ชุด
ในสื่อที่แตกต่างกัน 2 ประเภท (เช่น ฮาร์ดดิสก์+คลาวด์)
และ 1 ชุดนอกสถานที่
ตั้งตารางเวลาสำรอง: เช่น สำรองข้อมูลรายวันหรือรายสัปดาห์

ตรวจสอบไฟล์สำรองเป็นประจำ: เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลสามารถกู้คืนได้

เข้ารหัสไฟล์สำรอง: เพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต

5. ขั้นตอนง่าย ๆ ในการเริ่มต้นสำรองข้อมูล
วิเคราะห์ข้อมูลสำคัญ: แยกข้อมูลที่จำเป็นต้องสำรอง
เลือกวิธีสำรองที่เหมาะสม: เช่น ใช้คลาวด์หรือฮาร์ดดิสก์
กำหนดนโยบายการสำรอง: เช่น สำรองรายวันหรือรายสัปดาห์
ติดตั้งและตั้งค่าระบบสำรอง: เช่น ใช้ซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลที่เหมาะสม
ทดสอบการกู้คืนข้อมูล: เพื่อให้แน่ใจว่าไฟล์สำรองสามารถใช้งานได้
6. ข้อผิดพลาดที่พบบ่อย
เก็บข้อมูลไว้ที่เดียว: ถ้าสถานที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด ข้อมูลจะหายหมด
ไม่ตรวจสอบข้อมูลสำรอง: สำรองแล้ว แต่กู้ไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์
ลืมอัปเดตข้อมูลสำรอง: ไฟล์สำรองที่ล้าหลังก็เหมือนเก็บความทรงจำในอดีตที่ไม่มีประโยชน์
"การสำรองข้อมูลเหมือนการเตรียมร่มในวันที่อากาศดี... คุณอาจไม่ต้องใช้บ่อย แต่วันที่ฝนตก คุณจะขอบคุณตัวเองที่เตรียมไว้!"

49
"สำรองข้อมูล... เรื่องใหญ่ที่เราอยากให้คุณหัวเราะก่อนปวดหัว!"
1. ทำไมต้องสำรองข้อมูล?
กันไฟล์หาย: "ฮาร์ดดิสก์พังที เหมือนโดนแฟนบอกเลิก... เสียใจแต่ต้อง Move On"
กันลบผิด: “ลบไฟล์ผิดเหรอ? ไม่มีปัญหา... ถ้าคุณสำรองไว้! ถ้าไม่... สวัสดีโลกใบใหม่”
กันไวรัส: รู้จักมั้ย แรนซัมแวร์? มันคือโจรที่บอกว่า “อยากได้ไฟล์คืน จ่ายมาสิ!”
2. สำรองยังไงให้เทพ?
Full Backup: เหมือนถ่ายรูปตอนตัวเองหล่อที่สุด เก็บไว้ดูทุกอย่างครบ!
Incremental Backup: สำรองเฉพาะที่เปลี่ยนแปลง... เหมือนเติมน้ำมันแค่พอขับ ไม่ต้องเต็มถัง
Differential Backup: เก็บเพิ่มทุกวัน เหมือนจดรายการหนี้... วันไหนลืมก็จบกัน!
3. สำรองอะไรดี?
แฟลชไดรฟ์: พกง่าย แต่ถ้าหาย? โทษแมวไปก่อน
ฮาร์ดดิสก์: ทนถึกเหมือนคนอึด แต่ถ้าเผลอหล่น... RIP ไฟล์
คลาวด์: เก็บบนฟ้า ไม่มีวันลืม... เว้นแต่ลืมรหัสผ่าน
NAS: คลังข้อมูลส่วนตัว ถ้า NAS เสีย... ก็เหมือนตู้เซฟที่ไขไม่ได้
4. หลัก 3-2-1 จำง่ายเหมือนสูตรลับ
3 สำเนา: ไฟล์เดียวเก็บ 3 ที่ เผื่อโดนผีหลอกหายหมด
2 สื่อ: ฮาร์ดดิสก์+คลาวด์ (กันตายสองชั้น เหมือนใส่หมวกกันน็อกซ้อนกัน)
1 สำรองนอกสถานที่: กันน้ำท่วม ไฟไหม้ หรือแฟนงอนจนลบงาน
5. อะไรที่ไม่ควรทำ (แต่ชอบเผลอทำ)
เก็บไฟล์ในเครื่องเดียว: "ไฟล์เดียว บ้านเดียว... พังทีร้องเป็นปี"
ไม่เช็คไฟล์สำรอง: "สำรองแล้ว... แต่เปิดไม่ได้! เหมือนล็อกบ้านแล้วลืมใส่ลูกบิด"
ไม่อัปเดตข้อมูล: “สำรองไว้เมื่อปี 2010... พอเปิดมาดู เหมือนดูประวัติชาติไทย!”
6. ทิ้งท้ายแบบขำ ๆ
"สำรองข้อมูลไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ... แต่ถ้าคุณไม่ทำ เดี๋ยวก็ได้เล่นเกมชีวิต!"
"มีไฟล์สำรอง ก็เหมือนมีร่มชูชีพ... ไม่ได้ใช้บ่อย แต่ถ้าขาดไป ร่วงแน่นอน!"
"ไฟล์งานคือแฟน สำรองคือเมียน้อย... มีไว้ช่วยชีวิตตอนฉุกเฉิน!"
จำไว้! สำรองข้อมูลวันนี้ ดีกว่ามานั่งเศร้าพรุ่งนี้... เพราะคอมพังไม่ถามก่อนพัง!

50
ระบบสำรองข้อมูล: จำง่าย ใช้ง่าย และรอดแน่นอน!
1. สำรองข้อมูลไปทำไม?
กันข้อมูลหาย!: ฮาร์ดดิสก์ก็เหมือนมนุษย์... แก่ตัวแล้วก็พังได้!
กันลืมตัวลบเอง: “ใครลบไฟล์นี้?” เงียบกันทั้งแผนก... นี่แหละเหตุผลที่ต้องสำรอง
กันไวรัส: แรนซัมแวร์มาที งานหายหมด! สำรองไว้ไม่โดนขู่กรรโชก
2. แบบไหนที่ควรรู้?
Full Backup: เหมือนก๊อปปี้บ้านทั้งหลัง เหนื่อยหน่อยแต่ครบ
Incremental Backup: เอาเฉพาะที่เปลี่ยนแปลง เหมือนแค่เติมน้ำแข็งในแก้วที่เหลือ
Differential Backup: คล้ายกับถ่ายรูปบ้านทุกวันหลังจากทำความสะอาด
3. สำรองที่ไหน?
External Hard Drive: ฮาร์ดดิสก์ตัวจิ๋ว สบายกระเป๋า (แต่ห้ามลืมพก)
Cloud: เก็บบนฟ้า ชัด ๆ คือไม่หาย (ยกเว้นลืมจ่ายค่าเช่า)
NAS: เหมือนห้องเก็บของส่วนตัว เชื่อมต่อได้ทั้งออฟฟิศ
เทป: ใช้เก็บระยะยาว... เหมือนกล่องภาพเก่า แต่อาจต้องเป่าให้ฝุ่นหลุดก่อนใช้
4. ขั้นตอนแบบง่าย ๆ
แยกข้อมูลสำคัญออกมา: อะไรที่ขาดไม่ได้ ก็สำรองให้หมด!
เลือกสื่อให้เหมาะสม: อย่าเก็บแค่ในแฟลชไดรฟ์นะ แค่เดินชนโต๊ะก็พังแล้ว
ตั้งเวลาสำรอง: ทำเหมือนกินข้าว เช้า-เย็นสำรองไว้จะดี
ตรวจสอบประจำ: สำรองแล้วแต่กู้คืนไม่ได้ ก็เหมือนใส่กุญแจบ้านแต่ลืมเอากุญแจไว้
5. หลัก 3-2-1 (แบบไม่งง)
3 ชุด: สำรอง 3 สำเนา เผื่อเจ๊งซ้ำ
2 ประเภท: เก็บในฮาร์ดดิสก์+คลาวด์ (กันพังคู่)
1 ชุดนอกสถานที่: กันไฟไหม้ น้ำท่วม หรือแมวพัง
6. ทิ้งท้ายแบบฮา ๆ
"ถ้าข้อมูลหาย คำถามแรกคือใครลบ... แต่ถ้าสำรองไว้ คำถามจะเปลี่ยนเป็น 'แล้วทำไมไม่สำรองให้ครบ?' "
"ระบบสำรองคือประกันชีวิตของไฟล์... ขาดไม่ได้ถ้าอยากให้ชีวิตงานสงบสุข"
สำรองวันนี้ ชีวิตพรุ่งนี้จะง่ายขึ้น!

51
การสำรองข้อมูล (Data Backup) เป็นกระบวนการที่สำคัญสำหรับการรักษาความปลอดภัยและความต่อเนื่องของข้อมูลในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น ความเสียหายของฮาร์ดแวร์ การโจมตีจากมัลแวร์ หรือการลบข้อมูลโดยไม่ตั้งใจ การสำรองข้อมูลมีองค์ประกอบและปัจจัยที่ควรพิจารณา ดังนี้:

1. ความสำคัญของการสำรองข้อมูล
ป้องกันการสูญเสียข้อมูล: ลดความเสี่ยงที่ข้อมูลสำคัญจะสูญหายเนื่องจากปัญหาต่าง ๆ
การกู้คืนระบบ: ช่วยให้องค์กรหรือบุคคลสามารถกู้คืนข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและลดเวลาหยุดชะงัก
ปฏิบัติตามกฎหมายหรือมาตรฐาน: ในบางองค์กรจำเป็นต้องสำรองข้อมูลเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบ
2. รูปแบบของการสำรองข้อมูล
Full Backup: สำรองข้อมูลทั้งหมดในระบบ ข้อดีคือการกู้คืนรวดเร็ว แต่ใช้พื้นที่และเวลามาก
Incremental Backup: สำรองเฉพาะข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่การสำรองครั้งล่าสุด ใช้เวลาน้อยลง แต่การกู้คืนอาจซับซ้อน
Differential Backup: สำรองข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงตั้งแต่ Full Backup ล่าสุด การกู้คืนง่ายกว่า Incremental แต่ใช้พื้นที่มากกว่า
Mirror Backup: การทำสำเนาข้อมูลที่อัปเดตแบบเรียลไทม์ เหมาะสำหรับข้อมูลที่ต้องการความทันสมัย
3. อุปกรณ์และสื่อในการสำรองข้อมูล
ฮาร์ดดิสก์ภายนอก (External Hard Drive): เหมาะสำหรับบุคคลทั่วไปหรือธุรกิจขนาดเล็ก
เซิร์ฟเวอร์สำรอง (Backup Server): ใช้ในองค์กรที่ต้องการความปลอดภัยและการจัดการข้อมูลที่ดี
คลาวด์ (Cloud Backup): การเก็บข้อมูลไว้ในระบบคลาวด์ เช่น Google Drive, Dropbox, AWS หรือ Azure
เทปสำรองข้อมูล (Tape Backup): ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการเก็บข้อมูลระยะยาว
NAS (Network Attached Storage): อุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายสำหรับการสำรองข้อมูลในองค์กร
4. ขั้นตอนการสำรองข้อมูล
วิเคราะห์ความต้องการ: ระบุข้อมูลสำคัญและความถี่ในการสำรอง
เลือกวิธีและสื่อที่เหมาะสม: เลือกประเภทของการสำรองและอุปกรณ์ที่ตอบสนองความต้องการ
ตั้งค่าระบบสำรองข้อมูล: ใช้ซอฟต์แวร์หรือระบบที่เหมาะสม เช่น Acronis, Veeam, หรือ Windows Backup
กำหนดตารางเวลา: วางแผนการสำรองข้อมูล เช่น รายวัน รายสัปดาห์ หรือรายเดือน
ตรวจสอบและทดสอบ: ทดสอบการกู้คืนข้อมูลเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าระบบทำงานได้อย่างสมบูรณ์
5. ข้อควรระวัง
หลีกเลี่ยงการสำรองในสถานที่เดียวกับข้อมูลต้นฉบับ: ในกรณีไฟไหม้หรือภัยพิบัติ อาจทำให้ข้อมูลทั้งหมดสูญหาย
เข้ารหัสข้อมูล (Encryption): เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
รักษาความต่อเนื่องของข้อมูล (Retention Policy): ตั้งนโยบายการเก็บรักษาข้อมูลที่ไม่จำเป็นเพื่อลดการใช้พื้นที่
ตรวจสอบอุปกรณ์สำรองข้อมูล: เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ยังทำงานได้ดี
6. แนวทางปฏิบัติที่ดี
ใช้หลักการ 3-2-1 Backup Rule:
3: สำรองข้อมูลอย่างน้อย 3 ชุด
2: เก็บไว้ในสื่อที่แตกต่างกันอย่างน้อย 2 ประเภท
1: เก็บข้อมูลสำรองไว้นอกสถานที่ 1 ชุด
การสำรองข้อมูลอย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณสามารถปกป้องข้อมูลสำคัญและลดผลกระทบจากเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้อย่างมีประสิทธิภาพ.

52
เครื่องถอดเทป ฟิลลิป vendor เค้ายังซัพพอร์ตอยู่ป่ะครับ หาไลน์ไม่เจอแล้ว
intelligent service ถอดเทป philip
0655791365

53
การคำนวณ Lot size เป็นอีกหนึ่งพื้นฐานในการ Money Management ซึ่งปัจจัยหลักๆในการกดเทรดมีอยู่ 3 อย่าง คือ

เงินทุน หรือ Balance ในพอร์ต
เปอร์เซนต์ความเสี่ยงที่เรารับได้ เช่น 2%, 5%, 10%
ระยะ SL ของแผนนั้น
ซึ่งสูตรคำนวณในการออกล็อต คือ จำนวนล็อตที่กด = (Balance x เปอร์เซนต์ความเสี่ยง) / ระยะ SL


เช่น ถ้าเราเข้าเทรดทองที่ 1940 SL ที่ 1935 เมื่อคำนวณระยะกราฟ SL จะเท่ากับ 500จุด ถ้าพอร์ตของเราเป็น 1,000 เหรียญ รับความเสี่ยงได้ 5% จำนวน Lot ที่เราจะต้องกดจะเท่ากับ (1000 x 5%)/500 = 0.1 lot

แต่ถ้าเราเพิ่มระยะ SL เป็น 1000 จุด จะออก lot ได้ (1000 x 5%)/1000 = 0.05 lot

แสดงว่าถ้าเราวาง SL ไกลขึ้น ไม่ได้หมายความว่าความเสี่ยงเรามากขึ้น แต่เราใช้ความเสี่ยงเท่าเดิมโดยการออก lot ที่ลดลง

ถ้ามีพอร์ต 100 เหรียญ  SL 500 จุด รับความเสี่ยงได้ที่ 5% ของพอร์ต 100 เหรียญ  จะออก lot ได้ 0.01
ถ้าเกิดเราเพิ่มเป็น SL 800 จุด ถ้าคำนวณตามสูตรเราจะต้องออก lot เท่ากับ 0.006 แต่ 0.01 คือขนาด lot ที่เล็กที่สุดที่เราสามารถกดได้ เพราะฉะนั้นถ้าเรากด 0.01 โดยวาง SL 800 จุดจะกลายเป็นว่า SL ของเราเท่ากับ 8% ซึ่งมากกว่าความเสี่ยง 5% ที่เรารับได้

เพราะฉะนั้นถ้าให้แนะนำสำหรับใครเริ่มต้นปั้นพอร์ตควรเริ่มต้นที่ $300 ขึ้นไปจะทำให้การ Money Management ทำได้ง่ายขึ้น เพราะสามารถแบ่งไม้เข้าเทรด หรือแบ่งปิดก่อนได้  เพราะถ้า lot size ที่คำนวณได้คือ 0.01 เราจะไม่สามารถแบ่งไม้เข้าเทรดได้

54
หากอ้างอิงจากแนวทางของหนังสือ "เทรดอย่างไรให้ได้กำไรใน 20 นาที" เทคนิคที่สามารถนำไปใช้งานได้จริงจากเนื้อหาหลักของหนังสือมีดังนี้:


---

1. การเลือกช่วงเวลาในการเทรด

ช่วงเวลาที่ตลาดมีความผันผวนสูง:

ตลาดหุ้น: ช่วงเปิดตลาด (09:30-10:30 น.) และก่อนตลาดปิด (15:00-16:00 น.)

ตลาด Forex: ช่วงที่ตลาดยุโรปและสหรัฐฯ เปิดพร้อมกัน (ช่วงเย็นถึงดึกเวลาไทย)
เทคนิคนี้ช่วยให้คุณเน้นเทรดเฉพาะเวลาที่มีโอกาสทำกำไรมากที่สุด โดยไม่ต้องเฝ้าจอตลอดวัน




---

2. กลยุทธ์ Opening Range Breakout (ORB)

วิธีใช้งาน:

สังเกตกราฟในช่วง 15-30 นาทีแรกหลังตลาดเปิด

กำหนด "ช่วงราคาสูงสุด" และ "ช่วงราคาต่ำสุด" ในช่วงเวลานั้น

เมื่อราคาทะลุกรอบสูงสุด (Breakout) หรือหลุดกรอบต่ำสุด (Breakdown) ให้เปิดสถานะตามทิศทางนั้น

ตั้ง Stop Loss ไว้ใต้กรอบต่ำสุดหรือสูงสุดที่เพิ่งกำหนด
เหมาะสำหรับตลาดที่มีปริมาณซื้อขายสูงและมีแนวโน้มชัดเจน




---

3. การใช้เส้น Moving Average (MA)

เส้น MA ที่แนะนำ:

ใช้เส้น MA 10 วัน (ระยะสั้น) และ MA 50 วัน (ระยะกลาง)


สัญญาณเทรด:

ซื้อ: เมื่อ MA 10 ตัดขึ้นเหนือ MA 50 (Golden Cross)

ขาย: เมื่อ MA 10 ตัดลงต่ำกว่า MA 50 (Death Cross)
เทคนิคนี้ช่วยกรองสัญญาณเทรดในตลาดที่มีแนวโน้ม (Trending Market)




---

4. การตั้ง Stop Loss และ Take Profit

Stop Loss:

ตั้งจุดขาดทุนไว้ที่ 1-2% ของเงินทุนสำหรับการเทรดแต่ละครั้ง

หลีกเลี่ยงการปรับ Stop Loss ระหว่างเทรด (เพื่อลดอารมณ์ความโลภ)


Take Profit:

ตั้งกำไรเป้าหมายที่ 2-3 เท่าของความเสี่ยง (เช่น ถ้าความเสี่ยงคือ 100 บาท กำไรเป้าหมายควรเป็น 200-300 บาท)
เทคนิคนี้ช่วยควบคุมความเสี่ยงและรักษาผลกำไร




---

5. การเทรดตามแนวรับ-แนวต้าน (Support & Resistance)

วิธีใช้งาน:

หาจุดแนวรับ (ราคาต่ำที่มักมีแรงซื้อ) และแนวต้าน (ราคาสูงที่มักมีแรงขาย)

ซื้อ: เมื่อราคาขึ้นจากแนวรับด้วยปริมาณซื้อขายเพิ่มขึ้น

ขาย: เมื่อราคาลงจากแนวต้านหรือทะลุแนวรับ
เทคนิคนี้เหมาะกับตลาดที่มีการเคลื่อนไหวแบบ Sideway




---

6. การอ่านแท่งเทียนพื้นฐาน

แท่งเทียนสำคัญ:

แท่งเทียน "Hammer" หรือ "Pin Bar": สัญญาณกลับตัวจากขาลงไปขาขึ้น

แท่งเทียน "Engulfing": สัญญาณการเปลี่ยนทิศทางที่ชัดเจน
เทคนิคนี้ช่วยให้คุณวิเคราะห์การกลับตัวของตลาดได้ง่ายขึ้น




---

7. เทรดตามข่าว (News Trading)

วิธีใช้งาน:

ติดตามปฏิทินเศรษฐกิจ (Economic Calendar) เช่น การประกาศตัวเลข GDP, การปรับดอกเบี้ย ฯลฯ

เปิดสถานะตามแนวโน้มหลังข่าวออก (เน้นสินทรัพย์ที่มีปริมาณซื้อขายสูง)

ตั้ง Stop Loss ให้ห่างเพื่อป้องกันความผันผวน
คำเตือน: ต้องมีประสบการณ์ เนื่องจากตลาดอาจผันผวนสูงหลังข่าว




---

สรุป

เทคนิคที่แนะนำในหนังสือเล่มนี้ เน้นที่การเทรดระยะสั้นโดยใช้เครื่องมือพื้นฐาน เช่น เส้น MA, แนวรับ-แนวต้าน และการอ่านแท่งเทียน ควบคู่ไปกับการตั้ง Stop Loss ที่รัดกุม เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความกระชับและมีเวลาเทรดจำกัด ลองเริ่มต้นจากกลยุทธ์ง่าย ๆ เช่น ORB หรือ MA แล้วปรับให้เข้ากับสไตล์ของคุณเอง!

55
หนังสือ "เทรดอย่างไรให้ได้กำไรใน 20 นาที" เป็นหนังสือที่เขียนขึ้นเพื่อช่วยนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ โดยเฉพาะคนที่มีเวลาไม่มากในการลงทุนรายวัน หรือที่เรียกว่าการเทรดแบบ Day Trading ซึ่งเป็นรูปแบบการซื้อขายที่เน้นทำกำไรในช่วงเวลาสั้น ๆ (เช่น ภายในวันเดียว)

เนื้อหาโดยรวม

หนังสือเล่มนี้มุ่งเน้นไปที่การให้กลยุทธ์และเทคนิคที่ใช้งานได้จริงสำหรับการเทรดในตลาดหุ้น ฟอเร็กซ์ หรือสินทรัพย์อื่น ๆ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยให้ผู้อ่านสร้างผลตอบแทนที่ดีภายในระยะเวลาที่สั้นที่สุด โดยการวางแผนและใช้วิธีการที่เหมาะสมกับจังหวะของตลาด

ประเด็นสำคัญในหนังสือ

1. การวิเคราะห์ตลาดในเวลาอันสั้น
หนังสือเน้นการใช้เครื่องมือที่เรียบง่าย เช่น การวิเคราะห์ทางเทคนิค (Technical Analysis) โดยเลือกเฉพาะเครื่องมือหรืออินดิเคเตอร์ที่สำคัญ เช่น

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (Moving Averages)

รูปแบบกราฟแท่งเทียน (Candlestick Patterns)

เส้นแนวรับและแนวต้าน (Support and Resistance)



2. การบริหารความเสี่ยง
ผู้เขียนเน้นเรื่องการตั้งเป้าหมายกำไรและการจำกัดการขาดทุน (Stop Loss) อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการขาดทุนหนัก


3. กลยุทธ์การเทรดระยะสั้น
มีการยกตัวอย่างกลยุทธ์ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง เช่น

การเทรดในช่วงเวลาเปิดตลาด (Opening Range Breakout)

การจับจังหวะช่วงข่าวเศรษฐกิจสำคัญ

การใช้รูปแบบกราฟในการหาสัญญาณซื้อ-ขาย



4. การจัดการเวลา
หนังสือเหมาะสำหรับคนที่ต้องการลงทุนแต่มีเวลาจำกัด โดยชี้ให้เห็นว่าคุณไม่จำเป็นต้องเฝ้าหน้าจอทั้งวัน เพียงแค่เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม (เช่น ช่วงตลาดมีความผันผวนสูง)


5. จิตวิทยาการเทรด
หนังสือยังกล่าวถึงความสำคัญของการควบคุมอารมณ์ เช่น ความโลภและความกลัว ที่อาจทำให้เกิดการตัดสินใจผิดพลาด



ข้อดี

หนังสือเขียนด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย แม้มือใหม่ก็สามารถติดตามได้

เน้นการปฏิบัติจริงมากกว่าทฤษฎี

มีตัวอย่างและคำแนะนำที่จับต้องได้


ข้อเสีย

อาจไม่ครอบคลุมสำหรับคนที่ต้องการเทรดระยะยาว (Long-Term Investment)

เทคนิคบางอย่างอาจต้องการประสบการณ์หรือการฝึกฝนเพิ่มเติม


สรุป

หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจการเทรดรายวัน (Day Trading) และกำลังมองหาวิธีสร้างผลกำไรในเวลาสั้น ๆ โดยเน้นเครื่องมือและกลยุทธ์ที่ไม่ซับซ้อน เหมาะสำหรับคนที่มีเวลาจำกัดหรือกำลังเริ่มต้นเรียนรู้ตลาดการเงิน

ถ้าคุณสนใจการบริหารเวลาและเทคนิคที่กระชับ หนังสือเล่มนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคุณ!

56
ในบทความนี้ ผมจะพาคุณไปรู้จักกับ 10 คำสั่ง Prompt บน ChatGPT ที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะเป็นนักการตลาดดิจิทัล ผู้สร้างคอนเทนต์ หรือเจ้าของธุรกิจ คำสั่งเหล่านี้จะช่วยสร้างไอเดียหาคีย์เวิร์ด  ตรงเป้าหมาย และเพิ่มโอกาสในการติดอันดับใน Google อย่างมีประสิทธิภาพ

ChatGPT Prompt คืออะไร
ChatGPT Prompt คือ ข้อความหรือคำสั่งที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไปใน ChatGPT เพื่อให้ระบบประมวลผลและสร้างคำตอบหรือเนื้อหาตามที่ต้องการ

คำว่า “Prompt” หมายถึงการกระตุ้นหรือการชี้นำ ซึ่งในกรณีของ ChatGPT คำสั่ง Prompt เป็นเหมือนคำแนะนำหรือคำถามที่ใช้ในการกระตุ้นให้ AI สร้างสรรค์เนื้อหาหรือคำตอบที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด

คำสั่ง Prompt บน ChatGPT ที่ช่วยให้การทำ SEO ง่ายขึ้น มีดังนี้
1. ช่วยหา longtail keyword
ตัวอย่าง Prompt

สร้างตาราง longtail keyword 10 คำ สำหรับ กล้องวงจรปิด ตั้งชื่อคอลัมน์แรกเป็น ‘longtail keyword’ ตั้งชื่อคอลัมน์ที่สองเป็น ‘Search intent’

2. ช่วยตั้งชื่อเรื่องบทความให้ดูน่าสนใจ
ตัวอย่าง Prompt

ช่วยคิดชื่อเรื่องบทความเกี่ยวกับ ‘วิธีเลือกกล้องวงจรปิด’ ที่ดึงดูดความสนใจของผู้อ่านและทำให้บทความดูน่าสนใจ ขอ 10 ตัวอย่าง
แนะนำชื่อเรื่องบทความเกี่ยวกับ ‘วิธีเลือกกล้องวงจรปิด’ ที่เน้นการให้คำแนะนำแก่ผู้ที่ไม่เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยี
คิดชื่อเรื่องบทความที่เกี่ยวกับ ‘วิธีเลือกกล้องวงจรปิด’ ที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าเป็นเรื่องสำคัญและเร่งด่วน

3. ช่วยหาคำขยายความของ Title
หลักการปรับแต่ง SEO พื้นฐาน คือการพยายามแต่ง Title ของแต่ละหน้าให้มีความแตกต่างกัน แต่บางทีหากเราจำเป็นต้องทำเนื้อหาเป็นร้อยหน้า เราก็จะเริ่มนึกคำใหม่ๆ ไม่ออก เราจึงสามารถใช้ Chatgpt ช่วยคิดคำขยายพวกนี้ได้


ตัวอย่าง Prompt

ช่วยคิด Power word กระตุ้น คนอยากคลิกเข้าไปอ่านบทความ สำหรับกลุ่มธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม ที่เป็นภาษาไทย มา 50 คำ
ช่วยคิดคำที่บ่งบอกถึง “ผลลัพธ์ที่ต้องการ” ที่ลูกค้าจะได้รับในกลุ่มธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม เน้นไปที่ด้านผิว 50 คำ
ช่วยคิดคำที่บ่งบอกถึง “ประโยชน์” ที่ลูกค้าจะได้รับในกลุ่มธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม 50 คำ
ช่วยคิดคำที่บ่งบอกถึง “ประโยชน์ที่วัดผลได้” ที่ลูกค้าจะได้รับในกลุ่มธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม เน้นไปที่ใบหน้า 50 คำ
ช่วยคิดคำ ที่ประกอบได้ด้วยคำว่า “แก้ปัญหา” + “ผลลัพธ์เชิงลบ” ที่ลูกค้าจะได้รับในกลุ่มธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม 50 คำ
ช่วยคิดคำ ที่ประกอบได้ด้วยคำว่า “แก้ปัญหา” + “สิว” + “คำกระตุ้นให้คนอยากคลิก” ที่ลูกค้าจะได้รับในกลุ่มธุรกิจศัลยกรรมเสริมความงาม 50 คำ

4. ช่วยหา Blog topic idea + Search intent
เราสามารถสั่ง chatgpt ด้วยคำสั่งที่ละเอียดมากขึ้นได้ ยิ่งเราสั่งละเอียดเท่าไหร่ ผลลัพธ์ก็จะเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง Prompt

สมมุตว่าคุณเป็นนักการตลาดด้านอาหาร ช่วยหาไอเดียการทำบทความเกี่ยวกับ “คอลลาเจน” ให้แสดงผลเป็นตารางด้วยคอลัมน์เหล่านี้: Blog Title, Search Intent, Meta Description คอลัมน์ Blog Title ประกอบด้วยชื่อของบล็อก คอลัมน์ Search Intent ประกอบด้วยเจตนาของผู้ใช้เมื่อค้นหาข้อมูล แนะนํา Meta Description สําหรับคอลัมน์ Meta Description ทําให้เนื้อหามีประโยชน์ กระชับ และมีส่วนร่วม จํากัดผลงานของคุณไว้ที่ 10 ชื่อบทความเท่านั้น

5. ค้นหา Topic Questions
บางทีเรานึกไม่ออก ว่าสินค้าที่เราขาย มีคนตั้งคำถาม กับสิ่งเหล่านี้ว่าอะไรบ้าง เราก็สามารถใช้ chatgpt ช่วยหาคำถามพวกนี้ได้

ตัวอย่าง Prompt

สร้าง 10 คำถามที่คิดว่าผู้คนอยากรู้เกี่ยวกับ “อะโวคาโด”
สร้าง 10 คำถามที่คิดว่าผู้คนอยากรู้เกี่ยวกับ “กล้องวงจรปิด”
สร้าง 10 คำถามที่คิดว่าผู้คนอยากรู้เกี่ยวกับ “ประกันรถยนต์”

6. ช่วยคิด keyword cluster ให้กลุ่มคำที่ต้องการ
Google มองหาเว็บที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะเรื่อง การทำเนื้อหาให้เจาะจงเรื่องใดเรื่องนึงโดยเฉพาะ เป็นกลยุทธ์ SEO ที่ควรทำในปัจจุบัน การใช้ Keyword Cluster นี้จะช่วยให้เนื้อหาครอบคลุมทุกด้านที่ผู้สนใจบริการของเรา เพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้ใช้ที่ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น

ตัวอย่าง Prompt

ช่วยคิด keyword cluster เกี่ยวกับบริการเสริมจมูก
ช่วยคิด keyword cluster เกี่ยวกับบริการรับจัดสวน

7. ช่วยสร้างโครงร่างเนื้อหาและบทสรุป
เครื่องมือ AI ทุกชนิด ไม่เหมาะกับการนำมาใช้เขียนบทความขนาดยาว เพราะ Google จะมีโปรแกรมที่เอาไว้ตรวจจับเนื้อหา AI โดยเฉพาะ แต่เราสามารถใช้ ChatGPT ช่วยคิดโครงร่างเนื้อหาได้

ตัวอย่าง Prompt

สร้างโครงร่างเนื้อหาสําหรับบทความเรื่อง “ออกแบบสวนหน้าบ้าน”
สร้างโครงร่างเนื้อหาสําหรับบทความเรื่อง “วิธีเลือกซื้อประกันชีวิต”

8. ค้นหาลิงก์ภายในเว็บ เพื่อเชื่อมโยงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกัน
การใส่ลิงก์เชื่อมโยงเนื้อหาต้องทำให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด และลิงก์เชื่อมโยงต่างๆ ไม่ว่าจะลิงก์ภายในหรือภายนอกต้องมีความสัมพันธ์กับเนื้อหาต้นทางด้วย

ตัวอย่าง Prompt

ฉันกำลังเขียนบทความเรื่อง [ใส่ topic หรือ keyword] คุณช่วยแนะนำลิงก์ภายในที่เกี่ยวข้องในเว็บ [ใส่ URL ของเว็บ] ได้ไหม
ฉันกำลังเขียนบทความเรื่อง Ai content คุณช่วยแนะนำลิงก์ภายในที่เกี่ยวข้องในเว็บ https://padveewebschool.com/ ได้ไหม

9. ช่วยค้นหา Knowledge Gaps ในแต่ละธุรกิจ
Knowledge Gaps ช่องว่างขององค์ความรู้ ที่อาจจะมีคนพูดถึงยังไม่เยอะ หรือพูดถึงยังไม่ละเอียดดีพอ เราสามารถค้นหาสิ่งเหล่านี้ แล้วนำมาพัฒนาคอนเทนต์ของเรา ให้ดียิ่งขึ้นได้

ตัวอย่าง prompt

ช่วยค้นหา Knowledge Gaps ในกลุ่มธุรกิจเสริมจมูก ให้หน่อย
ช่วยค้นหา Knowledge Gaps ในกลุ่มธุรกิจรับสร้างบ้าน ให้หน่อย

10. ใช้ ChatGPT ช่วยหา backlink
อยากทำ backlink แต่ไม่รู้จะไปหาที่ไหนดี เราก็สามารถให้ ChatGPT ช่วยแนะนำให้ได้เลย

ตัวอย่าง prompt

ช่วยแนะนำวิธีหา Backlink คุณภาพสูงสำหรับเว็บไซต์ธุรกิจในกลุ่มสุขภาพ พร้อมตัวอย่างเว็บไซต์ที่สามารถขอ Backlink ได้
ช่วยแนะนำกลยุทธ์การสร้าง Backlink สำหรับเว็บไซต์ [ระบุประเภทเว็บไซต์ เช่น อีคอมเมิร์ซ, บล็อก, เว็บไซต์ข่าว] เพื่อเพิ่มอันดับใน Google
ช่วยสร้างรายชื่อเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์มที่สามารถทำ Guest Post เพื่อสร้าง Backlink สำหรับเว็บไซต์ในกลุ่มเอเจนซี่รับทำการตลาดออนไลน์”
ช่วยแนะนำวิธีหา Backlink จากเว็บบอร์ดหรือชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาซอฟต์แวร์
ช่วยหาแหล่ง Backlink จากเว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูงในกลุ่มการท่องเที่ยว พร้อมคำแนะนำในการติดต่อเพื่อขอ Backlink
อ่านเพิ่มเติม: วิธีซื้อ Guest Post เพื่อทำ backlink


สรุป
ChatGPT เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของ SEO โดยสามารถช่วยในกระบวนการต่างๆ ตั้งแต่การทำ keyword research การสร้างเนื้อหา การเขียน Meta Tags การหา backlink และการปรับปรุงเนื้อหาที่มีอยู่

แต่จุดเด่นของเขา เหมาะไปกับการหาไอเดีย เพื่อนำมาต่อยอดการทำคอนเทนต์ มากกว่าการคัดลอกเนื้อหาทุกอย่างที่ ChatGPT สร้าง แล้วนำมาใช้บนเว็บ เพราะมีความเสี่ยงในการโดน Google ตรวจจับเรื่องการใช้ AI ผลิตเนื้อหาจำนวนมากนั้นเอง

57
เทคนิคปั้นพอต Snowball ( ใช้ Bonus ของโบรคจะสบายขึ้นสำหรับคนเข้ามาใหม่ )
เริ่มแรกผมมี 300 USD ผมจะแบ่งเป็น 10 พอต พอตละ 30 USD
พอตแรก 30 USD ผมจะแบ่งเล่น 2 ไม้ SL ไม้ละ 15 USD ใช้ RR 1:2 ++
เทรดไปเรื่อยๆตามระบบสถิติจนกว่าจะครบ 100 USD
ครบ 100 USD  ผมจะแบ่งไม้เล่น 2 ไม้ SL ไม้ละ 50 USD ใช้ RR 1:2 เท่านั้น
( ที่ใช้ RR 1:2 เพราะ Winrate 1:2 จะมีโอกาศที่เราจะ TP เยอะกว่า 1:3 ตามหลังคณิตศาสตร์ )
ถ้ามันแหกแพ้ 2 ไม้ติดก็เริ่มใหม่ เพราะเรามีให้เล่นอีก 18 ไม้ ( 9x2 )
ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็ได้ 300 USD เองครับ
ใครอยากได้แบบคลิปทักมานะครับไม่แน่ใจว่ากลุ่มนี้แปะลิ้งค์ Youtube ได้มั้ย

58
ผมยังไม่สำเร็จ แต่ก็มีความคืบหน้าตลอด MM ผมใช้เวลาฝึกนานมาก กว่าจะทำใจยอมรับมันได้ ตอนนี้ผมฝึก rr ให้มันได้ 1:1.5 ทุกไม้ ผมเลิกคดหวัง win rate สวยหรู เอาแค่ สูงกว่า 50% และ rr 1:1.5 โดยหลักการแล้วต้องได้กำไร เราก็แค่ต้องฝึกจิตใจ ให้ยอมรับมันให้ได้

มีเป้าหมาย มีวินัย ไม่โลภเกินไป และทำอารมณ์ให้นิ่งที่สุด ส่วนตัวมีแค่นี้จริงๆครับ

ลองหาวิเคราะห์ฟังดูครับ ของฟรีมีอยุ่เหมือนกัน จะได้เป็นแนวทางได้

MM กับ มีระบบแก้ไม้ กำไรทุกวัน

ยังไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าสำเร็จ แต่จากการผ่านตลาดมา
คุมให้ได้ 3 อย่างครับ
1.) MM จัดการทุน
2.)คุม RR ให้คงที่
3.)ใส่ใจเรื่องการยืนระยะ
ยังไงก็ต้องสำเร็จเข้าสักวันครับ

ทางลัดที่ง่ายที่สุดสำหรับผมคือ MM แล้ว เลิกโลภครับ เป้าผม 0.5-1 เปอร์ ต่อวัน โดยคุม DD ไม่ให้เกิน 5% Worst Case คัตลอสไม่เกิน 15% ครับ
ทำได้จริงเป็นปีละอยู่สบายไม่ลำบาก ถ้ามองกำไรน้อยก็วางแผน เอากำไรมาทบต้นทบดอก เอาจะได้สูงขึ้น แบบชิลๆ ไม่ฟุ้ง


ค้นหาให้พบ ว่ามันไปแค่จุดไหน..แล้วกลับตัวตรงไหน สั้นหรือยาวก็สำเร็จ




59
บทความนี้จะมาแนะนำอีกหนึ่ง policy ที่คิดว่าไอทีขององค์กรกำลังมองหาอยู่ ซึ่งก็คือวิธีสร้าง Group Policy เพื่อเปลี่ยนรูป Wallpaper หน้าจอเครื่อง Client ภายใต้ระบบ Domain Controller โดยให้ใช้รูปภาพเดียวกันทุกเครื่อง สำหรับองค์กรที่ใช้งาน Active Directory เพื่อควบคุมเครื่อง Client ภายในระบบ network ขององค์กร อาจจะเป็นรูป Logo บริษัท หรือ รูปภาพอื่นๆ ตามที่ต้องการ โดยทำได้ทั้ง Windows Server 2008 R2 / Server 2012 / R2 และ Server 2016 เหมือนกันครับ

วิธีการ Deploy Desktop Background Wallpaper using Group Policy
ก่อนอื่นก็เตรียมรูปภาพที่ต้องการนำไปใช้งานครับ แล้วทำการเปิกแชร์โฟลเดอร์ที่เก็บรูปภาพนั้นไว้ เพื่อที่จะนำไปใส่ในส่วนของ Policy โดยจะแนะนำใช้เป็น UNC path ที่ลิงก์จากเครื่อง DC นั้งเอง เช่น “\\Server\wallpaper\picture.jpg” เมื่อเตรียมเสร็จแล้วก็มาเริ่มสร้าง Policy เปลี่ยนรูป Wallpaper กันเลยครับ

ให้เปิด Group Policy Management จากนั้นที่หน้าต่างของ Group Policy Management Console ให้ทำการสร้าง GPO ขึ้นมาใหม่ โดยการคลิกขวาที่ Domain แล้วเลือก Create a GPO in this domain and link it here
Group Policy Management Console
กำหนดชื่อ GPO ที่สร้างใหม่ตามที่ต้องการ
Create a GPO in this domain and link it here
จากนั้นเราจะได้ GPO เพิ่มมาใหม่ ให้ทำการแก้ไข GPO ใหม่ โดยที่ GPO ให้คลิกขวา แล้วเลือก Edit

ที่หน้าต่าง Group Policy Management Editor ให้คลิกเลือก User Configuration > เลือก Administrative Templates > เลือก Desktop > เลือก Desktop อีกครั้ง > จากนั้นที่ช่องด้านขวาให้เปิด Desktop Wallpaper
Edit GPO Wallpaper


เลือก Enabled และที่ช่อง wallpaper name ให้ใส่ UNC Path ที่ได้เปิดแชร์รูปภาพไว้ แล้วเปลี่ยนค่า wallpaper style เป็น Fill

เมื่อเสร็จแล้วก็คลิก Ok แล้วก็ปิดหน้าต่างที่เปิดไว้ลงไปให้หมด
แค่นี้ก็เสร็จแล้วครับ จากนั้นก็ให้ทำการ update policy โดยใช้คำสั่ง gpupdate หรือ gpupdate /force ที่เครื่อง DC และส่วนที่ Client ถ้ายังไม่รีบใช้ ณ เดี๋ยวนั้นก็ให้รอเปิดเครื่องวันถัดไปก็จะได้รับ Policy เองอยู่แล้วครับ แต่ถ้าอยากจะทดสอบก็ให้ทำ update policy สักเครื่องก็พอ

60
7 ช่อง Youtube ไม่โชว์หน้า
แต่มีรายได้หลักแสนถึงหลักล้าน แบบต่อเนื่อง
.
จากการศึกษาและวิเคราะห์ช่อง Youtube นับร้อย ของ Awais นักการตลาดออนไลน์และนักเขียน ที่ค้นพบ 7 ประเภทช่องที่สร้างรายได้ดีที่สุดในปี 2024
.
สิ่งที่น่าสนใจคือ ยอดวิวที่สูงไม่ได้หมายถึงรายได้ที่สูงตาม เห็นได้จากช่องเกมที่มียอดวิว 500,000 วิว สร้างรายได้ 920 ดอลลาร์ ในขณะที่ช่องพัฒนาตัวเองที่มียอดวิวเพียง 45,000 วิว กลับสร้างรายได้ถึง 641 ดอลลาร์
.
เหตุผลเพราะค่าโฆษณา (CPM) ของแต่ละประเภทช่องไม่เท่ากัน โดยช่องเกมมี CPM เพียง 3.99 ดอลลาร์ต่อ 1,000 วิว ขณะที่ช่องพัฒนาตัวเองมี CPM สูงถึง 51.50 ดอลลาร์ต่อ 1,000 วิว ต่างกันถึง 15 เท่า
.
โดยสรุป 7 ประเภทของช่องที่ทำเงินได้ ดังนี้
.
1. ช่องข่าวและอัปเดตเกี่ยวกับ AI มาแรงที่สุด
.
ศักยภาพในการทำเงิน 10/10 คะแนน ความง่ายในการผลิต 10/10 คะแนน เฉลี่ย 10/10 คะแนน
.
ตัวอย่างช่อง The AI Grid รายได้ 660,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเป็นช่องที่เพิ่งเปิดในปีที่ผ่านมาแต่เติบโตอย่างมาก ใช้สต็อกฟุตเทจและรูปภาพที่เกี่ยวกับ AI และแบรนด์ต่างๆ มาสร้างคอนเทนต์ เทรนด์ AI จะยังคงเติบโตและสร้างโอกาสอีกหลายปี
.
2. ช่องเล่าเรื่องธุรกิจและสารคดี รายได้สูง
เพราะเป็นคอนเทนต์ที่มีคุณค่า
.
ศักยภาพในการทำเงิน 10/10 คะแนน ความง่ายในการผลิต 8/10 คะแนน เฉลี่ย 9/10 คะแนน
.
ตัวอย่างช่อง Magnates Media และ Company Man รายได้ 895,000 บาทต่อเดือน แม้จะมีช่องใหม่ๆ ในนิชนี้ไม่มาก แต่เป็นคอนเทนต์ที่อยู่ได้นาน ถ้าทำได้ดีจะได้ยอดวิวตลอดไป ทั้งสองช่องใช้สต็อกวิดีโอ รูปภาพ และเนื้อหาจากอินเทอร์เน็ต มาเล่าเรื่องราวธุรกิจ ส่วนที่ยากที่สุดคือการหาเรื่องราวและเขียนสคริปต์ให้น่าสนใจ แต่สามารถใช้ AI อย่าง ChatGPT หรือ Bard ช่วยได้
.
3. ช่องสรุปหนังสือ ผลิตง่าย ใช้ AI ช่วยได้
มีเนื้อหาใหม่ๆ ให้ทำตลอด
.
ศักยภาพในการทำเงิน 7/10 คะแนน ความง่ายในการผลิต 10/10 คะแนน เฉลี่ย 8.5/10 คะแนน
.
ตัวอย่างช่อง Escaping Ordinary มีผู้ติดตาม 1.1 ล้านคน รายได้ 1,480,000 บาทต่อเดือน เปิดมา 5 ปี ส่วน Book Every Day เพิ่งเปิดไม่ถึง 2 ปี หนังสือใหม่ออกทุกวัน จึงมีเนื้อหาให้ทำไม่จำกัด Escaping Ordinary ใช้แอนิเมชันและการตัดต่อขั้นสูง แต่ Book Every Day ใช้แค่สต็อกฟุตเทจ สามารถใช้ ChatGPT ช่วยสรุปหนังสือ และ InVideo AI สร้างวิดีโอได้
.
4. ช่องเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ รายได้ดี
แถมยังเป็นคอนเทนต์ที่ดูได้ตลอด
.
ศักยภาพในการทำเงิน 8/10 คะแนน ความง่ายในการผลิต 8/10 คะแนน เฉลี่ย 8/10 คะแนน
.
ตัวอย่างช่อง Alternative History Hub มีผู้ติดตาม 2 ล้านคน รายได้ 3,891,000 บาทต่อเดือน เปิดมา 11 ปี แต่นิชยังคงได้ผลดี ดูได้จากช่อง History Verse ที่เพิ่งเปิดเมื่อกรกฎาคม 2023 มีผู้ติดตามแล้ว 70,000 คน ยอดวิวกว่า 40 ล้านวิว Alternative History Hub ใช้แอนิเมชันตัวการ์ตูนและภาพถ่ายทางประวัติศาสตร์ แต่ History Verse ใช้ AI สร้างวิดีโอ 100%
.
5. ช่องสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี
อนาคตสดใส เพราะตลาดกำลังเติบโต
.
ศักยภาพในการทำเงิน 6/10 คะแนน ความง่ายในการผลิต 9/10 คะแนน เฉลี่ย 7.5/10 คะแนน
.
ตัวอย่างช่อง Bestie Health และ Body Hub รายได้ 265,000 บาทต่อเดือน ทั้งสองช่องเปิดมา 5-6 ปี ใช้แค่สต็อกฟุตเทจและเพิ่มข้อความเคลื่อนไหวง่ายๆ พร้อมเสียงพากย์ อุตสาหกรรมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีคาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในอีก 10 ปีข้างหน้า จึงมีโอกาสมาก
.
6. ช่องความรู้ด้านจิตวิทยา ผลิตง่าย
แต่รายได้ยังไม่สูงมาก
.
ศักยภาพในการทำเงิน 5/10 คะแนน ความง่ายในการผลิต 9/10 คะแนน เฉลี่ย 7/10 คะแนน
.
ตัวอย่างช่อง TopThink รายได้ 2,238,000 บาทต่อเดือน ผู้ติดตาม 2.67 ล้านคน นำเสนอในรูปแบบลิสต์ เช่น "12 เรื่องราวที่น่าสนใจ" หรือ "10 เหตุผลที่ต้องรู้" ด้านจิตวิทยา Psychology Arcade เป็นตัวอย่างหนึ่งของช่องที่เพิ่งเปิดในปีที่ผ่านมาและประสบความสำเร็จ TopThink ใช้แอนิเมชัน แต่คุณสามารถทำแบบง่ายๆ ด้วยเสียงพากย์และสต็อกฟุตเทจได้เช่นเดียวกับ Psychology Arcade
.
7. ช่องพัฒนาตัวเอง ทำเงินได้ดี
แต่ต้องใช้ทักษะการผลิตสูง
.
ศักยภาพในการทำเงิน 6/10 คะแนน ความยากในการผลิต 5/10 คะแนน เฉลี่ย 5.5/10 คะแนน
.
ตัวอย่างช่อง Improvement Pill มีผู้ติดตาม 3.5 ล้านคน รายได้ 2,169,000 บาทต่อเดือน เปิดมา 8 ปี เน้นคอนเทนต์ที่ใช้ได้ตลอด ส่วน J Wisdom เป็นช่องใหม่ที่เติบโตในปีที่ผ่านมา มีผู้ติดตาม 65,000 คน รายได้ 1,000 ดอลลาร์ต่อเดือน โดยลงคลิปแค่เดือนละ 1 ครั้ง Improvement Pill ใช้แอนิเมชันและการตัดต่อขั้นสูง แต่ J Wisdom ใช้แค่สต็อกฟุตเทจและคลิปหนัง
.
.
นี่เป็นเพียงไกด์ไลน์ในการเริ่มต้นของคนอยากมีช่องเป็นของตัวเอง ยิ่งเริ่มเร็ว ยิ่งได้เปรียบ เพราะตอนนี้เราอยู่ในยุคนี้ ทุกอย่างแทบจะพร้อมหมดแล้ว การทำช่องจะง่ายมากขึ้นไปอีก มีทั้งสต็อกฟุตเทจ หรือเครื่องมือ AI ที่เป็นตัวช่วย โอกาสสร้างรายได้หลักแสน ก็อยู่แค่เอื้อม
.
.
เขียนและเรียบเรียงโดย 100WEALTH
———
100WEALTH l ไปให้ถึง100ล้าน
.
#Business
#100WEALTH
#ไปให้ถึง100ล้าน
.
อ้างอิง
https://bit .ly/420VZ5h

61
จงสร้างทรัพย์สิน
ที่สามารถจ่ายกระแสเงินสด
ให้คุณได้ไว้ตั้งแต่ตอนที่ยังมีแรงดี

ชีวิตนี้มันไม่แน่นอนหรอกครับ
อยู่ ๆ คุณอาจจะป่วยหนักไม่มีแรงทำงาน
วันดีคืนดี ธุรกิจที่ทำอยู่อาจเริ่มไปไม่รอด
หรือถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน คุณอาจมีความจำเป็นต้องออกจากงาน

กันไว้ย่อมดีกว่าแก้
วันนี้ยังหาเงินได้ ออมเงินซะบ้าง
วันหน้ามีเงินออมแล้ว เรียนรู้ที่จะลงทุนสักหน่อย
วันต่อ ๆ ไป พอเข้าใจแล้วว่าจะลงทุนอย่างไร ลองลงทุนดู

ชีวิตนี้ไม่แน่ไม่นอน
ว่ากันว่า สิ่งที่แน่นอนที่สุดคือ
ความไม่แน่นอน

ใช่ครับ ความไม่แน่นอนในชีวิตนี่แหละ
ที่มันต้องเกิดขึ้นกับทุกคนแน่ ๆ
ความคิดยังดี สติยังมี กำลังยังไหว
จงเริ่มวางแผนชีวิต วางแผนการเงิน

63
งาน ที่ ต้อง  ไป ทำ ยัง ค้าง อยู่  16/09/58

1.บัลลังก์ 309  สาย แลน เสีย
2.เปลี่ยน คอม ใหม่ บัลลังก์ 301
3.เปลี่ยน คอมใหม่ บัลลังก์ 205
4.ติด ตั้ง คอม เพิ่ม ให้ ไกล่เกลี่ย User409
5.เปลี่ยนคอมใหม่ให้หัวหน้าส่วน ห้องไกลาเกลี่ย  user407
-----------------------------
6.บัลลังก์ 202 ติดตั้ง คอมใหม่
7.บัลลังก์ 204 ติดตั้งคอมใหม่
8.บัลลังก์ 209 ติดตั้ง คอมใหม่
9.บัลลังก์ 207 ติดตั้ง คอมใหม่
10.บัลลังก์ 203 ติดตั้ง คอมใหม่  เครื่องบันทึกเสียง Olympus
11.บัลลังก์ 201 ติดตั้ง คอมใหม่
12.บัลลังก์ 303 ติดตั้งคอมใหม่   เครื่องบันทึกเสียง Olympus
13.บัลลังก์ 305 ติดตั้ง คอมใหม่  เครื่องบันทึกเสียง Olympus
14.บัลลังก์ 307 ติดตั้ง คอมใหม่
15.บัลลังก์ 309 ติดตั้ง คอมใหม่  เครื่องบันทึกเสียง Olympus
16.บัลลังก์ 311 ติดตั้ง คอมใหม่
17.บัลลังก์ 313 ติดตั้ง คอมใหม่  เครื่องบันทึกเสียง Olympus
18.บัลลังก์ 308 ติดตั้ง คอมใหม่  เครื่องบันทึกเสียง Olympus
19.บัลลังก์ 310 ติดตั้ง คอมใหม่  เครื่องบันทึกเสียง Olympus
20.บัลลังก์ 312 ติดตั้ง คอมใหม่  เครื่องบันทึกเสียง Olympus
21.ติดตั้ง คอมใหม่ ส่วนคลัง เครื่อง GF
------------------------
บัลลังก์ 306 มีปัญหา ห้อง ไม่เรียบร้อย

64
เอา โปรแกรมอะไร ออก all in one ชุดทดแทน!!


65
 วิธีแก้ Access เปิด ซ้ำซ็อนกันไม่ได้ และต้อง log off win8.1 บ่อย

ทำให้ access เปิดทำงาน บน win8.1 ได้อย่างสมบูรณ์

https://www.youtube.com/watch?v=7rfd9YxYs3E&feature=youtu.be

66
เครื่องคอมพิวเตอร์ทดแทน 2558 20 เครื่อง
---------------------------------------------
1.บ.306                   com.582       p.342          ups.503      ip
2.เครื่อง GF               com.566       P.337          ups.491     
3.เครื่องสารสนเทศ       com.559       P. 344          ups.502
-------------------------------------------
4.บ.309     com.584     p.346      ups.496      ip.122
5.บ.203     com.564     p.336      ups.501      ip.121
6.บ.308     com.569     p.350      ups.493      ip.120
7.บ.307     com.562     p.351      ups.498      ip.118
8.บ.202     com.589     p.345      ups.487      ip.119
9.บ.204     com.560     p.349      ups.            ip.        ups.s/n.1507140307A0445
10.บ.209    com.579    p.335      ups.489
11.บ.201    com.565    p.340      ups.492       ip.124
12.บ.207    com.581    p.341      ups.499       ip.
13.บ.311    com.583    p.338      ups.500       ip.123
14.บ.305    com.580    p.343      ups.484       ip.116
15.บ.312    com.568    p.339      ups.            ip.        ups.s/n.1507140307A0604
16.บ.310    com.576    p.334      ups.            ip.        ups.s/n.1507140307A0489
---------------------------------------------------------
17.บ.313    com.574    p.333      ups.486       ip.
18.บ.303    com.587    p.347      ups.494       ip.
19.บ.301    com.572    p.352      ups.488       ip.
20.บ.205    com.563    p.348      ups.490       ip.




67
เนื่องจากมีบุคคลแบบอ้างว่า สามารถติดต่อผู้พิพากษาหรือเจ้าหน้าที่ศาล เพื่อวิ่งเต้นคดี หรือ ช่วยเหลือให้ได้รับการประกันตัว โดยเรียกร้องเป็นเงิน หรือทรัพย์สินเป็นการตอบแทน ศาลจังหวัดสงขลาขอเตือนว่าโปรดอย่าหลงเชื่อหากพบพฤติกรรมดังกล่าวโปรดแจ้ง ผู้อำนวยการ หรือ ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลหมายเลข 0-7432-1354, 0-7431-5508

68
พอดีไปเจอไอเดียการทำบ่อเลี้ยงปลาดีๆและเห็นว่าน่าเป็นประโยชน์ต่อทุกคน
------------------
ตัวอย่าง
เนื้อที่ดินเพียงแค่นี้ ก็ทำเกษตรทฤษฎีใหม่ ตามรอยพ่อได้ ทหารจึงทำให้ดูทีละขั้นตอน จากที่ดินผืนเล็กๆ ใหญ่กว่าเตียงนอนหน่อยเดียว ให้เปิดดูทีละรูป จนถึงรูปสุดท้ายที่ได้ปลาเพียบ ทำง่ายๆ แผ่นพลาสติกหนาแบบใส หรือขุ่น ก็เลือกหาซื้อในตลาดพวกร้านขายการเกษตรทั่วไป ขายเป็นตารางเมตรถูกมาก
ส่วนผักตบชวาที่ใส่ครึ่งบ่อและเอาไม้กั้นครึ่งไว้ เพื่อบำบัดน้ำเสียโดยธรรมชาติ อีกทั้งมันจะบัง กรองความร้อนจากแสงแดดไว้ ดึงดูดแมลงน้ำ ทำให้ปลามาหลบร้อนใต้รากของผักตบฯ และกินแมลงน้ำ และกินรากผักตบฯ ไปด้วย ทำให้ระบบขับถ่ายปลาดี เป็นระบบเกื้อกูลทางนิเวศน์วิทยาขนาดเล็กอัตโนมัติ
ทุกคนสามารถใช้พื้นดินข้างบ้าน ขุดสระเลี้ยงปลาไว้กินเองแบบสบายๆ และไว้พักผ่อนสายตาโยนอาหารเม็ดให้มันกิน ปลาพวกนี้ราว 4 เดือน จะตัวใหญ่กินได้ ที่เหลือจากกินก็ไปขายได้อีกด้วย ถ้าทำหลายบ่อ และปล่อยลูกปลาในระยะเวลาที่เหลื่อมเวลากัน ครั้งละ 1 เดือน ก็จะมีปลากินฟรี และเหลือขายทั้งปีทั้งชาติ
บ้านที่อยู่ในเมืองก็ทำได้ ให้พ่อบ้านใช้วันหยุดค่อยๆ ขุดที่ว่างของบ้านไปเรื่อยๆ ขนาดตามชอบใจ ชวนลูกๆ มาช่วยกันหยิบจับ สอนเขาไปด้วย ส่วนแม่บ้านเป็นกองเชียร์ และกองเสบียง
พอปลาตัวโตก็เอาเสื่อปูไปนั่งอ่านหนังสือตกปลากันในบ้านนั่นแหละ แล้วจะปิ้งย่างอะไรกันก็เต็มเหนี่ยว และถ้าปลูกผักสวนครัว ผักชี หอม กระเพรา พริก ตะไคร้ ฯลฯ ข้างๆ ปากบ่อด้วยงานนี้จบเลย ครบวงจร เด็กๆ สนุกด้วย ดีกว่าเล่นเกมส์อีก
นี่แค่ที่ดินแค่นี้นะ ถ้ามีที่ดินมากกว่านี้ ก็แบ่งที่ดินเป็นส่วนๆ ทำนา ทำสวน ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เลี้ยงปลา และอยู่อาศัย สามารถอยู่ได้แบบสบายๆ จะหน้าฝน หน้าแล้ง หน้าไหน ก็จะมีรายได้ตลอดปี..แค่ส่งลูกเป็นทหารเกณฑ์เพียงไม่นาน จะ ได้อะไรมากกว่าที่คิด !!
ผืนดินของไทยอุดมสมบูรณ์มาก แค่โยนเมล็ดพืชผักลงดิน อีกไม่นานก็ได้กินแล้ว ขอเพียงคนไทยประยุกติ์มาใช้ อย่ารอวาสนา หรือ ความช่วยเหลือจากนักการเมืองทางเดียว
คนไทยต้องปลดแอกตัวเองจากนักการเมืองท้องถิ่น และระดับชาติ ทำเกษตรทฤษฎีใหม่ จะได้ไม่ต้องไปก้มหัวให้กับเงินซื้อเสียง 500-1,000 บาท ให้เสียศักดิ์ศรี
-----------------------
ข้อมูลดีๆจากเฟสบุ๊ค
"ฟ้าสีทอง ผ่องอำไพ"

69
• หากลูกของคุณโกหกบ่อย อาจเป็นเพราะคุณลงโทษเขามากเกินไป
• หากลูกของคุณขาดความมั่นใจในตัวเอง อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยให้กำลังใจเขา
• หากลูกของคุณไม่ค่อยพูด อาจเป็นเพราะคุณไม่ค่อยพูดคุยกับเขานัก
• หากลูกของคุณชอบลักขโมย อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยสอนเ...ขาให้รู้จักคำว่า 'ให้'
• หากลูกของคุณขี้ขลาด อาจเป็นเพราะคุณคอยแต่ปกป้อง แก้ต่างให้เขา
• หากลูกของคุณไม่ให้เกียรติผู้อื่น อาจเป็นเพราะคุณมักขึ้นเสียงกับพวกเขา
• หากลูกของคุณโกรธง่ายอยู่ตลอดเวลา อาจเป็นเพราะว่าคุณไม่เคยชื่นชมเขาเลย
• หากลูกของคุณเป็นคนงก ตระหนี่ อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยแบ่งปันอะไรให้เขา
• หากลูกของคุณอันธพาลชอบรังแกคนอื่น อาจเป็นเพราะคุณแสดงความรุนแรงก้าวร้าวให้เขาเห็น
• หากลูกของคุณอ่อนแอ อาจเป็นเพราะคุณชอบข่มขู่ให้เขาหวาดกลัว
• หากลูกของคุณขี้อิจฉา อาจเป็นเพราะคุณเพิกเฉย ไม่ใส่ใจเขา
• หากลูกคุณมักสร้างความรำคาญใจต่อคุณ อาจเป็นเพราะคุณไม่เคยกอด ไม่เคยหอมเขา
• หากลูกของคุณไม่เชื่อฟังคุณ อาจเป็นเพราะคุณเรียกร้องมากเกินไปจากพวกเขา
• หากลูกของคุณชอบเก็บเนื้อเก็บตัว อาจเป็นเพราะคุณยุ่งแต่เรื่องของตัวเองมากเกินไป
{ด็อกเตอร์ฏอริก อัลฮาบีบ}

แหล่งมา:: เพจ Islam for kids
แปลเรียบเรียง:: เพจนี้สำหรับคุณแม่
คนเรามักจะใส่ปมของตัวเองลงไปยังลูก โดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น...ก่อนจะทำอะไรกับลูกหรือคนที่คุณรัก ...
หยุดซักนิด คิดก่อนว่าเมื่อตอนคุณเป็นเด็ก...
คุณอยากให้พ่อ-แม่ ทำแบบนี้กับคุณหรือไม่?
แล้วคุณอยากได้การปฏิบัติแบบไหนจากท่าน?
แล้วปฏิบัติแบบนั้นอย่างมีสติ...!

ღ´¨) ด้วยรักและห่วงใยจาก

70
คอมพิวเตอร์ เก่า หน้า บัลลังก์ ปี 51 ย้ายลงมา ที่ ใด บ่้าง
-------------------------
บัลลังก์ 202 ====>   พี่ปานจิต
บัลลังก์ 302 ====>   พี่ อาร์
บัลลังก์ 304 ====>   พี่ ภาพ  user506
บัลลังก์ 306 ====>   หมี  user508
-------------------- 

1.บัลลังก์ 307  ====>   ห้องเก็บ แดง
2.บัลลังก์ 209  ====>   งานอุทธรณ์ ฎีกา
3.บัลลังก์ 204  ====>   หน้าห้องผู้พิพากษา ชั้น 2
4.บัลลังก์ 305  ====>  หัวหน้าส่วนช่วยพิจารณาคดี
5.บัลลังก์ 303  ====>  แทน User503 ส่วนช่วยพิจารณาคดี
6.บัลลังก์ 207  ====>  แทน User908 ส่วนช่วยช่วยอำนวยการ
7.บัลลังก์ 309  ====>  แทน User902 ส่วนช่วยช่วยอำนวยการ
8.
9.
10.
11.



71
Between #01/01/2558# And #31/07/2558#

Like "*คำร้องขอขยาย*"

Like "*อ.*"

Like "*ยาเสพติด*"

Not Like "*พนักงานอัยการ*"

คำสั่ง

> date()-30

72
ทำนองเพลง  ระบำยอดหญ้า

January February, January, February
March  April, May  June July (twice)
 August September October,
 August September October,
November and December.
 There are 12 months, please remember.
  (พูด)    "January, February, March, April,
  May, June, July, August,
 September. October, November and December "

เพลง  Twenty Months Of The Year

January February, January February
  March April May June July, (twice)
  August September October  (twice)
 November and December.
There are 12 months, please remember.
 (พูด)    "January, February, March, April,
 May, June, July, August,
 September, October, November and December."


73
เพลงภาษาอังกฤษสำหรับคุณครูและผู้สนใจทั่วไป เพื่อใช้เป็นสื่อในการสอนวิชาภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนชั้นประถม
 เพลง  Good Morning to You
(ทำนองเพลง  Why  do  I  Love  You ?
Good  morning  to  you.
Good  morning  to  you.
How  are  you?
How  are  you?
I  am fine, thank you.
I  am fine, thank you.
And  How are you?
And  How are you?
นักเรียนตอบว่า  " I  am  fine, thank you. "
Thank  you.
เพลง why do i love you so - iJigg.com


<h3>                       เพลง  What  Work  Does  He  Do ? </h3>
                       ทำนองเพลง  Are  You  Sleeping ?
                             What  work  does he do ?
                             What  work  does he do ?
                                       He's  a  farmer.
                                      He's  a  farmer.
                             What  work  does  she  do ?
                             What  work  does  she  do ?
                                       She  is  a  nurse.
                                       She  is  a  nurse.
    เพลง  Who Is This Man?
    ทำนองเพลง  Are you sleeping?
   Who is this man?
   Who is this man?
   Tawee's father.
  Tawee's father.
What work does he do?
  He is a soldier.
 What is his name?
 His name is Dang.
เพลง  What's Your Name
What's your name? Please  tell  me.
What's your name? Please  tell  me.
What's your name? Please  tell  me.
What's  your  name ? My  name  is.....ให้บอกชื่อเราเอง.......

 
  เพลง  Ten Little Indian Boy
One little two, little three, little Indian
Four little five, little six, little Indian
Seven little eight, little nine, little Indian
Ten little Indian boys.
เพลง  Number Dancing
 ทำนองเพลงลอยกระทง       
Eleven twelve thirteen fourteen fifteen
Sixteen seventeen eighteen  nineteen twenty
Twenty - one twenty - two, twenty - one twenty - two
Twenty - three twenty - four, twenty - five twenty - six
Twenty - seven twenty - eight, twenty - seven twenty - eight
  Twenty - nine and thirty, twenty - nine and thirty

 
  เพลง  What Are These?
ทำนองเพลง  Are You Sleeping?
 What are these?
What are these?
They're rulers.
They're rulers.
Count the rulers.
Count the rulers.
1, 2, 3, 4, 5.  There are five rulers.
                            เพลง  What  Are These?
                             ทำนองเพลง  Are You Sleeping?
                             What are these?
                             What are these?
                             They're flowers.
                             They're flowers.
                             Count the flowers.
                             Count the flowers.
                             1, 2, 3, 4, 5, 6.  There are five flowers.

                    เพลง  What Are Those?
                             ทำนองเพลง  Are You Sleeping?
                             What are those?
                             What are those?
                             They're trees.
                              They're trees.
                             Count the trees.
                             Count the trees.
                             1, 2, 3, 4, 5, 6.  There are four  trees.

                       เพลง  Five Little Ducks
                   Five little ducks went out to play,
Over the hill and far away. Mother duck said,
Quack - quack, quack. No little ducks came
Wadding back. When father duck said,
QUACK, QUACK, QUACK  !!!
Five little ducks came running back.
(Sing the same song with four, three, two, one)
 
                   เพลง  Five Little Ducks
                   Five little ducks went out to play,
Over the hill and far away.
Mother duck said, quack - quack, quack.
No little ducks came wadding back.
When father duck said,  QUACK, QUACK, QUACK ,
Five little ducks came running back.
(Sing the same song with four, three, two, one)
เพลง  What's In The Box?
  ทำนองเพลง  The Farmer In The Dell
What's in the box?
          What's in the box?
          Hi oh the merry oh
          An egg's in the box.
What's in the egg?
                   What's in the egg?
                   Hi oh the merry oh
                   A chick's in the egg.
เพลง  Sorry I'm Late
ทำนองเพลง  มอเปอแลโกวา
Sorry I'm late.
Sorry I'm late.
Sorry I'm late.
May I come in, please?
Yes, you may.             
Yes, you may.
เพลง  Good Morning to You
Good morning to you,
Good morning to you.
How are you? How are you?
 I'm fine, thank you.
 I'm fine, thank you.
 How are you?  How are you?
 พูดตอบ  " I'm fine, thank you. "
หมายเหตุ   เปลี่ยน  Good morning เป็น Good afternoon หรือ Good evening
                  เพลง  What  Work  Does  He  Do ?
                 ทำนองเพลง  Are  You  Sleeping ?
                             What  work  does he do ?
                             What  work  does he do ?
                                       He's  a  farmer.
                                      He's  a  farmer.
                             What  work  does  she  do ?
                             What  work  does  she  do ?
                                       She  is  a  nurse.
                                       She  is  a  nurse.
    เพลง  Who Is This Man?
ทำนองเพลง  Are you sleeping?
          Who is this man?
   Who is this man?
   Tawee's father.
  Tawee's father.
           What work does he do?
  He is a soldier.
 What is his name?
 His name is Dang.
                                    เพลง  Old MacDonald
                        Old MacDonald has a farm, E - I - E - I - O!
            And on his farm he has ten cows,  E - I - E - I - O
            With a moo - moo here and a moo - moo there,
            Here a moo, there a moo, everywhere a moo - moo.
            Old MacDonald has a farm, E - I - E - I - O!
            And on his farm he has nine  sheep  ...................baa - baa
                                                eight chicks  ...............chick - chick
                                                seven cats .............. meow - meow
                                                six ducks ................ quack - quack
                                                five dogs ................... bow - bow
                                                four horses ................neigh - neigh
                                                three pigs ................... oink - oink
                                                two rats ............... squeak - squeak
                                                one bird ................... cheep - cheep
 
                              เพลง  What Does She Have?
                               ทำนองเพลง  Are You  Sleeping?
                                    What does she have?
                                    What does she have?
                                    She has a book.
                                    She has a book.
                                    What do they have?
                                    What do they have?
                                    They have pens.
                                    They have pens.
   เพลง  Can You?
  ทำนองเพลง  Are You Sleeping?
Can you ride a bike  (twice)
Yes, I can.  Yes, I can.
Can you drive a car ?  (twice)
No, I can't. No, I can't
                   เพลง  That Flag
    ทำนองเพลง  Row Row Row Your Boat
     Blue blue blue, red, white,
     Thai national flag.
      Blue red white, blue red white.
      Blue red white, blue red white.
      Thai national flag.
เพลง  What Color?
ทำนองเพลง  Are You Sleeping?
What color is your shirt?
What color is your shirt?
  It's white. It's white.
What color are your shirts?                                     
What color are your shirts?
  They're brown. They're brown.

 
เพลง  What Color?
ทำนองเพลง  Are You Sleeping?
What color is your shirt?
What color is your shirt?
 It's white. It's white.
What color are your shorts?
What color are your shorts?
  They're brown. They're brown.
                หมายเหตุ   สามารถเปลี่ยนชื่อสิ่งของและสีได้ตามความต้องการ
        เพลง  Sunday To Saturday
          (ทำนองเพลง  มองเล่ยะ)
        Sunday Monday Tuesday          (twice)
        Sunday Monday Tuesday
        Wednesday Thursday -              (twice)
        Friday and Saturday.
เพลง  Sunday  To  Saturday
ทำนองเพลง  มองเล่ยะ
    Sunday, Monday, Tuesday
   Sunday, Monday, Tuesday
   Sunday, Monday, Tuesday
   Sunday, Monday, Tuesday
 Wednesday, Thursday, Friday, and Saturday
Wednesday, Thursday, Friday, and Saturday
เพลง  Twelve Months Of The Year
     ทำนองเพลง  ระบำยอดหญ้า
January February, January, February
March  April, May  June July (twice)
 August September October,
 August September October,
November and December.
 There are 12 months, please remember.
  (พูด)    "January, February, March, April,
  May, June, July, August,
 September. October, November and December "
เพลง  Twenty Months Of The Year
January February, January February
  March April May June July, (twice)
  August September October  (twice)
 November and December.
There are 12 months, please remember.
 (พูด)    "January, February, March, April,
 May, June, July, August,
 September, October, November and December."
เพลง  The Fruit Seller
 Oh, do you know the fruit seller,
   the fruit seller, the fruit seller?
   Oh, do you know the fruit seller,
     who lives across the way?
 Oh, yes, I know the fruit seller,
  the fruit seller, the fruit seller.
   Oh, yes, I know the fruit seller,
   who lives across the way.

 
เพลง How  many  ...........?
How  many  pens  are  there  in  the  box ?
There  are  three  pens  in  the  box.
There  are  three   pens.
There  are  three  pens.
There  are  three  pens  in  the  box.
ทำนองเพลง  Blowing  in  the  wind.
ตัวอย่างเพลง

คำอธิบายวิธีการสอน

1.ได้ความรู้ทั้งคำศัพท์และไวยากรณ์

2. คำศัพท์ สีแดง pens เปลี่ยนได้ตามใจชอบนะคะ

3. หลักไวยากรณ์ที่ได้คือ การใช้  there  are + คำนามพหูพจน์

    How  many+คำนามนับได้พหูพจน์

BlogGang.com : : แถมสิน : เพลง Blowing in the win 1971 concert for ...
ฝากผลงานเพลง ไว้กับคุณครูหรือผู้สนใจทุกท่านนะคะ
คุณครูจะอธิบายหลักไวยากรณ์ให้นักเรียนฟังทุกเพลงหรือจะใช้เทคนิคอย่างอื่น อาจจะดัดแปลงเป็นเกมส์ก็ได้ค่ะ   ตามตัวอย่างเพลง How  many.....?
.....

74
ส่งซ่อม เครื่อง พิมพ์ หน้า ห้อง ชั้น 2   20/08/58

S/n E66821A0J500170

75
เพียง 3 คลิก ก็สร้างเมนู Start ใน Windows 8 , 8.1 โดยไม่ใช้โปรแกรมช่วยให้หนักเครื่อง

สำหรับท่านที่ใช้ Windows XP , Vista , 7 มายาวนาน
เมื่อเปลี่ยนมาใช้ Windows 8 , 8.1
อาจจะยังติดกับการใช้เมนู Start

ถ้าท่านไม่อยากจะแตะต้องเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของ Windows 8
โดยการหาโปรแกรมมาทำเมนู Start ให้หนักเครื่อง
หรือเสี่ยงกับ Malware ที่อาจจะแอบแฝงมากับไฟล์ Set up ติดตั้ง

มีทางเลือกโดยการเพิ่มจุดสำหรับคลิก แล้วให้ทำงานคล้ายคลิกปุ่ม Start
วิธีการก็ไม่ยุ่งยากครับ  เพียงคลิกและเลือกตามขั้นตอน ในภาพที่ 1

1. คลิกขวาที่ Taskbar ด้านล่าง
2. เลือกเมนู Toolbars
3. คลิกที่เมนู New Toolbar...



แล้วป้อนคำสั่ง  C:\ProgramData\Microsoft\Windows\Start Menu\Programs
หรือจะ Copy ข้อความดังกล่าวไปวางลงในช่อง  ตามภาพก็ได้
จากนั้นคลิก ปุ่ม Select Folder



ก็จะเกิดที่หรือจุดสำหรับคลิกขึ้นมาบน Taskbar ด้านขวา
เวลาใช้งานก็คลิกที่สัญลักษณ์คล้ายลูกศรสองอันก็จะเกิดเมนูคล้ายปุ่ม Start ขึ้นมาให้ใช้งานครับ



โดยปุ่มสำหรับคลิกเข้า Metro ของ Windows 8.1 ก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม



Credit  คุณ augie
จากกระทู้  http://pantip.com/topic/23091616

76
1.ทำหนังสือ เล่มเล็ก 22 เล่ม  พิมพ์ เข้าเล่ม จัดหน้า ทำปก 
2.ทำหนังสือ เล่มเล็ก 200 ก่วา เล่ม   เข้าเล่ม พิมพ์ ปก   แจก โครงการ ประสานความรวมือ
3.ถ่ายรูป ระหว่าง  ประชุม
4. ลง ข่าว  - เลือกรูป
              - แต่ง รูป   ปรับรูป ให้ ได้ ขนาด
              - เขียน ข่าว  หา ข้อมูล  แต่ละ งาน แต่ละโครงการ ที่ เค้า ไป กันมา
              - เขียน เสร็จ ส่ง ผอ. ตรวจ  - ไม่ผ่าน  กลับมาแก้ ใหม่    ผ่าน  ส่ง ต่อ ให้ หัวหน้า ตรวจ
              - เสร็จ  นำ ข้อ ความ ข่าว กับ รูป ภาพ อัพ ขึ้น  web
              - พิมพ์  ข้อ ความข่าว ออกมา มา เพื่อ ให้ ผอ เซ็น รับ ทราบ
              - เอกสาร ข้อความข่าว ที่ ผอ เซ็น แล้ว  ส่ง ไป ออก เลข ที่ สารบรรณ
              - สแกน เอกสาร  ที่ผอ เซ็น และ ออกเลข เรียบร้อย แล้ว  ส่ง Email  ให้ สำนักเทคโน ลงข่าว ในเว็ยบไซต์ ศาลยุติธรรม
    ***จบกระบวนการลงข่าว***
             

77
เครื่องบันทึกเสียง OLYPUS เครื่องใหม่ เสีย กด ปุ่ม อะไร ก็ไม่ทำงาน
-----------------------------------------------------
หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 301
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4156
หมายเลขเครื่อง         200119678                                                             
หมายเลขเท้าเหยียบ    200114850
-----------------------------
 009


78
คู่มือ วิธีการติดตั้งโปรแกรมเครื่องถอดเทป  OLympus


Download  File PDF

http://songkhla.ddns.net/webboard/index.php?action=dlattach;topic=1011.0;attach=1232

การเปิดใช้ งาน โปรแกรม หรือ ตั้ง ค่า ต้อง เปิด ใน ฐานะผู้ดูแลระบบ
โดยการ คลิก ขวาที่ ช๊อตคัท  แล้ว เลือก หัวข้อเปิดใน ฐานะผู้ดูแลระบบ

79
scanner  มาใหม่  14/07/58

1. Fujitsu   Model   iX500   
    Part  NO.   PA03656-B011
    S/N   AOYB011398
   
  หมายเลข  7440-002-0004/0005/58
    USER908
-------------------------------------
2. Fujitsu   Model   iX500   
    Part  NO.   PA03656-B011
    S/N   AOYB011398
   
  หมายเลข  7440-002-0004/0005/58
    USER908
---------------------------------------
3. Fujitsu  Scansnap Model   SV600
    Part  NO.   PA03641-B001
    S/N   AC3H007259
   
PO  4500384135
SO NO  6311100206
WR NO  71251
  หมายเลข  7440-002-0004/0006/58
    USER301
-----------------------------------------

80
3 ปีเรียนอนุบาล
6 ปีเรียนประถม
6 ปีเรียนมัธยม
4 ปีเรียนมหาวิทยาลัย

19 ปีเรียนมาเกือบตาย
หมดเงินไปไม่รู้เท่าไร จบมาเป็นขี้ข้าห้องแอร์เงินเดือน 15,000.

เจ้านายก็หน้าหม้อ(บางแห่ง)
เพื่อนร่วมงานแม่งก็ขี้อิจฉา
ไหนจะลูกค้างี่เง่า

ทนๆๆๆๆ
ทนมา3ปี กะจะหาที่ทำงานใหม่
พอได้อ้าว.ว.วว ชิบหาย!!
ที่ใหม่ก็ไม่ต่างจากที่เก่า
เราแค่เปลี่ยนที่ทุกข์

ตื่นมาแทนที่จะได้กินกาแฟอ่านหนังสือที่ชอบก่อน
ต้องรีบร้อนวิ่งไปหาเครื่องตอกบัตร

เที่ยง
อยากกินอาหารร้านโปรดก็ไกล
ทำได้แค่กินข้าวแกงข้างออฟฟิศเพราะกลัวกลับเข้างานไม่ทันเวลา

อยากออกจากงาน วันละ 3 เวลา หลังอาหารก็ทำไม่ได้เพราะ...
ต้องผ่อนรถ ไหนจะค่าบัตรเครดิตอีก2-3ใบ
ลาออกไปมีหวังกลับไปนั่งรถเมลล์เหมือนเดิม

ชีวิตค่อยๆเดินลงทะเล ทีละก้าว
ผ่านไป 10 ปี มีลูกยิ่งต้องระวัง
ตกงานมาไม่ใช่เราคนเดียวที่อดตาย ไปทำงานด้วยความจำยอม
เจ้านายจะโขกสับยังไงก็ต้องทน

แต่ก็แปลกอีกนะ....
เราเจอแบบนี้มา เราก็ดันไป สอนลูกเราต่ออีกว่า "ตั้งใจเรียนนะโตขึ้นจะได้ทำงานดีๆ"

สุดท้ายพอเราตายไป
เราไม่ได้ทิ้งอะไรใว้ให้ลูกเลย

** แต่เราทิ้งลูกจ้างใว้ให้โลกไว้ทำงาน **
** ให้บริษัทคนอื่นให้คนอื่นรวย **
** นั้นคือ ลูกเรา นั้นเอง **

คิดง่ายๆนะ
อาเฮียร้านจักรยาน ตายไป เขาทิ้งกิจการร้านจักรยานใว้ให้ลูก
ลูกรุ่นต่อไปเป็น...เถ้าแก่

ลุงดำ ทำงาน ร้านจักรยานของอาเฮีย ลุงดำตายห่าไป ลุงดำจะมีอะไรทิ้งใว้ให้ลูก?

คนจะรวยคนจะจน
มันไม่ได้ต่างกันที่จำนวนเงิน
มันต่างกันที่วิธีคิด

คุณอยากเห็นตัวเองตอนอายุ 60 เป็นยังไง มันขึ้นอยู่กับการคิดการทำในวันนี้

เลิกทำให้คนอื่นรวย
มาทำให้ตัวเองรวย

แล้วก็อย่ามาโชว์โง่
ด้วยการบอกว่า ค้าขายไม่เป็น
ทำธุรกิจไม่เป็น ออกมาจากท้องแม่ คุณก็ เดิน พูด ไม่เป็น เช่นกัน แต่วันนี้คุณเดิน พูดได้สบายๆ

เรียนรู้ ศึกษา สิครับ
เริ่มจากสิ่งที่ตัวเองชอบอยากทำ
ทำแล้วมีความสุข

แรกๆอาจจะเจ๊ง
เจ๊งก็ช่างมันยิ่งเจ๊งยิ่งเก่ง
เหมือนหัดขี่จักรยานนั้นแหละ
ต้องมีล้มบ้าง

เลือกเอา
จะล้มตอนนี้ตอนที่ยังมีแรงลุกได้เร็วหรือล้มตอน อายุ 60 ล้มมานี่ตายเลยนะ ถ้ามัวแต่ รอ รอ รอ.

81
กำหนดการล่าสุด   "ด้วยคุณพ่อท่านสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ได้ถึงแก่กรรมวันนี้ (4 ก.ค.)  เจ้าภาพกำหนดสวดพระอภิธรรม ระหว่างวันที่ 5 - 7 ก.ค. 58  เวลา 19.00 น. ณ บ้านเลขที่ 59 หมู่ 6 ต.กันตังใต้ อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง จากนั้นโรงพยาบาลจะมารับศพไปเนื่องจากท่านได้บริจาคร่างกาย"

 ใครประสงค์จะไปร่วมงาน โดยรถตู้ศาลจังหวัดสงขลา วันที่ 7 ก.ค. (พรุ่งนี้) เวลา 15.30 น. แจ้งชื่อที่ส่วนช่วยอำนวยการ


82
รายงานการติดตั้งเครื่องบันทึกและถอดแถบบันทึกเสียงระบบดิจิดอล (ต่อชุด)
ยี่ห้อ OLYMPUS รุ่น DS-7000, AS 7000    โดยบริษัท โทรนิก้าซิลเต็มส์จำกัด
วันที่ติดตั้งแล้วเสร็จ   1 ก.ค 2558


รายการเครื่องบันทึกและถออแถบบันทึกเสียง พร้อมอุปกรณ์ที่ส่งมอบ :

1.เครื่องบันทึกเสียง 1 ชุด                                           
2.แท่นชาจ์รเครื่องบันทึกเสียง และสายชาจ์ร 1 ชุด
3.แบตเตอรี่ 2 ชุด                                                                                             
4.หน่วยความจำ (SD card) 8 GB 1 ชุด                               
7.สาย USB 1 ชุด                                                         
8.ช่องหนังสำหรับเครื่องบันทึกเสียง                                         
9.ชุดหูฟัง 1 ชุด
10.อุปกรณ์ควบคุมเสียงโดยใช้เท้าควบคุม
9.กระเป๋าอุปกรณ์ 1 ชุด 
10.หนังสือคู่มือการใช้งาน ฉบับ ภาษาไทย 2 ชุด ฉบับ ภาษาอังกฤษ 1 ชุด/ หนังสือคู่มือการซ่อมบำรุง ฉบับภาษาไทย ภาษาอังกฤษ 1 ชุด 
11.หนังสือคู่มือการใช้งานระบบซอฟต์แวร์คอบคุม การถอด แถบซอฟต์แวร์คอบคุม การถอดแถบเสียงบันทึก ฉบับภาษาไทย 2 ชุด หรือ ภาษาอังกฤษ 1 ชุด

12.วีดีโอสอนการใช้งานเครื่องบันทึกเสียงแบบดิจิตอลสำหรับ ผู้พิพากษา (ฉบับภาษาไทย) 2 ชุด

13วีดีโอสอนการใช้งานเครื่องบันทึกการถอดแถบบันทึก เสียงระบบดิจิตอลสำหรับเจ้าหน้าที่ศูนย์หน้าบัลลังก์ และนักวิชาการคอมพิวเตอร์หรือพนักงานคอมพิวเตอร์ ประจำหน่วยงาน (ฉบับภาษาไทย) 2 ชุด


2.รายละเอียดการติดตั้ง

การเดินสายเชื่อมระหว่างเครื่องบันทึกเสียงกับเครื่องคอมพิวเตอร์
การติดตั้งระบบชอฟ์ตแวร์ควบคุมการถอดแถบเครื่องมือบันทึกลงในคอมพิวเตอร์

3.ทดสอบการใช้งานเบื้องต้น


--------------------------------------
หมายเลขห้อง  บัลลังก์ที่ 203
หมายเลขครุภัณฑ์      5835-011-0004/4151
หมายเลขเครื่อง          2000119673                   
หมายเลขเท้าเหยียบ     200114845
-------------------------------------
 หมายเลขห้อง        บัลลังก์ที่  204
หมายเลขครุภัณฑ์         5835-001-0004/4152
หมายเลขเครื่อง             200119674                                                   
 หมายเลขเท้าเหยียบ    200114846
----------------------------------
หมายเลขห้อง    บัลลังก์ที่ 205     
หมายเลขครุภัณฑ์    5835-001-0004/4153 
หมายเลขเครื่อง        200119675                                                             
หมายเลขเท้าเหยียบ    200114847
------------------------------------
หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 207
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4154
หมายเลขเครื่อง        200119676                                                               
หมายเลขเท้าเหยียบ    200114848
------------------------------------
หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 209
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4155
หมายเลขเครื่อง         200119677                                                             
หมายเลขเท้าเหยียบ    200114849
------------------------------------
หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 301
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4156
หมายเลขเครื่อง         200119678                                                             
 หมายเลขเท้าเหยียบ    200114850

-------------------------------------
หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 303
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4157
หมายเลขเครื่อง         200119679                                                             
หมายเลขเท้าเหยียบ    200114851
-------------------------------------
 หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 305
หมายเลขครุภัณฑ์     5839-001-0004/4158
หมายเลขเครื่อง        200119680                                                               
หมายเลขเท้าเหยียบ    200114852
------------------------------------------
หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 308
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4159
หมายเลขเครื่อง         200119681                                                             
หมายเลขเท้าเหยียบ    200114853
------------------------------------------
 หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 309
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4160
หมายเลขเครื่อง         200119682                                                             
หมายเลขเท้าเหยียบ     200114854
-----------------------------------------
หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 310
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4161
หมายเลขเครื่อง         200119683                                                             
หมายเลขเท้าเหยียบ     200114855
-----------------------------------------
 หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 312
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4162
หมายเลขเครื่อง         200119684
หมายเลขเท้าเหยียบ     200114856
------------------------------------------
หมายเลขห้อง             บัลลังก์ที่ 313
หมายเลขครุภัณฑ์     5835-001-0004/4163
หมายเลขเครื่อง       200119685
หมายเลขเท้าเหยียบ     200114857
------------------------------------------

080-6478734
090-8381995

ช่างที่มาติดตั้ง
เบิ้ล

-------------
สำนักบริหารทรัพย์สิน
025412331

เบอร์ช่าง
0846788181
คุณ อุกกริช

83
ปัญหาและวิธีแก้ไข้เครื่องบันทึก  Digta  420  ที่พบบ่อย


1.การสลับโหมด
   
-          ให้ปิดเครื่องจากนั้นกด  New  ค้างไว้แล้วปิดเครื่อง  ขณะที่กด  New  อยู่  เมื่อหน้าจอขึ้นแล้วค่อย  ปล่อยปุ่ม  New
-          ให้สังเกตปุ่ม  Menu  จะอยู่มุมขวาล่างจอ  เป็นลักษณะสีเหลี่ยมแล้วมีขีดอยู่ภายในสี่เหลี่ยม  กรณีไม่มีให้ทำตามขั้นตอนแรกอีกครั้ง

2.การรีเซตกลับค่าโรงงาน
   
-          ให้ทำตามจนขึ้น  Mene  ในข้อ  1  ก่อน  จากนั้นให้เลือก  Menu  กด/ยืนยันให้เลือกไปที่  Setting  เป็นรูปคล้ายประแจ  กด/ยืนยัน  จากนั้นให้เลือกไปที่  Factory  Setting  กด/ยืนยันไปเรื่อยๆ
(กรณีทำข้อนี้ข้อมูลเสียงและข้อมูลทุกอย่างจะถูกลบทั้งหมด  กรุณานำข้อมูลออกจากเครื่องก่อน)

3.เท้าเหยียบไม่สามารถใช้งานได้
   
-          ให้ทำการดึงเครื่องบันทึกเสียงออกจากแท่นโดยที่ยังไม่ต้องเสียบเครื่องบันทึกเสียง  แล้วลองใช้งานดู
-          ถ้ายังไม่ได้ทำการรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์  แล้วลองใช้งานดู
-          ถ้าสามารถใช้งานได้  จะเป็น  Power  supply  ของคอมพิวเตอร์ครับ  แนะนำให้เปลี่ยน  Power  supply  ของ  Computer  เป็นแบบ  Full  500W ครับ

4.แบตเตอรี่หมดไว
   
-          ให้ทำการชาร์จแบตเตอรี่กับ  หม้อแปลงหรือ  Adater  475  ดูครับ  แบตจะชาร์จเต็มในระยะเวลา  4  ชม.  กรณีหมดเลย
-          กรณีการสลับแบตบ่อยจะทำให้ชิบ  Error  ให้ทำการสลับโหมด  ตามข้อ2
-          กรณียังหมดไวอยู่ให้ทำการซื้อแบตเตอรี่สำรองครับ

5.เครื่องรวนบ่อย
   
-          ให้ทำตาม  ข้อ2

6.ส่งข้อมูลเข้าบ้างไม่เข้าบ้าง
   
-          ให้ทำการตรวจสอบตำแหน่ง  Slide switch  ดูว่าอยู่ตำแหน่ง  stop  หรือไหม  ถ้าอยู่ในตำแหน่ง  อัดหรือเล่นจะไม่ส่งข้อมูลครับ  ปัญหานี้เกิดบ่อยถึง  95% ครับ
-          ถ้ากรณีแรกไม่หายให้ทำการ  Disable Antivirus ดูครับ
-     เมื่อแก้ไขตามด้านบนแล้ว  ไม่สามารถใช้งานได้รบกวนติดต่อกลับครับ

7.ส่งข้อมูลไม่เข้าเลย
   
-          ให้ทำการเข้า  Digtasoft  pro  แล้วกด  inbox  จากนั้นสังเกตตำแหน่งใต้เครื่องหมายplay  จะมี  pats  ให้เก็บไว้
-          ให้ทำการ  คลิกซ๊าย 2 ครั้งที่  DSS Mover  อยู่ตำแหน่งมุมจอคอมพิวเตอร์
-          จากนั้นให้เลือกที่ General ->dictation machine drive ว่าเป็นไดร์ฟอะไร เช่น F หรือ G จากนั้นตรวจสอบใน My Computer เข้า ไดร์ที่เห็น ต้องมีไฟล์ DSS
ถ้ามีทำตามขั้นตอนต่อไป
-          จากนั้นให้ติ๊กเครื่องหมายถูกจากบนลงด้านล่าง ตำแหน่งที่ 1,2 และ 6 อันอื่นเอาออกนะครับ
-          จากนั้นให้ไปเลือก DSS ขวามือล่าง General แล้วให้ เลือกติ๊ก Destination Path แล้วทำการตั้งค่า path
ให้ตรงกับที่ให้เก็บไว้
จากนั้นให้กด Apply setting to All Subfold

8.เสียงไม่ดังที่หูฟัง แต่ไปดังที่เครื่องบันทึกเสียงแทน (การตั้งค่าเฉพาะหูฟัง Digta 954 เท่านั้น)
   
-          ให้ทำการเข้า Digtasoft proแล้วเลือกไปที่ Setting Menu-> General setting->Audio Devices เลือกหัวข้อ Sound Playback ให้เลือกไปที่ C- Media จากนั้นกด OK (หมายเหตุให้ทำการเสียบเครื่องบันทึกเสียงไว้ด้วยขณะตั้งค่า)

9.Memory การ์ด Error หรือใช้ไม่ได้
   
-          ให้ทำการ Format การ์ดผ่าน Card Reader โดย Format แบบ FAT เท่านั้น
-          ให้ทำการสแกนไวรัสที่คอมพิวเตอร์ด้วยครับมิฉะนั้นอาการจะกลับมาตลอดครับ

10.เครื่องค้าง
   
-          ให้ทำการตรวจสอบตำแหน่ง slide switch ดูว่าอยู่ตำแหน่ง stop หรือไหม ถ้าอยู่ในตำแหน่ง อัดหรือเล่นเมื่อเลื่อนปุ่มปิดเครื่องจะเป็นการล็อคเครื่องครับ จะไม่สามารถขยับใดๆได้คล้ายกับอาการเครื่องค้าง ให้ทำการเปิดเครื่องและเลื่อนตำแหน่ง slide switch ไปยังตำแหนง stop
-          ให้ทำการต่อตรงกับ หม้อแปลงหรือ Adapter 475 แล้วใช้งานดูครับ

11.เครื่องมือเสียงค้างและปิดเครื่องไม่ได้
   
-          ให้ทำการถอดแบตเตอรี่แล้วทำตาม ข้อ 2 จากนั้นชาร์จแบตด้วย Adapter 475 ไว้ 4 ชั่วโมงต่อเนื่อง ถ้าไม่หายกรุณาเปลี่ยนแบตเตอรี่ โทร02-922-0291


84
Web Conferance  ศาลจังหวัดสงขลา   

PlanetComm
โครงการติดตั้งระบบสื่อสารทางไกลผ่านจอภาพที่ใช้เทคโนโลยี่ แบบ web Conference
คอมพิวเตอร์    7440-001-0001/17316
กล้อง    7440-002-0021/0252
เครื่อง  สำรองไฟฟ้า  7440-002-0003/8652

บริษัทแพลนเน็ตคอมมิวนิเคชั่น เอเชีย จำกัด (มหาชน)
Service Center  02-792-2400 # 2525
รับประกัน  30 ต.ค. 57 - 29 ต.ค. 58

85
ลองเปลี่ยน HD ที่เขียนข้อมูลได้เร็ว และ แม่นยำ รุ่นใหม่ ๆ อย่าง SSD 120 GB ราคาไม่ถึง 2 พัน ผมใช้ตัวนี้มา 3 ปี แล้ว ไม่เคยมีปัญหาข้อมูลหายอีกเลย... ปล.. Access ที่ทำงานผม ตารางแผนกรับฟ้อง 300,000 เรคคอร์ด ยังวิ่งติดจรวด (ข้อมูลไม่เคยหาย)...คิดว่าลองปรับอุปกรณ์ภายในดู...มันหลาย ๆ ปัจจัย ค่อย ๆปรับไป...
ปล. ที่งานผม datamain (880MB) datasub(950 MB)

ปล. ถ้าเครื่อง ที่ ศาล ยังมี xp ใช้อยู่ ก็ต้องเช็คไวรัสไอพี เพราะมันจะสร้าง packet หลาย ๆ หมื่นกิ๊ก ทำให้ระบบช้า สังเกตุ ที่ไฟสถานะ การ์ดแลน ถ้าไฟกระพริบตรงการ์ดแลนกรณีไม่ใช้งาน แล้วมันกระพริบถี่ๆ แสดง โดนไวรัส packet เข้าให้แล้ว....



ขนาดข้อมูลน้อยๆ ใช้ hub ยังหลุดเลยครับ เปลี่ยนเป็น switch ตัวใหญ่ๆหน่อบ ไม่เกิน 5000 มีหลายรุ่นเลย แล้วเปลี่ยน HD ตามท่านอาคม


เคยเจอครั้งหนึ่งระบบช้า ข้อมูลหายปรากฎว่าที่จริงคือเรา backup ข้อมูลไว้ พื้นที่เหลือน้อย ก็เลยเอาไฟล์ข้อมูลที่แบ็คอัพลง External hdd. แล้วก็ลงรบกวนพี่ที่รับฟ้องข้อมูลที่หายใหม่ จากนั้นก็ไม่มีปัญหานั้นเกิดขึ้นอีกเลยครับ ยอมรับว่าโอกาสกู้คืนยากมาก แต่ป้องกันโดยการเตรียมพื้นที่ใน Hdd. ไว้ครับ แชร์ประสบการณ์นะครับ ไม่ทราบว่าจะเป็นแนวเดียวกันไหม


อย่างนี้ เค้าก็หาว่าเรา ไม่แก้ปัญหา ให้ซิ...แทงกันเห็น ๆๆ...ทำไมไม่แจ้งให้เราทราบ ก่อน... ผมก็เคยเจอ ผมก็แก้ตามนี้..เป็นไปทั้งอุปกรณ์ และ สื่อกลาง พวก hub และ ก็ HD +ram มันทำงาน สัมพันธ์ เวลาบันทึกอะไร ที่พร้อม กัน HD อาจเขียน ข้อมูลผิดพลาดได้ ผมก็ทำบันทึกไป
1.ทำบันทึกขอปรับอุปกรณ์ภายใน ระบบแลนจากร 100 ไปเป็น 1000 หรือ GB/Lan (pc ก็เปลี่ยน แรม ซื้อ HD-ssd )
2.ลงโปรแกรม server ใหม่
3.โอนฐาน ไป ยัง ฐาน access ก้อนใหม่...
4.ทำแบบนี้ทุกครั้ง ที่ระบบ ช้า รับรองจะเร็วสด เหมือนใหม่...

ในเมื่อมันมาแบบนี้ก็ปรับปรุงมันเลยครับ ใช้งบที่มันสามารถเอามาปรับได้ ก็ไอ้ตัวไม่เกิน 5000 นั่นไงครับเอามันมาใช้บ้างครับ

เนื่องปัจจุบันเห็น hub ก็เอามาใช้งานกันนะครับ ลองปรับเป็น switch ดูนะครับถ้าปรับได้น่าช่วยได้ในระดับนึง ส่วนเรื่องข้อมูลหายไปอาจเกิดจากตัว ms access เองนะครับ

งั้นคงต้องลองระบบก่อนเที่ยงลองกระชับฐานข้อมูลดูก่อนครับและลองดูอีกทีว่ายังเกิดปัญหาอยู่อีกมั้ย กรอไม่ลองดูที่ตัว server ด้วยนะครับว่ามันทำงานหลาย session แล้ว data ที่ share มันหลุดรึเปล่า

เช็คเรื่อง virus ด้วยนะครับ


จริงดังที่อาคมบอกอ่ะศาลผมก็ใช้ปัญหาเลยไม่เกิด ดีจริงๆนะเมื่อก่อนโดนด่าวันละสามเวลาหลังอาหารแต่ตอนนี้วิ่งฉิวสบายๆเราก็ต้องแก้ปัญหาเอง เอาใจช่วยนะ แต่ให้ดีใช้switch การ์ดแลน เป็น 1 กิ๊กบิตด้วยนะยิ่งดีให้เลย การ์ดแลน set เป็นfull duplex ตั้งค่า systen.ini ใส่ค่า IRQ ด้วยเพื่อให้การการ์แลนทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เร็วอย่างคาดไม่ถึงจริง

86
เรื่อง  ขอเชิญเข้าร่วมอบรมโครงการเพิ่มศักยภาพ "การใช้ภาษาอังกฤษในการปฏิบัติราชการ"

เรียน  ข้าราชการ ลูกจ้างประจำ ลูกจ้างชั่วคราว พนักงานราชการ  ทุกท่าน

      ส่วนช่วยอำนวยการ สำนักอำนวยการประจำศาลจังหวัดสงขลา ได้กำหนดให้มีการอบรมบุคลากรของศาลจังหวัดสงขลา ตามโครงการเพิ่มศักยภาพ "การใช้ภาษาอังกฤษในการปฏิบัติราชการ" ในวันเสาร์-อาทิตย์ ที่ ๒๗-๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. ณ ห้องประชุมศาลจังหวัดสงขลา

      เนื่องจากได้รับจัดสรรงบประมาณจำกัดเพียงค่าวิทยากรเล็กน้อยเท่านั้น   จึงไม่มีงบประมาณค่าอาหารว่างและอาหารกลางวัน  แต่ท่านผู้พิพากษาหัวหน้าศาลอนุเคราะห์ให้จัดเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้เข้ารับการอบรมทุกท่าน

      อนึ่ง  ผู้ที่ไม่สามารถเข้าร่วมโครงการอบรมได้  ให้ทำบันทึกชี้แจงเสนอผู้อำนวยการ (ผ่านหัวหน้าส่วน)  ทั้งนี้ จะไม่ได้รับชั่วโมงการอบรมในส่วนของแผนพัฒนารายบุคคล (IDP)

      การแต่งกาย  วันเสาร์ที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๕๕๘  เสื้อโปโลสีขาว+กางเกงสุภาพ
                         วันอาทิตย์ที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๘ ตามอัธยาศัย (กางเกงขายาว)

                             
      จึงเรียนมาเพื่อทราบ  และขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมอบรมโดยพร้อมเพรียงกัน



87
10 ความดัดจริตของสังคมไทย แรงแต่จริง!

1. คนดี = คนที่แต่งตัวดี
คนเลว = คนที่แต่งตัวไม่ดี

2. คนทำงานเก่ง แต่นำเสนอไม่เก่ง = ไม่เก่ง
คนทำงานไม่เก่ง แต่นำเสนอเก่ง = เก่ง

3. คนที่พูดมากกว่าทำ = คนฉลาด
คนที่ทำมากกว่าพูด = คนโง่

4. คนพูดเก่ง = คนเก่ง
คนฟังเก่ง = คนไม่เก่ง

5. คนดี = คนรวย มีคนนับหน้าถือตา
คนไม่ดี = คนจน ไม่น่านับถือ

6. คนจบ ดร. = ฉลาด
คนจบ ป.4 = โง่

7. พูดภาษาอังกฤษได้ แต่ทำงานไม่เป็น
= ผู้บริหาร เงินเดือนสูง

พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ทำงานเก่ง
= พนักงานระดับล่าง เงินเดือนน้อย

8. จบปริญญาจากเมืองนอก = เก่ง
จบปริญญาในเมืองไทย = ธรรมดา

9. ขับรถหรู แต่ยังอยู่ห้องเช่า = รวย
นั่งรถเมล์ แต่มีบ้านของตัวเอง = จน

10. ใช้ iPhone รุ่นล่าสุด = คนรวย
ใช้มือถือตกรุ่น = คนจน

ก็เพราะแบบนี้ คนสมัยนี้จึงแยกไม่ออกว่า ” อะไรดี อะไรเลว ”


88
1.โครงการไกล่เกลี่ย  22 มิถุนายน 2558
   -ถ่ายรูป วันงาน  ลง ข่าว
   -ทำฺ banner ประกาศ ลง หน้าเว็บ ไซต์
  - ทำ banner Slide show ลง ใน tvsklc
  - ทำตัวอักษร วิ่ง ประชาสัมพันธ์ โครงการ ลง TVSKLC

2.โครงการ อบรมภาษาอังกฤษ  27-28  มิถุนานย 2558
    -ถ่าย รูป 
   - ถ่าย  Video  มาตัดต่อ เพื่อ ใช้ ดู ย้อน หลัง

3.วันที่ 29 มิถุนายน 2558  ประชุม กกบศ 
   -ส่วนกลาง มาประชุม ด้วย อาจจะ ตรวจเยี่ยม ศาลสงขลา ด้วย ต้อง จัด เตรียม ความสะอาด ความเรียบร้อย ทุก อย่าง

5.ศึกษาดูงาน   วันที่ 13 กรกฎาคม 2558
  -ทำ Video  แนะนำศาลจังหวัดสงขลา   ไม่ง่าย
  - เปิด เตรียม Powerpoint
 
4.โครงการ ประสานความร่วมมือ   โรงแรม BP วันที่ 23 กรกฤาคม 2558
   - ถ่ายรูป 
   -  powerPoint

5.โครงการร่วมใจไกล่เกลี่ย วันที่ 28 กรกฎาคม 52558
  -

**** -ทำโปรแกรม   ทนายความ
 - โปรแกรมนายประกัน
- โปรแกรมศาล เกี่ยวกับ เลข 13 หลัก
-

89
….เมียสาววัย 23ปี โทรแจ้งความตำรวจขอแยกทางผัวเฒ่า สาเหตุจากที่ สามีบังคับมีเพศสัมพันธ์ทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หลับไม่ได้นอน
เจ้าตัวสารภาพคึกจริงเพราะยาดองเหล้าดี ซึ่งทั้งคู่ยอมความและตกลงแยกทางกันด้วยดี ส่วนชาวบ้านที่รู้ข่าว ตามขอ สูตรยาดอง จ้าละหวั่น

เมื่อ เวลา 04.00 น. วันนี้(25 ธ.ค.) พ.ต.ท.สุพิตร .. สารวัตรสอบสวน สภ.ลาดหลุมแก้ว ได้รับแจ้งจากหญิงสาวทางโทรศัพท์ว่า ถูกสามีสูงวัยกักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ที่บ้านพักไม่มีเลขที่ริมถนนปทุมธานี บางเลน หมู่ 3 ต.หน้าไม้ อ.ลาดหลุมแก้ว จ.ปทุมธานี จากนั้นให้สายตรวจไปตรวจสอบ และได้นำคู่กรณีมาโรงพัก

ทราบชื่อผู้แจ้งคือ น.ส.สมศรี อายุ 23 ปี บ้านเดิม ต.หนองบัวใต้ อ.เมือง จ.ตาก ให้การว่ามาพักอาศัยอยู่กินกับนายนาค อายุ 87 ปี แบบผัวเมียได้ประมาณเดือนเศษแล้ว แต่ตนทนไม่ไหวเนื่องจากสามีขอมีเพศสัมพันธ์ทั้งกลางวันกลางคืน ไปไหนมาไหนก็ไม่ได้ ถูกห้าม จนทำให้ทนไม่ไหว จึงโทรศัพท์แจ้งตำรวจขอความช่วยเหลือ ด้าน พ.ต.ท.สุพิตร สารวัตรสอบสวน ได้สอบถามนายนาค .. เป็นความจริงหรือไม่ นายนาค ยอมรับเป็นเรื่องจริง พร้อมกับขยายเรื่องว่า นางสมศรีเคยมีสามีและเลิกรากันไปสมัยที่ตนทำงาน และรู้จักกันที่จังหวัดลำปาง จากนั้นนางสมศรีได้ติดต่อมาขอมาอยู่ด้วยเหมือนสามีภรรยาทั่วไป และตนก็ชอบและได้มีเพศสัมพันธ์กันตลอดมา เห็นนางสมศรีแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศเสมอ แต่ไม่ถึงสิบครั้งต่อวันอย่างที่นางสมศรีบอก แค่วันละ5ครั้งเท่านั้นเอง

“ช่วงที่ผมทำแต่ละครั้งต้องใช้เวลานาน อาจจะทำให้นางสมศรีไม่พอใจ แต่เมื่อฝ่ายหญิงไม่ต้องการอยู่ด้วย ก็ยินดีให้ไป แต่ทรัพย์สินเงินทองที่ซื้อให้ ต้องขอคืนและจะให้ค่าใช้จ่ายไปบางส่วนเท่านั้น”
นายนาคกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาอยู่บ้านเพียงคนเดียว ทำหน้าที่เฝ้าโกดังโรงงานใกล้บ้านพัก และได้ยาสมุนไพรแช่เหล้าขาวเอาไว้เป็นปีๆ จำนวนมาก กินมาตลอด จึงทำให้มีพละกำลังดุจช้างสารยิ่งกว่าสมัยหนุ่มเสียอีก
“นายนาคยังพูดติดตลกกับตำรวจว่า อยากได้ของดีให้ไปหาที่บ้าน รับรองคืนหนึ่งได้ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้ง นายนาค กล่าว”

ขณะที่ ส่วนนางสมศรีพอใจการตกลงครั้งนี้เพื่อแยกทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ลงประจำวันไว้ให้เป็นหลักฐานแล้วทั้งคู่แยกทางกันไป

หลังข่าวแพร่ออกไป ล่าสุดถนนผ่าน ต.ลาดลุมแก้ว ถึงปทุมธานี รถติดตั้งหลายสิบกิโล เพราะทุกคนต่างมุ่งหน้าไปเอา สูตรยาดอง จนตำรวจต้องนำเฒ่ายาดองไปหลบในที่ปลอดภัย

แชร์ของดีๆมาฝาก….
สูตรยาดองลุงนาค ที่เมียทนไม่ไหวแล้วหนี ลาดหลุมแก้ว ที่เป็นข่าวดัง

๑.กำลังวัวเถลิง แซ่ม้าทะลาย กำแพงเจ็ดชั้น ม้ากระทืบโรง หนักสิ่งละ ๓๐ กรัม
๒. ฝางเสน เทพธาโร ชะเอมไทย หนักสิ่งละ ๖๐ กรัม
๓.เถาสะค้าน เจตมูลเพลิง หนักสิ่งละ ๒๐ กรัม
๔.ฮ้อสะพายควาย เถาเอ็นอ่อน เถาวัลย์เปรียง กำลังช้างสาร หนักสิ่งละ ๓๐ กรัม
๕.ชะเอมไทย ๖๐. กรัม
๖.โคคลาน กำลังช้างสาร หนักสิ่งละ ๖๐ กรัม
๗.โซดาไม่แช่เย็น หนัก ๓ ขวด
๘.หัวกระชายแกง หนัก ๓๐ กรัม
๙. สุรามะริด หนัก ๓๐ กรัม
๑๐.ชะเอมไทย หนัก ๑๐๐กรัม



รวมสูตรยาดองหลายสรรพคุณ


ยาดอง สูตรบำรุงโลหิต บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง


กำลังวัวเถลิง แซ่ม้าทะลาย กำแพงเจ็ดชั้น ม้ากระทืบโรง หนักสิ่งละ 30 กรัม
ฝางเสน เทพธาโร ชะเอมไทย หนักสิ่งละ 60 กรัม
เถาสะค้าน เจตมูลเพลิง หนักสิ่งละ 20 กรัม


ยาดอง คลายกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น แก้ปวดเมื่อย


ฮ้อสะพายควาย เถาเอ็นอ่อน เถาวัลย์เปรียง กำลังช้างสาร หนักสิ่งละ 30 กรัม
ชะเอมไทย 60 กรัม


ยาดอง บำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย แก้ปัสสาวะ ไม่สะดวก


โคคลาน กำลังช้างสาร หนักสิ่งละ 60 กรัม
โด่รู้ล้ม หนัก 30 กรัม
หัวกระชายแกง หนัก 30 กรัม
สุรามะริด หนัก 30 กรัม
ชะเอมไทย หนัก 100 กรัม


ยาดอง บำรุงกำลัง บำรุงกำหนัด บำรุงธาตุ


เปลือกต้นมะพลับ เปลือกต้นทิ้งถ่อน เปลือกต้นตะโกนา หนักสิ่งละ 60 กรัม
บอระเพ็ด เมล็ดข่อย(ตำ) หนักสิ่งละ 15 กรัม
แห้วหมู(ตำ) หนัก 30 กรัม
กระชายดำ 100 กรัม
ชะเอมไทยหนัก 60 กรัม


ยาดองสำหรับสตรี ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรง บำรุงโลหิต บำรุงผิวพรรณ ฟอกโลหิต


ว่านชักมดลูก หนัก 30 กรัม
ฝางเสน หนัก 60 กรัม
ว่านมหาเมฆ หนัก 15 กรัม
ดอกกระเจี๊ยบ หนัก 30 กรัม
ชะเอมไทย หนัก 100 กรัม
ดองได้ที่ แล้วค่อยผสมน้ำผึ้ง
ต้องดองไว้ 15 - 20 วันก่อนแล้วจึงเติมน้ำผึ้ง

91
Access / Code access
« เมื่อ: 16/06/15 »
Private Sub NewT_Click()
On Error GoTo Err_NewT_Click
    Label78.Visible = False
    Text80.Visible = False
    DoCmd.GoToRecord , , acNewRec
     Box13.Visible = True
    A1.Visible = True
    A2.Visible = True
    A3.Visible = True
    dm1.Visible = True
    dm3.Visible = True
    dm3 = date
    dm3.SetFocus
    dm4.Visible = True
    dm4 = ""
    dm5.Visible = True
    NewT.Visible = False
    La1.Visible = False
    La2.Visible = False
    Save.Visible = True

Exit_NewT_Click:

92
BunlangPresenB21

QBunlangPresenB211
Not Like "อ.*" And Not Like "พ.*" And Not Like "ผบ.*"

Like "อ.*"

Not Like "อ.*" Or "พ.*" Or "ผบ.*"

Not Like "อ.*" Or Not Like "พ.*" Or Not Like "ผบ.*"

Not Like "อ.*"


รบกวน อีกแล้ว ครับ
Not Like "อ.*"
คำสั่งนี้ ได้
แต่ ถ้าผม ต้อง การ กรอง  ไม่ต้องการ    พ.  และ  ผบ.  ด้วย ไม่ ให้ มัน โชว์  ใช้ คำ สั่ง ยังงัย ครับ


Not Like "อ.*" Or Like "พ.*" Or Like "ผบ.*"

not like "อ.*" or "พ.*" or "ผบ.*"

Not Like "อ.*" Or Not Like "พ.*" Or Not Like "ผบ.*"

94
เหตุการณ์จริง ที่เตือนสติ
แนะนำให้อ่านครับ ใช้เวลาไม่กี่นาที คุณได้กำไรชีวิตมากมายเลย อย่าลืมแชร์สิ่งดีๆเหล่านี้ให้แก่คนที่คุณรักนะครับ...ขอบคุณครับ (^_^)~
---------------------------------------
...ที่เมืองไทยหลายปีก่อนแล้วมีข่าวเกรียวกราวมาก
คือมีดาราคนหนึ่งซึ่งมีชื่อดังมาก
เป็นคนดำเนินรายการคนค้นคน
ดร.อภิวัฒน์ วัฒนางกูร นะ
มาเรียนที่อเมริกา
เป็นคนเพอร์เฟคชั่นนิส
ทำงานทุกอย่างต้องดูดีที่สุดแม้กระทั้งล้างจาน
ล้างเสร็จแล้วแกต้องเอามาดมดู
ว่าสะอาดจริงมั้ย
กลับไปเมืองไทยก็ไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย
มีแฟนก็จีบดาวมหาวิทยาลัยเลย
ต้องให้ดีที่สุด
เวลาแกไปเสนองานอะไรต่าง ๆ
เขียนไว้สามแผน
แผนที่หนึ่งลูกค้าไม่ซื้อ
แกเสนอแผนที่สอง
แผนที่สองลูกค้าไม่ซื้อแกเสนอแผนที่สาม
ใครไปดีลงานกับแกติดทุกราย
แกมีบ้าน มีรถ มีลูก มีภรรยา
มีธุรกิจ
มีชื่อเสียงทุกอย่าง
แกมีทุกอย่าง
วันหนึ่งแกพักผ่อน
หลังจากที่ทำงานแบบไม่ได้พักเลย
ลูกเมียไปขอพบ
บอกไปเจอพ่อที่ออฟฟิต
วันหนึ่งแกไปพักที่ปากช่อง
ตื่นขึ้นมากลางวันล้มฟุ๊บลงไป
ภรรยาพาเข้าโรงบาล
ตรวจพบมะเร็ง
พอพบปุ๊บเป็นระยะสุดท้ายเลย
จริง ๆ เค้าก็เตือนตลอด
แต่พอไม่มีเวลาไปตรวจมันก็แก้ไม่ได้
แกไปนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
แล้วก็สารภาพให้รายการคนค้นคน
บันทึกชีวิตแก
ก่อนจะเสียชีวิต
แกก็ไปนอนให้พ่อแม่เช็ดเนื้อเช็ดตัว
แกก็บอกว่าสังเวชตัวเองมากแทนที่ลูกจะได้ดูแลพ่อแม่
กลับมาเป็นว่าพ่อแม่ต้องมาดูแลลูก

ก่อนจะเสียชีวิตแกให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์คมชัดลึกบอกว่า
พ่อผมเคยบอกว่า ...
เกิดเป็นคนต้องได้ปริญญาสองใบ

1...ปริญญาใบที่หนึ่ง ....
"ปริญญาวิชาชีพ"
เราจะต้องทำมาหากินเป็น
กินอิ่ม นอนอุ่น พูดง่าย ๆ
ล้วงไปในกระเป๋าแล้วมีเงินใช้
อยากจะนอนมีบ้านเป็นของตัวเอง
แค่นี้คือปริญญาวิชาชีพ

2...แต่"ปริญญาวิชาชีวิต" ..
ซึ่งเป็นปริญญาใบที่สองที่พ่อแกบอกไว้
แกบอกว่าผมสอบตกโดยสิ้นเชิง
ผมเป็นดอกเตอร์จากอเมริกาได้ปริญญาวิชาชีพ
แต่ปริญญาวิชาชีวิตสอบตก
เพราะอะไร
เพราะทำงานจนป่วยตาย

ก่อนที่จะเสียชีวิตแกได้สารภาพว่าผมได้เตรียมทุกอย่าง
บ้าน รถ
มอบมันให้กับลูกและภรรยา
แต่ในวันที่ผมมีทุกสิ่งทุกอย่าง
ผมกลับลืมมอบหนึ่งอย่างให้กับลูกและภรรยา
สิ่งนั้นคือสิ่งที่ผมลืมและทำให้ผมล้มเจ็บใหญ่ครั้งนี้
สิ่งที่ว่านี้คือผมลืมมอบตัวเองเป็นของขวัญให้กับลูกและเมีย
เพราะทำงานหนักจนกระทั่งป่วยตาย

...นี่คือปริญญาวิชาชีวิต ...
ธรรมะเราจะต้องมี
ถ้าเราไม่มีธรรมะ
เราจะกลายเป็นหุ่นยนต์เท่านั้นเอง
ที่ทำงานแทบล้มประดาตายแล้วสุขภาพไม่ดี
ดังนั้นเมื่อเราทุกคนทำงานแล้ว
อย่าลืมชั่วโมงสุขภาพของตัวเองในแต่ละวันนะ
แต่ละวันควรจะมี
ให้ดูแลตัวเอง ดูจิต
ดูใจตัวเอง
ว่าเราเอ๊ะมันทุกข์
มันทุกข์มากเกินไปรึเปล่า
แบกเรื่องโน้นเรื่องนี้
เกินไปหรือเปล่า
พยายามลดลงในแต่ละวัน ๆ
เพื่อที่ว่าอะไร
เพื่อที่ว่าเราจะได้ปริญญาสองใบในชีวิต
หนึ่งปริญญาวิชาชีพ
เราทำมาหากินจนประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง
มีเงินมีทองใช้มีบ้านอยู่
แต่ต้องไม่ลืมปริญญาใบที่สอง
คือวิชาธรรมะ
สำหรับจะดูแลชีวิตให้ดำเนินอยู่ในทางสายกลาง
ไม่ทุกข์เกินไปไม่เดือนร้อนเกินไป
ทำอะไรให้พอดี
พอดีอยู่ดีมีสุข
อยากเที่ยวให้ได้เที่ยว
อยากพักให้ได้พัก
อยากทำบุญให้ได้ทำบุญ
ลูกหลานมาหาก็ให้ได้มีเวลากับลูกกับหลานบ้าง
อย่าวิ่งไปจนซ้ายสุด ขวาสุด
และมารู้สึกตัวอีกทำจนล้มเจ็บใหญ่ไม่ดี
เพราะอะไร
เพราะว่าสิ่งสูงค่าทีสุดในชีวิตของเรา

เคยมีคนไปทูลถามพระพุทธเจ้า..
ว่าอะไรคือสิ่งสูงค่าที่สุด
บางคนก็ตอบเงิน
บางคนก็ตอบเพชร
บางคนก็ตอบทอง
บางคนก็ตอบอำนาจ
บางคนก็ตอบราชบัลลังก์

พระพุทธเจ้าบอกไม่ใช่
สิ่งสูงค่าที่สุดในชีวิตของพวกเธอคือสุขภาพและชีวิต..
สุขภาพก็คือการที่เราไม่เจ็บไข้ได้ป่วย
คนที่สุขภาพดีดื่มน้ำธรรมดาก็อร่อยนะ
และก็ชีวิตของเรา

หากบุญกุศลอันใดจะเกิดได้จากการเผยแพร่เรื่องราว ผู้บันทึกก็ขอให้กุศลผลบุญนี้ จงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเพื่อปัญญาของเพื่อนผู้ร่วมวัฏฏะทุกท่าน และขอให้ ดร.อนุวัฒน์ ไม่ว่าจะไปอยู่ภพไหนหนใดก็ขอให้มีปัญญาเท่าทันต้นเหตุแห่งทุกข์เช่นที่ท่าน ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเตือนสติผู้อื่นไว้...
...ขอขอบพระคุณในข้อคิดดีดี..

95
เพิ่ม  ฟิว  ใน ตาราง สมุดนัดพิจารณา   

4  ฟิว
-------------------
1.จำนวนปาก/มีล่าม
2.จำนวนหน้า/มีล่าม
3.จำนวนปาก/ไม่มีล่าม
4.จำนวนหน้า/ไม่มีล่าม
---------------------

96
<=[Forms]![Formcheckkang]![dd]

>[Forms]![Formcheckkang]![dd] Or Is Null

[Forms]![BoxPrintJust]![Box3]


[Forms]![FormCenterF20]![xxx]

[Forms]![FormCenterF20]![Box1]


between [Box1] and [Box2]


Between [Forms]![BoxPrintJust]![Box1] And [Forms]![BoxPrintJust]![Box2]

[Forms]![BoxPrintJust]![Box3]

97
เครื่อง สแกน ตรง user402 ประชาสัมพันธ์  Error

Error code 103
paper jam

 แก้ ใข โดย เปิด ฝา หน้า แล้ว เช็ด ตรง  สีขาว ด้าน ใน
 หาย  เลยยย

98
ความผิดใน พรบ. คอมพิวเตอร์ 2550 ที่เราไม่คาดคิด!! ว่าจะเสี่ยงติดคุก

1.แอบเข้าคอมพิวเตอร์ของคนอื่น: หากเราแอบเข้าคอมพิวเตอร์ของคนอื่น ในกรณีที่เขาตั้งรหัสผ่านเอาไว้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท (ในทางกลับกัน หากเราไม่ตั้งรหัสผ่านเข้าเครื่องเอาไว้ แล้วคนอื่นมาแอบเข้าไปใช้งาน เขาอาจไม่มีความผิดตามมาตรานี้) และหากเรานำรหัสผ่านนี้ไปบอกต่อ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท

2.ขโมย ID และ Password : แอบใช้ ID และ Password ของผู้อื่นโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต มีสิทธิ์ถูกฟ้องร้องค่าเสียหาย 100,000 บาท ดังนั้นอย่าแอบใช้ ID  และ Password ของคุณสามีหรือภรรยาจนถูกจับได้นะครับ

3.ส่งอีเมล์หรือข้อความลูกโซ่: แนวๆ ประมาณว่า ให้ส่งต่อไปอีก 7 คน ไม่งั้นเราจะ… นั่น นี่ โน่น !! ไม่ว่าจะทางดีหรือร้าย ก็เข้าข่ายสร้างการรบกวนให้ผู้อื่น มีสิทธิ์โดนปรับไม่เกิน 100,000 บาท

4.การนำรูปผู้อื่นไปแชร์: ไม่ว่าจะแชร์รูปใคร ทั้งเพื่อน คนรู้จัก ดารา นักการเมือง หรือใครก็แล้วแต่ หากเรานำไปแชร์ หรือดัดแปลง ทำให้ผู้อื่นเสียหาย หรือได้รับความอับอาย มีความผิดและมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

5.โพสข้อความด่า: การโพสข้อความด่าหรือจงใจกล่าวหา ใส่ร้ายผู้อื่น มีความผิดและมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท


6.แชร์สื่อลามก: การแชร์ข้อมูลที่ลามก หรือสื่อให้เห็นถึงเนื้อหนัง ใต้ร่มผ้า มีความผิคและมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท

99
ลูกจ้างชั่วคราว ลาออก 18/05/58  สอบได้ เป็น ข้าราชการ ที่ ดี


นางสาวมลฤดี ทองแก้ว
ลูกจ้างชั่วคราว

มาใหม่

นางสาววรรณิศา  นิลปักษ์
ลูกจ้างชั่วคราว

100
หลักฐานต่างๆที่ใช้ในการยื่นขอประกันตัวผู้ต้องหา

1.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนจำเลย(รับรองสำเนาถูกต้อง)
2.สำเนาบัตรประชาชนของจำเลย(รับรองสำเนาถูกต้อง)
3.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของนายประกัน(รับรองสำเนาถูกต้อง)
4.สำเนาทะเบียนบ้านของนายประกัน(รับรองสำเนาถูกต้อง)
5.สำเนาใบสำคัญสมรส/ใบสำคัญการหย่าของนายประกัน(รับรองสำเนาถูกต้อง)
6.สำเนาบัตรประจำตัวระชาชนคู่สมรสนายประกัน(รับรองสำเนาถูกต้อง)
7.สำเนาทะเบียนบ้านคู่สมรสของนายประกัน(รับรองสำเนาถูกต้อง)
8.หนังสือยินยอมของคู่สมรสของนายประกัน
9.โฉนดที่ดิน, นส.๓ก.,น.ส.๓ จำนวน......ฉบับ
10.หนังสือรับรองราคาประเมินที่ดิน(ไม่เกิน ๑ เดือน)  ราคาที่ดินรวม ................................บาท
11.ภาพถ่ายที่ดิน ภาพถ่ายระบุวันที่ ไม่เกิน ๑ เดือน 
12.แผนที่ทางไปที่ดิน
13.หนังสือรับรองจากต้นสังกัด(ออกให้ไม่เกิน 1 เดือน)
14.หนังสือรับรองยอดเงินฝาก
15.สมุดเงินฝากประจำ
16.สลากออมสิน, สลากออมทรัพย์
17.สลิปเงินเดือน

หน้า: [1] 2 3 ... 7