ความเมตตาที่ไม่ควรมีข้อยกเว้น
การจะหาคนที่มาศาลด้วยความสุขใจนั้น คงไม่มี เขาเหล่านั้นล้วนมาศาลด้วยความทุกข์โศก เดือดเนื้อร้อนใจด้วยกันทั้งสิ้น
เพียงแต่คนที่มาศาลด้วยความทุกข์เหล่านั้น ส่วนหนึ่งแสดงกิริยาด้วยความสำรวม เรียบร้อย สุขุมคัมภีรภาพ แต่อีกส่วนหนึ่ง กลับแสดงออกมาอย่างฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด ด้วยโทสะอันร้อนรุ่ม บ่งบอกถึงจิตใจที่กระวนกระวาย
อย่างไรก็ดี บุคลิกหรืออาการที่แสดงออกมาเหล่านี้ ล้วนเป็นเพียงผลผลิตของการอบรมสั่งสอน ประสบการณ์ ทัศนคติและสถานการณ์ที่เขาพบเจอมาเท่านั้น
เพราะท้ายที่สุด เขาทุกคนก็คือ”ประชาชนผู้มีความทุกข์ใจและอยากหาที่พึ่งพิง” อยู่ดี
ข้าราชการอย่างเราๆ จึงควรมองด้วยใจเมตตาว่า เขาเหล่านี้คือประชาชนที่น่าสงสารและถือเป็นหน้าที่ของเราที่จะช่วยปัดเป่าความทุกข์ของเขาให้บรรเทาเบาบางลงไปตามภาระหน้าที่ของตน ให้สมกับที่ได้เกิดมาเป็นข้าราชการมีกินมีใช้ มีสวัสดิการได้เพราะภาษีของเขา จึงควรคิดรับใช้ประเทศชาติและประชาชนอย่างสุดกำลังความสามารถเป็นการตอบแทน
อย่าเลือกให้ความเมตตาเฉพาะกับคนที่พูดจาดี อ่อนโยน สุขุมนุ่มนวลกับเราเท่านั้น
แต่จงให้ความเมตตาต่อประชาชนทุกคนที่มาศาล เพราะเขาเองมาหาเราด้วยความทุกข์ใจทั้งสิ้น แม้เขาจะแสดงอาการไม่พึงประสงค์อย่างใดๆกับเราก็ตาม
เพราะนี่จะเป็นบททดสอบสำคัญว่า เราเอาชนะโทสะ คือความโกรธ ทั้งที่เกิดในใจเขาและในใจเราได้หรือไม่
เมตตาจะเอาชนะทุกอย่างและเมตตาจะทำให้โลกนี้สวยงามเสมอ
ณ.นิรนาม