ในปี 1999 แจ็ค หม่า ได้พบกับ มาซาโยชิ ซัน ซีอีโอ ซอฟต์แบงก์จากญี่ปุ่น เพื่อขอเงินทุนสำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ อาลีบาบา
.
หลังจากได้คุยกันเพียง 5 นาที มาซาโยชิ ซัน ยอมลงทุนกับ แจ็ค หม่า 20 ล้านดอลลาร์
.
มีคนถาม มาซาโยชิ ซัน ว่าทำไมวันนั้นถึงตัดสินใจให้เงิน แจ็ค หม่า? เขาเล่าให้ฟังว่า...
.
“แจ็ค หม่า ไม่มีแผนธุรกิจ มีรายได้เป็นศูนย์ มีพนักงาน 35-40 คน”
.
“แต่เวลามองไปที่ตาเขา ดูเขาเป็นคนเข้มแข็งมุ่งมั่น ตาเป็นประกาย ผมบอกได้จากวิธีพูดของเขา วิธีการมองของเขา เขาเป็นคนที่มี Charisma มีความเป็นผู้นำ”
.
“ที่จริงรูปแบบธุรกิจของเขามันผิด แต่ที่ผมยอมลงทุนเพราะดูจากวิธีที่เขาพูด ฟังเขาถึงหนทางที่เขาสามารถดึงคนหนุ่มสาวจีนให้ยอมตามเขา”
.
Charisma หรือความมีเสน่ห์ ที่ แจ็ค หม่า มีติดตัวมาอย่างเป็นธรรมชาติ ดึงดูดใจให้ผู้คนชื่นชอบ ให้ความเคารพเชื่อถือยกย่อง
.
การตัดสินใจโดยใช้สัญชาติญาณของ มาซาโยชิ ซัน เมื่อ 20 ปีก่อนในวันที่ได้พบกับ แจ็ค หม่า เพียงห้านาที ได้กลายเป็นความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของ ซอฟท์แบงก์ และถือว่าเป็นการลงทุนที่สามารถทำกำไรมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก
.
เงินลงทุน 20 ล้านดอลลาร์ในอาลีบาบา ตั้งแต่เป็นบริษัทเล็กๆที่ไม่มีรายได้อะไร เมื่อเข้าตลาดหลักทรัพย์ เงินในส่วนนี้ได้งอกเงยกลายเป็นเงิน 90,000 ล้านดอลลาร์ มันหมายถึงมูลค่าที่ต่างจากเดิม 4,500 เท่า
.
มาซาโยชิ ซัน เคยเอาหุ้นอาลีบาบาออกขายบางส่วนในบางช่วงเพื่อทำกำไร หรือผันเงินที่ขายหุ้นไปลงทุนอะไรใหม่ๆบ้าง แต่วันนี้เงินลงทุนของซอฟท์แบงก์เกือบครึ่งก็ยังอยู่กับอาลีบาบา
.
ทุกวันนี้ มาซาโยชิ ซัน และ แจ็ค หม่า ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ
.
ความมุ่งมั่นจริงจังที่ แจ็ค หม่า แสดงให้ผู้คนทั่วโลกได้เห็น เป็นกุญแจแห่งความสำเร็จที่ผู้ยิ่งใหญ่ของโลกทุกคนมี มันเป็นเรื่องที่พวกเราได้ยินได้ฟังกันอยู่เป็นประจำ!!!
