กระทู้เมื่อเร็วๆ นี้

หน้า: [1] 2 3 ... 10
1
AI / -สถานทีเป็นร้านอาหารอีสานลาบก้อย
« กระทู้ล่าสุด โดย admin เมื่อ 11/09/25 »
-สถานทีเป็นร้านอาหารอีสานลาบก้อย ด้านหลังมีตู้โชว์เนื้อวัวสไตล์ร้านอาหารอีสาน

ให้ชายในรูปที่แนบปใส่เสื้อผ้าตามรูปอยู่ที่

เก้าอี้ไม้นั่งกินลาบข้างๆมีโต๊ะไม้ มีอาหาร ต้มแซบ ย่างเสือร้องไห้ กล่อง ข้าวเหนียว คนที่อยู่ตรงข้ามคือทอม ครูซ

ใส่เสื้อยีดลายการ์ตูนถือแก้วเป๊กเหล้าขาว

-คนที่น่งข้างหลังซายในรูปคือ ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอเสื้อยืดกางเกงขาสั้น

-มีวิลล์ สมิธ ใส่เสื้อกล้ามกางยีน ถือขวดเหล้าขาว40ดีกรีสีขวดน้ำตาล

-ทั้งหมดนั่งรวมในโต๊ะเดียวกัน

-ทั้งหมดมองมาที่กล้อง

-ภาพถ่ายด้วยกล้อง dslr
2
แนะนำตัว / ย้าย รอบ 11/09/2568
« กระทู้ล่าสุด โดย admin เมื่อ 11/09/25 »
ย้าย รอบ 11/09/2568

ชื่อ นางสาวณิชกานต์ สุทธิโพธิ์
ตำแหน่ง จพ.ชำนาญการพิเศษ

ชื่อ นางสาวเพ็ญศรี ไกรนรา
ตำแหน่ง เจ้าพนักงานศาลยุติธรรมชำนาญการ

ชื่อ นางสาวฑิฆัมพร เทพหนู
ตำแหน่ง นิติกรชำนาญการ

ชื่อ นายพชร เลิศตระกูลวัฒนาภา
ตำแหน่ง นิติกร

ชื่อ นางรอเวียห์ เจะสาอิ
ตำแหน่ง จนท.ปฏิบัติงาน
3
แจก โปรแกรม ! / แจก andydesk ตัวเก่า
« กระทู้ล่าสุด โดย admin เมื่อ 01/09/25 »
แจก andydesk ตัวเก่า
4
การแก้ไขปัญหา MySQL shutdown unexpectedly ใน XAMPP

บ่อยครั้งที่นักพัฒนาเว็บไซต์ซึ่งทำงานอยู่บน localhost และจำลองเครื่องแม่ข่ายด้วย XAMPP มักจะเจอเหตุการณ์ MySQL ฟ้อง error แจ้งปัญหาการทำงานผิดพลาดดังเช่นในภาพ



ปัญหา MySQL shutdown unexpectedly ใน XAMPP นั้นเกิดขึ้นได้บ่อยและมีสาเหตุหลายประการ สรุปสาเหตุหลัก ๆ มาจาก

Port ถูกใช้งานอยู่แล้ว: MySQL ใช้ port 3306 เป็นค่าเริ่มต้น หากมีโปรแกรมอื่นใช้ port นี้อยู่ MySQL จะไม่สามารถเริ่มทำงานได้
ไฟล์ข้อมูลเสียหาย: ไฟล์ในโฟลเดอร์ data ของ MySQL อาจเสียหายจากการปิดเครื่องไม่ถูกต้อง หรือปัญหาอื่น ๆ
การตั้งค่าไม่ถูกต้อง: ไฟล์ my.ini ซึ่งเป็นไฟล์ตั้งค่าของ MySQL อาจมีการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง
สิทธิ์การเข้าถึงไม่ถูกต้อง: ผู้ใช้งานที่รัน XAMPP อาจไม่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงไฟล์หรือโฟลเดอร์ที่จำเป็น
วิธีแก้ไขปัญหาตามสาเหตุที่ว่าไว้คือ

     1. ตรวจสอบ Port:

ระบบปฏิบัติการ Windows: เปิด Command Prompt และพิมพ์ netstat -ano | findstr :3306 เพื่อดูว่ามีโปรแกรมใดใช้ port 3306 อยู่ หากมี ให้ปิดโปรแกรมนั้นหรือเปลี่ยน port ที่ MySQL ใช้ในไฟล์ my.ini
ระบบปฏิบัติการ macOS/Linux: เปิด Terminal และพิมพ์ sudo lsof -i :3306 เพื่อดูว่ามีโปรแกรมใดใช้ port 3306 อยู่ หากมี ให้ปิดโปรแกรมนั้นหรือเปลี่ยน port ที่ MySQL ใช้ในไฟล์ my.ini
     2. ซ่อมแซมไฟล์ข้อมูล:

     1. เปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ mysql/data เป็น mysql/data_old

     - ขั้นตอนนี้เป็นการสำรองข้อมูลเดิมไว้ โดยเปลี่ยนชื่อโฟลเดอร์ที่มีปัญหาเพื่อให้สามารถสร้างโฟลเดอร์ใหม่ได้

     2. ทำสำเนาของโฟลเดอร์ mysql/backup และตั้งชื่อเป็น mysql/data

     - XAMPP จะมีโฟลเดอร์สำรองที่มีโครงสร้างฐานข้อมูลพื้นฐาน เราจะใช้โฟลเดอร์นี้เป็นจุดเริ่มต้นใหม่

     3. คัดลอกโฟลเดอร์ฐานข้อมูลทั้งหมดของคุณจาก mysql/data_old ไปยัง mysql/data

     - ย้ายข้อมูลฐานข้อมูลทั้งหมดที่เคยมีกลับเข้าไปในโฟลเดอร์ใหม่ ยกเว้นโฟลเดอร์ระบบ (mysql, performance_schema, phpmyadmin) เพราะเราต้องการใช้เวอร์ชันใหม่ของโฟลเดอร์เหล่านี้

     4. คัดลอกไฟล์ mysql/data_old/ibdata1 ไปยังโฟลเดอร์ mysql/data

     - ไฟล์ ibdata1 เป็นไฟล์สำคัญที่เก็บข้อมูล InnoDB ซึ่งเป็นระบบจัดการฐานข้อมูลหลักของ MySQL การคัดลอกไฟล์นี้ช่วยรักษาความสมบูรณ์ของข้อมูลของคุณ

     5. เริ่มการทำงานของ MySQL ใหม่จากแผงควบคุม XAMPP

     - หลังจากทำตามขั้นตอนข้างต้นแล้ว ให้เปิด XAMPP Control Panel และลองเริ่มการทำงานของ MySQL อีกครั้ง

     3. ตรวจสอบและแก้ไขไฟล์ my.ini:

ตรวจสอบว่าการตั้งค่าต่าง ๆ เช่น port, datadir, innodb_log_file_size ถูกต้อง
     4. ตรวจสอบสิทธิ์การเข้าถึง:

ตรวจสอบว่าผู้ใช้ที่รัน XAMPP มีสิทธิ์ในการอ่านและเขียนไฟล์และโฟลเดอร์ในไดเร็กทอรี XAMPP
จากประสบการณ์ที่ผ่าน ๆ มา พบว่าวิธีที่ 2 มักจะสามารถช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ดีที่สุดครับ ยังไงก็ลองนำไปปรับใช้กันดูได้ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นเพียงวิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือวิธีแก้ไขในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาอย่างถาวร หลังจากที่เราสามารถกู้คืนข้อมูลกลับมาได้แล้ว แนะนำให้สำรองข้อมูลออกมาแล้วติดตั้ง XAMPP ใหม่ เพราะการติดตั้งใหม่จะช่วยแก้ปัญหาที่อาจเกิดจากไฟล์ระบบที่เสียหายหรือการตั้งค่าที่ผิดพลาดใน XAMPP ได้ดีที่สุดนั่นเองครับ


5
Tip Service / หมวด AI
« กระทู้ล่าสุด โดย admin เมื่อ 08/08/25 »
1. **DeepSeek** – ค้นคว้าและวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก
2. **Gemini** – AI ของ Google, ทำโค้ด-สร้างภาพ-วิเคราะห์ข้อมูล
3. **Perplexity** – Chatbot+Search, ค้นข้อมูลพร้อมอ้างอิง
4. **Xmind AI** – ทำ Mind Map อัตโนมัติ
5. **Mapify** – วางแผน/จัดระเบียบแผนที่และเส้นทาง
6. **Felo** – ค้นหาข้อมูลเรียลไทม์
7. **Claude** – AI ปลอดภัย, เขียนและวิเคราะห์ดี
8. **Qwen** – AI ของ Alibaba, แปลภาษาและวิเคราะห์ข้อมูล
9. **Adverra Voice AI** – ประมวลผลเสียง, Text-to-Speech
10. **Work360** – วิเคราะห์งานและติดตามโปรเจกต์องค์กร
11. **NotebookLM** – อ่าน/สรุปเอกสารอัตโนมัติ
12. **ChatGPT** – ตอบคำถาม, เขียนคอนเทนต์, วิเคราะห์โค้ด
13. **Freepik** – ดาวน์โหลดภาพและสร้างรูปด้วย AI
14. **AI Video Generator** – แปลงข้อความเป็นวิดีโอ
15. **OpenAI.fm** – ทดสอบ AI ด้านเสียงและมัลติมีเดีย
---
### **หมวด AI Graphic**
* เครื่องมือสร้าง/แก้ไขภาพ เช่น MidJourney, DALL·E, Runway, Leonardo, Canva AI
---
### **หมวด AI HUB**
1. **Botnoi Voice** – แปลงข้อความเป็นเสียงไทยหลายอารมณ์
2. **Sign in-Napkin** – Brainstorm ทำสไลด์ไอเดียเร็ว
3. **Gammas** – สร้าง Presentation อัตโนมัติ
4. **Grok** – Chatbot ของ X, ดึงข้อมูลเรียลไทม์และวิเคราะห์เทรนด์
6
 บทบรรยายวิดีโอ: ประวัติศาลยุติธรรมไทย

เสียงบรรยายพร้อมภาพประกอบ: รูปภาพเก่า, พระราชกรณียกิจ, อาคารศาล, พิพิธภัณฑ์ศาลไทย ฯลฯ

[ช่วงที่ 1: จุดเริ่มต้นของระบบศาลไทย]

ในสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ศาลไทยยังไม่มีรูปแบบชัดเจน การพิจารณาคดีต่างๆ กระจายอยู่ตามกระทรวงและกรมต่างๆ โดยศาลเหล่านี้ทำหน้าที่แทนพระมหากษัตริย์ในการตัดสินคดี

แต่เมื่อสังคมไทยเริ่มเปิดรับอิทธิพลตะวันตก และมีความสัมพันธ์กับต่างประเทศมากขึ้น ระบบศาลไทยจึงจำเป็นต้องได้รับการปฏิรูป เพื่อให้สอดคล้องกับหลักสากลและหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างประเทศ

[ช่วงที่ 2: การปฏิรูปในสมัยรัชกาลที่ 5]

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงวางรากฐานระบบศาลยุติธรรมสมัยใหม่ โดยรวมศาลที่กระจัดกระจายมาอยู่ภายใต้ระบบเดียวกัน เพื่อความเป็นธรรม รวดเร็ว และเหมาะสมในการพิจารณาคดี

ในโอกาสครบรอบ 100 ปีกรุงเทพฯ วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2425 พระองค์ทรงเสด็จวางศิลาฤกษ์ “ศาลสถิตย์ยุติธรรม” พร้อมจารึกพระราชดำรัสลงในแผ่นเงินที่เรียกว่า “หิรัญบัตร” เพื่อแสดงพระราชประสงค์ในการตั้งศาลให้เป็นที่พึ่งของประชาชน และเป็นหลักประกันความสงบสุขของแผ่นดิน

[ช่วงที่ 3: การพัฒนาต่อเนื่อง และการกำหนดวันศาลยุติธรรม]

นับแต่นั้นมา ศาลยุติธรรมได้ทำหน้าที่ประสิทธิ์ประสาทความยุติธรรมแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และในโอกาสกรุงเทพฯ ครบรอบ 220 ปี ซึ่งตรงกับศาลยุติธรรมครบรอบ 120 ปีในปี พ.ศ. 2545 สำนักงานศาลยุติธรรมได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์ศาลไทยและหอจดหมายเหตุ เพื่อเทิดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์

และกำหนดให้วันที่ 21 เมษายนของทุกปี เป็น “วันศาลยุติธรรม”

[ช่วงที่ 4: การแยกอำนาจตุลาการให้เป็นอิสระ]

ในปี พ.ศ. 2478 มีการประกาศใช้พระธรรมนูญศาลยุติธรรม แยกงานออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ งานธุรการที่อยู่ภายใต้กระทรวงยุติธรรม และงานตุลาการซึ่งเป็นอำนาจของผู้พิพากษา

ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2540 รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้บัญญัติให้แยกศาลยุติธรรมออกจากกระทรวงยุติธรรมอย่างชัดเจน โดยมีสำนักงานศาลยุติธรรมเป็นหน่วยงานอิสระขึ้นตรงต่อประธานศาลฎีกา และในปี พ.ศ. 2543 พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการศาลยุติธรรมได้ให้สถานะนิติบุคคลแก่สำนักงานศาลยุติธรรม

นับตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2543 ศาลยุติธรรมไทยจึงมีความเป็นอิสระอย่างแท้จริง

[ช่วงสรุป: ความสำคัญของศาลยุติธรรม]

จากวันวางรากฐานสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ศาลยุติธรรมไทยได้ยืนหยัดเป็นเสาหลักแห่งความยุติธรรม รับใช้ประชาชน ด้วยความซื่อสัตย์ เที่ยงธรรม และเป็นอิสระ เพื่อให้สังคมไทยดำรงอยู่ด้วยความสงบสุข มั่นคง และน่าเชื่อถือ สืบไป

 (ขึ้นข้อความท้ายคลิป)
21 เมษายน
"วันศาลยุติธรรม"
วันแห่งการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
และตระหนักถึงคุณค่าของความยุติธรรมในสังคมไทย
7
ศาลจังหวัดสงขลา เดิมมีฐานะเป็น “ศาลมณฑลนครศรีธรรมราช” จัดตั้งขึ้นตามพระธรรมนูญศาลหัวเมือง ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2439) เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการปกครองแบบเทศาภิบาลในขณะนั้น โดยแบ่งศาลยุติธรรมในหัวเมืองออกเป็น 3 ระดับ ได้แก่ ศาลมณฑล ศาลเมือง และศาลแขวง

มณฑลนครศรีธรรมราชมีศาลาว่าการตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลา จึงได้จัดตั้งศาลมณฑล ณ จังหวัดสงขลา เปิดทำการเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 116 โดยมีพระยาพิทักษ์เทพธานีเป็นอธิบดีผู้พิพากษาคนแรก ใช้สถานที่ร่วมกับที่ว่าการมณฑลในจวนเมืองเก่า ซึ่งเป็นอาคารแบบจีน (ปัจจุบันเป็นที่ทำการโทรศัพท์กลางและร้านค้า)

ต่อมา มีการปรับปรุงระบบศาลให้เหมาะสมกับการปกครองแบบใหม่ โดยยกเลิกอำนาจของศาลมณฑลในการพิจารณาคดีอุทธรณ์ และให้ส่งคำอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ที่กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งมีประกาศกระทรวงมหาดไทยใน พ.ศ. 2459 ให้เปลี่ยนคำว่า "เมือง" เป็น "จังหวัด" และเปลี่ยนชื่อ “ศาลเมือง” เป็น “ศาลจังหวัด” โดยยังคงอำนาจหน้าที่เช่นเดิม

ใน พ.ศ. 2473 มีการแก้ไขพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ให้ศาลจังหวัดต้องมีผู้พิพากษาอย่างน้อยสองคนในการพิจารณาคดี และภายหลังการยุบเลิกมณฑลใน พ.ศ. 2476 ศาลมณฑลนครศรีธรรมราชจึงเปลี่ยนสถานะเป็น “ศาลจังหวัดสงขลา” โดยยังมีอำนาจหน้าที่เช่นเดิม

ที่ทำการเดิมของศาลอยู่ติดกับเรือนจำสงขลาและไม่สามารถขยายได้ จึงมีการย้ายสถานที่ตั้งใหม่ โดยหลวงจำรูญเนติศาสตร์ ข้าหลวงยุติธรรมภาคใต้ ได้เลือกที่ดินทางทิศตะวันออกของวัดสระเกษ เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เพื่อก่อสร้างอาคารใหม่ เริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน พ.ศ. 2480 แล้วเสร็จในวันที่ 21 พฤษภาคม 2484 และเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2484 โดยพระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ ประธานศาลฎีกาในขณะนั้น
(ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9)

ต่อมา เมื่อมีคดีความเพิ่มขึ้น อาคารศาลจึงถูกแบ่งใช้เป็นที่ทำการของศาลแขวงสงขลา และสำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 9 ทำให้ไม่สะดวกในการปฏิบัติงาน กระทรวงยุติธรรมจึงจัดสรรงบประมาณจำนวน 57,363,700 บาท ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2528 เพื่อก่อสร้างอาคารศาลจังหวัดสงขลาหลังใหม่

นายเธียร เจริญวัฒนา ปลัดกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้าง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลป์การช่าง เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2528 เพื่อดำเนินการก่อสร้างอาคารขนาด 20 บัลลังก์ พร้อมบ้านพักผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ โรงอาหาร ลานจอดรถ และระบบสาธารณูปโภคต่าง ๆ มีกำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 6 ธันวาคม 2530

พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2529 และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ปัจจุบันคือพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดอาคารศาลอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2530

อาคารศาลจังหวัดสงขลาหลังใหม่นี้เริ่มเปิดทำการตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2531 จนถึงปัจจุบัน
8
ประวัติศาลจังหวัดสงขลา
ศาลจังหวัดสงขลา เดิมมีฐานะเป็น “ศาลมณฑลนครศรีธรรมราช” ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระธรรมนูญศาลหัวเมือง ร.ศ. 116 (พ.ศ. 2439) เพื่อให้สอดคล้องกับระบบการปกครองเทศาภิบาลในขณะนั้น โดยแบ่งศาลยุติธรรมในหัวเมืองออกเป็น 3 ระดับ คือ ศาลมณฑล ศาลเมือง และศาลแขวง

มณฑลนครศรีธรรมราชมีศาลาว่าการตั้งอยู่ที่จังหวัดสงขลา จึงได้จัดตั้งศาลมณฑล ณ จังหวัดสงขลา และเริ่มเปิดทำการเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ร.ศ. 116 โดยมี พระยาพิทักษ์เทพธานี ดำรงตำแหน่งอธิบดีผู้พิพากษาคนแรก ใช้สถานที่ทำการร่วมกับที่ว่าการมณฑลในจวนเมืองเก่า ซึ่งเป็นอาคารแบบจีน (ปัจจุบันเป็นที่ทำการโทรศัพท์กลางและร้านค้า)

ต่อมา มีการปรับปรุงระบบศาลให้เหมาะสมกับรูปแบบการปกครอง และได้ยกเลิกอำนาจศาลมณฑลในการพิจารณาคดีอุทธรณ์ โดยให้ส่งต่อศาลอุทธรณ์ที่กรุงเทพมหานคร พร้อมทั้งมีประกาศกระทรวงมหาดไทยใน พ.ศ. 2459 ให้เปลี่ยนคำว่า "เมือง" เป็น "จังหวัด" และเปลี่ยนชื่อศาลเมืองเป็น “ศาลจังหวัด” โดยยังคงอำนาจหน้าที่เดิมทุกประการ

ใน พ.ศ. 2473 ได้มีการแก้ไขพระธรรมนูญศาลยุติธรรมให้ศาลจังหวัดต้องมีผู้พิพากษาสองคนขึ้นไปในการพิจารณาพิพากษาคดี และเมื่อมีการยุบเลิกมณฑลใน พ.ศ. 2476 ศาลมณฑลนครศรีธรรมราชจึงเปลี่ยนสถานะเป็น “ศาลจังหวัดสงขลา” โดยคงอำนาจหน้าที่เช่นเดิม

ต่อมา ที่ทำการเดิมของศาลอยู่ติดกับเรือนจำสงขลาและชำรุดทรุดโทรม ไม่สามารถขยายได้ จึงมีการดำเนินการย้ายที่ทำการใหม่ โดย หลวงจำรูญเนติศาสตร์ ข้าหลวงยุติธรรมภาคใต้ ได้เลือกที่ดินทางทิศตะวันออกของวัดสระเกษ เนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ เป็นสถานที่ก่อสร้างอาคารศาลแห่งใหม่ เริ่มก่อสร้างในเดือนเมษายน พ.ศ. 2480 แล้วเสร็จวันที่ 21 พฤษภาคม 2484 และทำพิธีเปิดเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2484 โดย พระยาลัดพลีธรรมประคัลภ์ ประธานศาลฎีกาในขณะนั้น
(ปัจจุบันเป็นที่ตั้งของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 9)

อาคารหลังดังกล่าวเคยเป็นสถานที่ราชการขนาดใหญ่ที่โดดเด่นในจังหวัดสงขลาและภาคใต้ แต่เมื่อมีคดีความเพิ่มขึ้น จึงถูกแบ่งใช้เป็นที่ทำการของศาลแขวงสงขลา และสำนักงานบังคับคดีและวางทรัพย์ภูมิภาคที่ 9 ส่งผลให้เกิดความคับแคบในการปฏิบัติราชการ

ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2528 กระทรวงยุติธรรมได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 57,363,700 บาท เพื่อก่อสร้างอาคารศาลจังหวัดสงขลาหลังใหม่ โดยมี นายเธียร เจริญวัฒนา ปลัดกระทรวงยุติธรรมในขณะนั้น เป็นผู้ลงนามในสัญญาก่อสร้าง เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2528 โดยบริษัทผู้รับจ้างคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศิลป์การช่าง

อาคารใหม่ประกอบด้วยห้องพิจารณาคดี 20 บัลลังก์ บ้านพักผู้พิพากษาหัวหน้าศาล บ้านพักผู้พิพากษา เจ้าหน้าที่ และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ที่จำเป็น เช่น โรงอาหาร ลานจอดรถ และระบบระบายน้ำ โดยกำหนดแล้วเสร็จในวันที่ 6 ธันวาคม 2530

ต่อมา พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2529 และ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ปัจจุบันคือพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว) เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดอาคารศาลจังหวัดสงขลาอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2530

ศาลจังหวัดสงขลาแห่งใหม่นี้เริ่มเปิดทำการตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2531 จนถึงปัจจุบัน

9
Forex / Re: ระบบแม่ปลาปากกาเขียว
« กระทู้ล่าสุด โดย admin เมื่อ 30/07/25 »
วงจรการเทรด 4 ขั้นตอน (เข้าใจง่ายๆ)

สมมติว่าคุณกำลังดูราคาสินค้าหรือหุ้นตัวหนึ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตลาด มันจะมีอยู่ 4 จังหวะหลักๆ วนไปมาแบบนี้ครับ:

เกิด Sig (เกิดสัญญาณ):

ง่ายๆ คือ: เหมือนกับการที่ "ไฟเขียวขึ้น" หรือ "มีสัญญาณบ่งบอก" ว่าราคากำลังจะเริ่มเคลื่อนไหวไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างชัดเจน (เช่น กำลังจะขึ้น หรือกำลังจะลง) นี่คือจังหวะที่คุณต้องสังเกตดีๆ ครับ

วิ่งครบรอบ Sig (วิ่งตามสัญญาณ):

ง่ายๆ คือ: พอมีสัญญาณแล้ว ราคามันก็จะเริ่ม "วิ่งตามทิศทางที่สัญญาณบอก" ไปเรื่อยๆ เป็นระยะทางหนึ่ง เหมือนรถที่ออกตัวไปแล้ววิ่งไปตามถนน

ตัวเลขที่เห็น (H1 1,000, H4 1,500-3,000, Day 2,500-5,000, Week 10,000-15,000, MN 15,000-30,000) คือ ระยะทางที่ราคาวิ่งไปได้ ในแต่ละ "กรอบเวลา" (Timeframe)

H1 (1 ชั่วโมง) วิ่งได้ 1,000 จุด

H4 (4 ชั่วโมง) วิ่งได้ 1,500-3,000 จุด

Day (1 วัน) วิ่งได้ 2,500-5,000 จุด

Week (1 สัปดาห์) วิ่งได้ 10,000-15,000 จุด

MN (1 เดือน) วิ่งได้ 15,000-30,000 จุด

ยิ่งกรอบเวลานานเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งวิ่งได้ระยะทางเยอะขึ้นเท่านั้น เพราะมันมีเวลาเคลื่อนไหวมากกว่า

พักตัว:

ง่ายๆ คือ: หลังจากที่ราคาวิ่งมาได้สักพัก มันก็จะ "เหนื่อย" และ "พักหายใจ" ไม่ได้วิ่งไปในทิศทางเดิมอย่างรวดเร็วอีกต่อไป เหมือนรถที่วิ่งมาไกลๆ ก็ต้องจอดแวะพักบ้าง

การพักตัวมีหลายแบบ:

พักตัวครบรอบ Sig: พักจนหมดแรงที่วิ่งมา เหมือนพักจนครบระยะทางที่ควรจะพัก

พักครึ่ง: พักแค่ครึ่งทางที่วิ่งมา

พักสวิง: พักแบบแกว่งไปแกว่งมา ไม่ได้ขึ้นหรือลงชัดเจน แต่เป็นการทรงตัว

Sideway (ออกข้าง):

ง่ายๆ คือ: หลังจากพักตัวแล้ว ราคามันก็ยังไม่ไปไหนชัดเจน "วิ่งอยู่กับที่" หรือ "วิ่งขึ้นๆ ลงๆ ในกรอบแคบๆ" เหมือนรถที่ติดไฟแดง ขยับไปนิดหน่อยแต่ไม่ได้ไปไหนไกลๆ นี่คือช่วงที่ตลาดไม่ไปไหน เป็นช่วงที่นักเทรดมักจะรอดูสัญญาณใหม่

ข้อสำคัญ: "การพักตัว" และ "Sideway" สามารถเกิดขึ้นสลับกันไปมาได้ ไม่จำเป็นต้องเรียงตามลำดับเป๊ะๆ บางทีพักแล้วพักอีก หรือ Sideway แล้ว Sideway อีกก็ได้ ไม่ได้ตายตัว

สรุปภาพรวม:

จินตนาการว่าราคาคือรถยนต์คันหนึ่ง:

เกิด Sig: มีคนสตาร์ทรถ (เริ่มมีสัญญาณ)

วิ่งครบรอบ Sig: รถเริ่มวิ่งออกไปตามถนน (ราคาเคลื่อนไหวตามเทรนด์)

พักตัว: รถแวะปั๊ม เติมน้ำมัน พักคนขับ (ราคาเริ่มชะลอตัว ไม่ไปไหนแรงๆ)

Sideway: รถจอดติดไฟแดง หรือวนอยู่ในลานจอดรถ (ราคาเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ ไม่มีทิศทางชัดเจน)

จากนั้น วงจรก็จะวนกลับไปที่ข้อ 1 คือรอสัญญาณใหม่ เพื่อให้รถออกตัววิ่งไปอีกครั้งครับ
10
Forex / Re: ระบบแม่ปลาปากกาเขียว
« กระทู้ล่าสุด โดย admin เมื่อ 29/07/25 »
"เงื่อนไขการเข้าออเดอร์" ในระบบ "แม่เปลาะปากกาเขียว" โดยเน้นที่การ "เข้าด้วย SIG+กรอบ" ซึ่งหมายถึงการใช้สัญญาณ (Signal) ร่วมกับหลักการกรอบราคา

มาดูรายละเอียดแต่ละส่วนกันนะคะ:

หัวข้อ: เข้าด้วย SIG+กรอบ

นี่คือเงื่อนไขการเข้าออเดอร์อีกรูปแบบหนึ่งที่เน้นการใช้สัญญาณควบคู่ไปกับกรอบราคา

รายละเอียดและเงื่อนไข:

เกิด Sig TF. H1 H4 D1 W1 MN

"Sig": ย่อมาจาก Signal (สัญญาณ) ซึ่งในบริบทของการเทรด มักจะหมายถึงสัญญาณการซื้อขายที่เกิดจากอินดิเคเตอร์บางตัว หรือจากรูปแบบราคา/แท่งเทียนที่ระบบกำหนดไว้

"TF. H1 H4 D1 W1 MN": หมายถึง สัญญาณนี้จะต้องเกิดขึ้นใน Timeframe (กรอบเวลา) ที่ใหญ่ขึ้น ได้แก่:

H1 (1 ชั่วโมง)

H4 (4 ชั่วโมง)

D1 (1 วัน)

W1 (1 สัปดาห์)

MN (1 เดือน)

ความหมาย: ระบบนี้ไม่ได้ใช้แค่กราฟเล็กๆ อย่าง M5 ในการเข้าออเดอร์ แต่ยังต้องใช้สัญญาณจากกราฟ Timeframe ใหญ่ๆ มายืนยันด้วย เพื่อให้สัญญาณมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น

ถ้ายังเกิด Sig เหมือนกันตั้งแต่ 2 TF โอกาสกราฟวิ่งถึง TP 100%

"ถ้ายังเกิด Sig เหมือนกันตั้งแต่ 2 TF": นี่คือการยืนยันสัญญาณที่สำคัญมาก หากพบสัญญาณเดียวกัน (เช่น สัญญาณ Buy) เกิดขึ้นพร้อมกันใน Timeframe ใหญ่ 2 กรอบขึ้นไป (เช่น เห็นสัญญาณ Buy ทั้งใน H1 และ H4 พร้อมกัน)

"โอกาสกราฟวิ่งถึง TP 100%": หมายความว่า หากสัญญาณได้รับการยืนยันจาก Timeframe ใหญ่หลายๆ Timeframe จะยิ่งเพิ่มโอกาสที่ราคาจะวิ่งไปถึงจุดทำกำไร (Take Profit) ที่ตั้งไว้ได้สำเร็จ

ภาพประกอบด้านซ้าย (XAUUSD, H1): จะเห็นว่ามีจุด "P2" (ซึ่งน่าจะเป็นสัญลักษณ์ของสัญญาณ) เกิดขึ้นในกราฟ H1 ทั้งในจุดที่ราคากลับตัวขึ้นและกลับตัวลง แสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่เกิดขึ้นใน Timeframe ที่ใหญ่ขึ้น

เมื่อเมื่อเกิด Sig Buy ไปเข้าออเดอร์ M5 เมื่อมีแท่งเบรคราคาหรือแท่งยืนกรอบได้

"เมื่อเกิด Sig Buy": เมื่อเราเห็นสัญญาณ Buy ใน Timeframe ใหญ่แล้ว (ตามเงื่อนไขด้านบน)

"ไปเข้าออเดอร์ M5": ให้เปลี่ยนไปดูที่กราฟ M5 (กราฟ 5 นาที) เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์ที่แม่นยำ

"เมื่อมีแท่งเบรคราคาหรือแท่งยืนกรอบได้": และให้เข้า Buy เมื่อเห็นแท่งเทียน M5 ที่:

"เบรคราคา": คือทะลุแนวต้านหรือกรอบขึ้นไป

"แท่งยืนกรอบ": คือแท่งเทียนที่แสดงการยืนยันว่าจะไม่หลุดกรอบลงไป (เช่น เป็นแท่งเทียนที่กลับตัวขึ้นมาจากกรอบล่าง)

เมื่อเกิด Sig Sell ไปเข้าออเดอร์ M5 เมื่อมีแท่งเบรคราคาหรือแท่งหลุดกรอบ

"เมื่อเกิด Sig Sell": เมื่อเราเห็นสัญญาณ Sell ใน Timeframe ใหญ่แล้ว

"ไปเข้าออเดอร์ M5": ให้เปลี่ยนไปดูที่กราฟ M5 เพื่อหาจุดเข้าออเดอร์ที่แม่นยำ

"เมื่อมีแท่งเบรคราคาหรือแท่งหลุดกรอบ": และให้เข้า Sell เมื่อเห็นแท่งเทียน M5 ที่:

"เบรคราคา": คือทะลุแนวรับหรือกรอบลงไป

"แท่งหลุดกรอบ": คือแท่งเทียนที่แสดงการยืนยันว่าจะไม่เด้งกลับขึ้นไป (เช่น เป็นแท่งเทียนที่ทะลุกรอบบนลงมาอย่างชัดเจน)

ภาพประกอบด้านขวา (XAUUSD, M5):
ภาพนี้เป็นตัวอย่างของกราฟ M5 ที่แสดงให้เห็นการเกิด "แท่งเบรคราคา/เบรคกรอบ" และ "แท่งยืนกรอบ" ซึ่งเป็นจุดที่นักเทรดจะเข้าออเดอร์ตามสัญญาณที่ได้จาก Timeframe ใหญ่

สรุปเงื่อนไข "เข้าด้วย SIG+กรอบ" แบบง่ายๆ:

เป็นกลยุทธ์การเข้าออเดอร์ที่เน้นการผสมผสานระหว่าง:

สัญญาณ (Sig) ที่แข็งแกร่ง: โดยดูสัญญาณที่เกิดขึ้นใน Timeframe ใหญ่ (H1, H4, D1, W1, MN) หากมีสัญญาณเดียวกันในหลาย Timeframe ยิ่งดี เพราะจะเพิ่มโอกาสสำเร็จ

การหาจุดเข้าที่แม่นยำใน M5: เมื่อได้สัญญาณจาก Timeframe ใหญ่แล้ว ให้เปลี่ยนไปดูกราฟ M5 เพื่อหาจังหวะเข้าออเดอร์ที่เหมาะสมที่สุด โดยใช้หลักการของ "แท่งเบรคราคา" (ทะลุกรอบ) หรือ "แท่งยืนกรอบ" (กลับตัวจากกรอบ) ที่ได้อธิบายไปก่อนหน้านี้

การรวมกันของสัญญาณจาก Timeframe ใหญ่และการหาจุดเข้าที่ละเอียดใน Timeframe เล็ก จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจเข้าซื้อขายในระบบ "แม่เปลาะปากกาเขียว" นี้ค่ะ
หน้า: [1] 2 3 ... 10