ผู้เขียน หัวข้อ: มาเลือกหุ้นเข้าพอร์กันครับ  (อ่าน 853 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

banrong

  • Administrator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 350
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
สวัสดีครับ โดยส่วนตัว ผมเป็นนักลงทุน ตามตลาดหุ้นต่างประเทศเกือบทั่วโลก เฟ้นหาหุ้นเข้าพอร์ต เพื่อการลงทุนในการวางเป้าหมายที่จะให้เงินทำงานให้ อยากจะกลับไปใช้ชีวิตในเมืองไทยสักที 

โดยส่วนตัวผมเน้นการลงทุนไปในแนวทางอนุรักษ์นิยม เน้นความปลอดภัย ชอบศึกษาข้อมูล โดยจะอาศัยจังหวะเข้าซื้อหุ้นในช่วงที่หุ้นมีการปรับตัวลงอย่างมาก และจะถือหุ้นไว้นานเพื่อการกินปันผล หรือกำไรจากราคาที่สูงขึ้น สำหรับผม การเสียเงินจากหุ้น ผมจะพยายามหลีกเลี่ยง เพราะเงินทองหายาก โดยการซื้อหุ้นผมจะพยายามทำอย่างน้อยครั้ง เพราะถ้าเข้าออกมากโอกาสพลาดมีสูง ดังนั้นการเตรียมความพร้อมในการศึกษาข้อมูล ผมจะทำอย่างสม่ำเสมอ และได้แต่รอจังหวะในการเข้าซื้อ ผมมีเทคนิคส่วนตัวว่าหากหุ้นตัวไหนที่ผมเคยซื้อไว้ มีการทำกำไรเกินกว่า 20%
และมีความมั่นใจในธุรกิจ ผมจะเก็บไว้เข้าพอร์ต ให้ Profit run เพราะส่วนต่างๆ ตรงนี้คือ ช่วงของความปลอดภัย ซึ่งมันจะทำให้ผมมีความมั่นใจในการถือยาวกินปันผล หรือถ้าตลาดขึ้นแบบไร้เหตุผล อย่างที่ผ่านมาในตลาดหุ้นประเทศจึน หรือประเทศไทยเกินไปที่ 1700 ผมก็จะขายทำกำไรออกเพื่อรอจังหวะเข้าทำใหม่

ครั้งนี้ผมได้ทำการบ้านมาหลายวัน หลังจากเคยซื้อหุ้นในตลาดเมืองไทยในตอนต้นปี 2014 และขายออกทำกำไรในช่วง SET ขึ้นไปที่ 1600 กว่าๆ ในปีนี้

การจัดพอร์ตใหม่ครั้งนี้ ผมคิดว่าช่วง SET อยู่ในระดับ 1300 นี้เป็นช่วงที่น่าสนใจ โดยผมแบ่งการเข้าซื้อ ไม่ทำทีเดียว โดยผมมีสมมุติฐานจากการลงทุนของภาครัฐ ยังคงมีเงินลงทุนเข้ามาหมุนเวียนในระบบในปีหน้า และอนาคตในการเลือกตั้งใหม่คิดว่าในอีกปีถึงสองปี น่าจะมีผลต่อการปรับขึ้นของ SET โดยเฉพาะการสร้างทางรถไฟเชื่อมจีน และการขยายตัวของ AEC จะมีผลดีต่อการพัฒนาประเทศ เราอาจจะไม่เห็น SET กลับลงไปต่ำกว่า 1200 หรืออาจเห็นได้ในช่วงสั้นๆ ซึ่งจะเป็นผลดี เพราะผมยังคงมีเงินสำหรับเข้ามาซื้อ เพราะผมถือว่าการลงทุน ให้ได้เงินเอาไว้ทำงานให้เรา จะต้องใช้เวลา

ผมเลือกหุ้นเข้าพอร์ตผม ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ คือเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำธุรกิจ (หากเป็นไปได้) พีอีต่ำเมื่อเทียบกับคู่แข่งอื่นๆ ในธุรกิจเดียวกัน มีหนี้น้อย อันนี้ผมให้ความสำคัญมากเพราะการปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยจะมีผลต่อภาระดอกเบี้ยหากบริษัทไปกู้เงินมามากๆ และไม่มีเงินหมุนเวียนที่ดี มี ROE ไม่ต่ำกว่า 20% โดยการจัดพอร์ต ผมได้เลือกเอาหุ้นที่เติบโตสูง และหุ้นที่ให้ปันผลสูง ปะปนกันไป

ผมมีหุ้นห้าตัวดังต่อไปนี้ ที่อยากนำเสนอ

1) ธุรกิจไอที ผมเลือกบริษัท ที่มีศูนย์ให้เช่าคลาวน์เซนเตอร์ และทำระบบอินเตอร์เนตความเร็วสูง เพราะนี้คือธุรกิจแห่งอนาคต ที่ประเทศไทยจะเติบโตไปพร้อมกับการรองรับ AEC และนโยบายรัฐในการสนับสนุนด้านไอที ผมเทียบสองตัวระหว่าง AIT กับ CSL ผมเลือกเข้า CSL เพราะราคากลับมาลงมาใกล้เคียงกับราคาเดิมในช่วงไตรมาสที่สอง โดยไตรมาสที่สองมีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนเนื่องจากธุรกิจ เยลโล่เพจเจต และการทำธุรกิจสื่อทางเสียง แต่ธุรกิจเยลโล่เพจเจต ได้ขายออกไปแล้ว ซึ่งไตรมาสที่สาม บริษัทได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพ และพลิกกลับมาทำกำไร เหมือนเดิม ผมชอบในธุรกิจของ CSL เนื่องจาก ROE สูง ปันผลกว่า 10% มีพีอีต่ำ มีหนี้น้อย ตัวนี้ผมกะจะถือเก็บไว้กินปันผล ความเสี่ยงต่ำในการไหลลงของราคาจะมีจำกัด ถืงแม้เซทจะปรับตัวลงต่ำมากกว่านี้ เนื่องจาก ในการปรับตัวลงของราคา จะมีผลทำให้เงินปันผลสูงมาก จะมีคนเข้ามาช่วยค้ำราคาไว้ หรือถ้าลงมากก็จะได้ผลดีกับเงินปันผลที่สูงขึ้น

2) ตัวต่อมา ผมเลือกเข้า EA บริษัทพลังงานไฟฟ้าทดแทน EA เป็นพวกหุ้นเติบโตเร็ว ผมเก็บเข้าพอร์ใหม่หลังจากเคยขายทำกำไรไปแล้ว ผมชอบผู้บริหารเพราะเขามีความคิดก้าวหน้า ขยายธุรกิจทำกำไรเป็น 100 % ในช่วงปีสองปี แม้พีอีจะสูง หนี้มากเมื่อเทียบกับคู่แข่ง แต่ส่วนตัวผมคิดว่าพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์จะทำกำไรอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยเป็นผู้นำในการทำธุรกิจประเภทนี้ในอาเซียน หากรัฐบาลยังคงนโยบายสร้างความมั่นคงในด้านพลังงานของประเทศ และ EA มีศักยภาพที่ดีที่สุด ในแง่ของราคาต้นทุนที่ต่ำ เมื่อเทียบกับ SPCG ที่ซื้อที่ดีราคาแพง และผลิตภัณฑ์ของญี่ปุ่นที่ราคาสูงกว่าของประเทศจีน โดยมาตราฐานในการผลิตไฟฟ้าเทียบเท่ากัน วันนี้ผมเข้าไม้แรกต่อรองวันนี้ได้มา 23.30 โดยตัวนี้ผมยังคงระมัดระวังเป้นพิเศษไม่เข้าทั้งหมด เพราะส่วนตัว ถ้าเพิ่มพลังงานลมเข้ามาอาจต้องคิดเพิ่มเติม เพราะลมในประเทศไทยไม่แรง ผลิตไฟฟ้าไม่ดีเท่าต่างประเทศในขณะเดียวกันมีการลงทุนสูง

อีกตัวเก็บมาได้คือ TSE หุ้นที่หลายคนหวาดกลัว เพราะราคาได้ทำ New Low ตลอด วันนี้ทำ New low มาที่ 3.90 ต่ำกว่าราคา IPO แต่หุ้นตัวนี้ส่วนตัว ผมชอบในการซื้อ และทำราคาเป็นรอบ เพราะผู้บริหารชอบทำ สตอรี่  ข้อดีของ TSE คือ เป็นผู้นำทำธุรกิจ Roof top ได้ราคาดีจากค่า FiT มากกว่า โซล่าฟาร์ม แถมไม่ต้องลงทุนซื้อที่ คิดว่าน่าจะ Turn around ทำกำไรได้ดีในอนาคต หากมีการทำธุรกิจ และสามารถขยายออกไปยังประเทศญี่ปุ่นได้ เพราะประเทศญี่ปุ่นมีศักยภาพในการเติบโตกับพลังงานแสงอาทิตย์อีกไกล โดย TSE มีหนี้ต่ำสุด ถ้าเทียบกับ SPCG และ EA

3) ตัวต่อมาหุ้นที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก MBAX ทำถุงพลาสติกขาย ส่งออกทั่วโลก โดยเฉพาะในยุโรป มีกฏหมายให้ใช้ถุงไบโอ อนาคตประเทศในเอเชียจะมาใช้ถุงแบบนี้มากขึ้น ปกติผมมีไว้ในพอร์ตวันนี้เก็บเพิ่ม ทำราคาเงียบๆ ไม่หวือหวา บริษัททำกำไรที่ดีในไตรมาสที่ผ่านมา หันตัวนี้ได้เปรียบจากราคาน้ำมันที่ตกลง เพราะน้ำมันถูกวัตถุดิบอย่างเมล็ดพลาสติก ก็จะถูกลง ถุงพลาสติกที่ขายออกทั่วโลกจะได้กำไร แถมค่าเงินที่อ่อนตัว จากเงินไหลออก คาดว่าคงทำกำไรดีอย่างต่อเนื่อง

4) หุ้นยอมนิยม INTUCH ราคาลงมาต่ำที่สุดในรอบสองปี ให้ปันผล 7% บริษัทใหญ่น่าเชื่อถือให้ปันผล มาอย่างยาวนาน เงินทุนหมุนเวียนมหาศาล ไม่ต้องปวดหัวเหมือนกับบริษัทเล็กๆ ที่คอยจะเพิ่มทุน ผมกะถือยาว ไปเรื่อยๆ เพราะราคาที่ปรับตัวลงมาจากความกังวลในเรื่อง Advance กับการจ่ายเงินให้รัฐมาก ผมว่าราคาได้ปรับลงมารับรู้เรียบร้อยแล้ว ทางเทคนิค ไม่น่าจะลงไปมากกว่านี้ และจากประสบการณ์ที่ผมมีหุ้นของ China mobile ในหุ้นของจีน ผมเรียนรู้ว่า ความได้เปรียบจากลิขสิทธิ์ 4G จะทำให้มีลูกค้ามาสมัครใช้มากขึ้น ราคาหุ้นก็จะปรับตัวสูงขึ้นตาม ส่วนคู่แข่งอย่าง Dtac หรือ True ผมว่ายังห่างไกล

5) ตัวสุดท้ายหุ้น Modern ราคาลงมาจาก 10 บาทเพราะไตรมาสผ่านมา ทำกำไรไม่ดี เนื่องจากการแข่งขันทางเฟอร์นิเจอร์มีสูง ยอดขายลดลง แต่ผมชอบธุรกิจใหม่ที่บริษัทมีการทำออกแบบ และสร้างห้องในโรงพยาบาล แบบครบวงจร เนื่องจากการขยายตัวของธุรกิจโรงพยาบาล
และบริษัทได้ขายโรงงานพลาสติกออก (ไม่รู้ซื้อมาได้อย่างไร) อนาคตน่าจะไปได้ดี ประกอบกับการขยายธุรกิจไปประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ส่วนตัวผมคงจะขายหุ้นตัวนี้ออกก่อนปันผลในปีหน้า ถ้าหากราคาปรับเกินกว่า 8% หุ้นตัวนี้มี ROE สูง การบริหารงานดี มีประวัติมีการจ่ายปันผลดีมาตลอด

ทั้งนี้การนำเสนอ เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนตัว เพื่อแบ่งปันความรู้
โชคดีทุกคนครับ

ผู้ลงทุนโปรดใช้วิจารณยานในการลงทุน

banrong

  • Administrator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 350
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
นักลงทุนควรรู้จักตัวเองด้วยนะครับว่า ชอบลงทุนระยะยาว ถือหุ้นได้เป็นปี  เหมือนที่ จขกท ถือหรือเปล่า    เพราะราคาหุ้นอาจลงต่ำไปเรื่อยๆได้อีก ทำให้ เมื่อซื้อหุ้นไปแล้ว จะทำใจเมื่อราคาหุ้นตกไม่ได้แล้วขายออกมาขาดทุน ไม่ได้มองหรือคาดหวังเรื่องเงินปันผลเหมือนอย่างที่คิดไว้เดิม

  นักเก็งกำไรระยะสั้น ต้องการผลตอบแทนจากส่วนต่างของราคา ซึ่งเกิดขึ้นทุกวัน   แต่นักลงทุนระยะยาวที่เน้นปัจจัยพื้นฐาน เขามองเรื่องเงินปันผลว่าให้ผลตอบแทนได้ตามที่เขาคาดไว้ตั้งแต่ก่อนลงทุนหรือไม่   ดังนั้นวิธีคิดและกลยุทธ์ จึงแตกต่างกันมาก  เราจึงควรรู้จักวิธีหรือความชอบในการลงทุนของเราเสียก่อน จึงค่อยหาวิธีหรือกลยุทธ์ที่เหมาะสมในการเลือกหุ้นต่อไป

   ในทางเทคนิค หุ้นทั้งหมดที่กล่าวมา กำลังเป็นขาลงอยู่  และแนวโน้มยังน่าจะลงต่อไปได้อีก  แต่ไม่ได้หมายความว่า หุ้นไม่ดีถึงราคาลงนะครับ  แต่มันอยู่ในช่วงที่ยังไม่มีแรงซื้อเข้ามารองรับแรงขายได้เพียงพอ ที่จะทำให้ราคาหุ้นหยุดลง  หรือพูดง่ายๆก้คือ ยังมีคนอยากขายหุ้นมากกว่าอยากซื้อหุ้นตัวนั้น นั่นเอง  อาจเพราะสภาพตลาดหรือเศรษฐกิจไม่ดี  นักลงทุนต้องการถือเงินสดมากขึ้น  หรือความกลัวราคาหุ้นจะลงต่อ ก็เลยขายหุ้นออกมา  ทำให้หุ้นส่วนใหญ่จึงตกลงไปเรื่อยๆ แม้กิจการของบริษัทแทบไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากระยะก่อนหน้าเลยก็ตาม   

    นอกจากนี้ การวิเคราะห์ และมุมมอง เป็นเพียงความเห็นของแต่ละบุคคล ซึ่งอาจมองข้อมูลและวิเคราะห์ได้อย่างละเอียดรอบคอบ หรืออาจมองอย่างผิวเผิน ก็จะทำให้คุณภาพของความเห็นแตกต่างกันไป  ผู้อ่านจึงควรนำไป ค้นคว้า ศึกษาต่อ และตัดสินใจด้วยตนเองด้วย    ไม่ใช่เชื่อและเมื่อเกิดข้อผิดพลาดไม่เป็นไปตามความเห็นนั้น แล้วนำมาต่อว่า หรือโจมตี ผู้วิเคราะห์นั้น   ซึ่งจะเป็นการบั่นทอน กำลังใจทำให้ผู้ที่มีเจตนาดีและความคิดเห็นดีๆ อีกมากมายที่อยากจะแบ่งปัน  เลือกที่จะอ่านเฉยๆ โดยไม่แบ่งปันความรู้ หรือข้อมูล หรือข้อคิดเห็นส่วนตัว  ทำให้กระทู้ดี ๆลดลงไปเหลือแต่กระทู้ขยะ ที่ว่ากล่าว กันไปมา  โดยหาสาระไม่ได้  ครับ

banrong

  • Administrator
  • Sr. Member
  • *****
  • กระทู้: 350
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
คุณสุธีลงทุนสไตร์คล้ายผมเลยครับ  ผมก็ขายเอากำไรช่วงเมื่อต้นปีเกือบหมดพอร์ต ประมาณ 80%
ได้กำไร  แล้วก็ไม่เกิความเสียหาย  ตั้งแต่มันลงมาจาก  1620  มา  1300  แล้วก็กำมือไม่ซื้อเลย 

มาเริ่มซื้อเมื่อเดือนที่แล้ว  ช่วง  1380-1420  เริ่มซื้อเข้าพอร์ตแล้ว  และ  set  ลงมา  80-120  จุด
แต่ปรากฎว่าหุ้นที่ซื้อทั้งหมด  4  ตัว  ไม่ลงเลย  มีขึ้นสวนด้วย

หลักของผม  1.รายได้โต  2.กำไรโต  3.กำไรต่อหุ้นโต  4.ธุรกิจพื้นฐานดี

เดิมที่เล่นสั้นอาศัยเทคนิคบ้างแต่ตอนนี้หุ้นเป็นขาลงระยะกลาง  ไม่เหมาะเลยหยุดเล่น
เพราะความเสี่ยงสูง  เท่าที่ดูตอนนี้หุ้นที่ไม่ผ่านหลัก  4  ข้อจะลงตาม  Set
และหุ้นปั่นคนเริ่มทิ้งกันจริงจังตั้งแต่กลางเดือนที่แล้ว
ตอบก