ผู้เขียน หัวข้อ: เทรดตามสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่คิดแล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป  (อ่าน 4 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 967
  • คนดีไม่เบ่ง คนเก่งไม่โม้ คนใหญ่โตไม่อวด
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
เทรดตามสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่คิดแล้วชีวิตคุณจะเปลี่ยนไป
“การเทรดคือ Reaction ไม่ใช่ Prediction” อ่านบทความนี้ให้จบแล้วผลการเทรดจะดีขึ้น 80%
สวัสดีครับพี่ๆช่วงนี้ไอสังเกตเห็นคอมเม้นท์ในกลุ่มเทรดต่างๆ ถามคำถามเดียวกันเยอะมากๆ
- ทองน่าจะ Buy หรือ Sell ดี เห็นราคาขึ้นมาเยอะ?
- ทองน่าจะขึ้นนะ Buy ดีมั้ย?
- ทองน่าจะขึ้นมาสูงแล้ว เริ่ม Sell ได้ไหม?
ในทุกประโยคมีคำว่า “น่าจะ” และเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ ไอเข้าใจความรู้สึกนี้ดี เพราะตอนเริ่มเทรดใหม่ๆ ไอก็เคยคิดแบบนี้... จนวันนึงเจอบทเรียนราคาแพงที่โดนแล้วโดนอีกจนต้องบังคับให้ตัวเองเปลี่ยนวิธีคิดไปเลย
 บทเรียนที่เปลี่ยนมุมมองไอไปตลอดกาล
ช่วงนั้นเป็นช่วงโควิทระบาด ทองพุ่งไม่หยุดขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนๆ ข่าวร้ายออกมาเพียบและทุกสำนักวิเคราะห์บอกว่าต้องขึ้นต่อแน่นอน
ไอก็คิดเหมือนคนอื่นๆ ว่า...
"ขึ้นแรงขนาดนี้ ต้องไปต่อแน่ๆ"
"ข่าวร้ายขนาดนี้ ไม่ขึ้นได้ไง"
"รีบ Buy เลยดีกว่า เดี๋ยวจะตกรถ"
สารพัดความคิดที่ใช้เทรด มันแล่นเข้ามาในสมองรัวๆ
ผลลัพธ์ก็คือไอเปิด Buy ด้วย Lot ใหญ่ที่สุดในชีวิต... ถ้าจำไม่ผิดตอนนั้นน่าจะ 17 lot พอร์ตส่วนตัวด้วยไม่ใช่พอร์ตกองทุน สิ่งที่ไอทำคือ
- ไม่ได้รอสัญญาณยืนยัน
- ไม่ได้ดูแนวต้านสำคัญ
- ไม่ได้วาง Stop Loss
แค่เทรดด้วยความรู้สึกว่า "น่าจะ"
และแล้ว... ราคาก็พลิกทันทีที่ไอเข้าเทรด
พอร์ตติดลบ Drawdown ทันที 30% ใน 30 นาทีแรก
จากนั้นก็พยายามถัวไม้จนติดลบเกือบ 50%
และต่อมาก็ระเบิด เงินหลักล้านหายไปในพริบตา...
นั่นคือผลของการเทรดด้วยการคาดเดาหรือคาดการณ์
 แล้วจริงๆเราควรเทรดยังไง?
การเทรดที่ดีต้องเป็น "Reaction" ไม่ใช่ "Prediction"
คือการเทรดตามสิ่งที่เห็น ไม่ใช่สิ่งที่เราคิด เทรดแบบตอบสนองตลาด ไม่ใช่นำตลาดไปก่อนด้วยความคิดที่ว่า “น่าจะ”
มาดูตัวอย่างการเทรดแบบ Reaction กันครับ
 เทรดแบบ Reaction (ตอบสนอง)
- เห็นราคาวิ่งขึ้นแรง
- รอให้มาถึงแนวต้านสำคัญที่ 2050
- ดูว่ามี Pin Bar หรือ Evening Star ไหม
- ถ้าเห็นสัญญาณกลับตัว ค่อยเข้า Sell
- วาง SL เหนือ High ของแท่งกลับตัว
ซึ่งแตกต่างจากการเทรดแบบคาดเดา
 เทรดแบบ Prediction (คาดเดา)
- เห็นราคาวิ่งขึ้นแรง
- คิดว่าต้องย่อแน่ๆ
- รีบ Sell ทันทีโดยไม่รอสัญญาณ
- ไม่ได้วาง SL
- เจอราคาวิ่งต่อจนติดดอย
เห็นความต่างไหมครับ? คนนึงรอให้ตลาดพิสูจน์ตัวเองก่อน อีกคนรีบเทรดตามความรู้สึก
 เทคนิคเพิ่มเติมในการเทรดแบบ Reaction
1. รอให้ราคามาหาเรา ไม่ใช่ไล่ล่าราคา ซุ่มรอดั่งสไนเปอร์ ทริกเกอร์ดั่งนักแม่นปืน
ทริคที่ไอใช้
- ถ้าตลาดขาขึ้น = รอย่อตัวที่แนวรับ
- ถ้าตลาดขาลง = รอดีดที่แนวต้าน
เช่น ถ้าเห็นราคาวิ่งลงแรงๆ อย่าเพิ่งรีบ Sell
รอให้มันดีดกลับไปที่แนวต้านก่อน แล้วค่อยหาสัญญาณขาลงที่ชัดเจน
2. ตั้งเงื่อนไขก่อนเทรดทุกครั้ง
สิ่งที่ไอต้องเห็นก่อนเทรด
- Market Structure ต้องชัดเจน (Higher High/Lower Low)
- FVG หรือ Order Block รองรับ
- แท่งเทียนยืนยันทิศทาง (Pin Bar, Engulfing)
- MACD ยืนยัน (วิธีดูกลับไปอ่านบทความเก่าครับ)
ถ้าไม่ครบเงื่อนไข = ไม่เทรด
เพราะการรอโอกาสที่ดี ดีกว่าการรีบเทรดแล้วเจ็บตัว
 มาดูตัวอย่างการใช้ Reaction Trading จริงๆ
เมื่อวันก่อนไอเจอ Setup สวยๆ ในทองคำ
1. สถานการณ์ตลาด =
- ทองกำลังอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น
- ราคาย่อตัวลงมาที่แนวรับ 2841
- มี Order Block รองรับ
- ราคามีการกวาดสภาพคล่อง
2. เงื่อนไขที่ไอรอ =
- ต้องเห็น Price Action ที่เกิดขึ้นบริเวณแนวรับ
- MACD ต้องแสดง Bullish Divergence
- มีการยืนยัน ChoCh ใน LTF
- ต้องมี FVG
- ราคาเบรก Trendline
3. การเข้าเทรด =
- รอจนเห็นครบทุกเงื่อนไขตามระบบเรา
- เข้า Buy ที่ 2841
- SL ใต้  Order block
ผลลัพธ์ = กำไร 1,000 จุด โดยไม่ต้องเครียดเลย เพราะทุกอย่างเป็นไปตามแผนและถึงแม้ไม่ได้เป็นไปตามแผนเราก็มีแผนรองรับ นั่นคือ SL เพื่อนรักของเรา
 3 เคล็ดลับเพิ่มเติมที่ทำให้ไอเทรดแบบ Reaction ได้ดีขึ้น
1. มอง Multi-Timeframe เสมอ
ไอใช้หลัก Top-Down Analysis ในการวิเคราะห์ คือการวิเคราะห์จากภาพใหญ่ไปหาภาพเล็กเสมอ
- H4 = ดูเทรนด์หลัก (HTF – Higher Timeframe)
- H1 = หาจุดเข้าเทรด (MTF – Middle Timeframe)
- M15 = Fine-tuning จุดเข้า (LTF – Lower Timeframe)
เช่น....
ถ้า H4 เป็นขาขึ้น
แต่ H1 ยังไม่มีสัญญาณ Buy ที่ชัดเจน
= รอต่อดีกว่า
2. ใช้ Confluence ให้มาก แต่ไม่มากเกินไปจน Over fitting 
หลักไอใช้เทคนิค
- Market Structure
- Order Block/FVG
- MACD Divergence
- Volume Analysis
- แนวรับ/แนวต้านสำคัญ
3. เขียน Trading Journal ทุกวัน
สิ่งที่ไอจดทุกครั้ง
- เหตุผลที่เข้าเทรด
- แคปหน้าจอก่อนเข้า
- อารมณ์ตอนเทรด
- ผลลัพธ์และบทเรียน
สิ่งที่ไอแชร์มันเหมือนจะเยอะ แต่แค่เราปรับวิธีคิด วิธีเทรด สร้างกระบวนการณ์ใหม่ๆ เพื่อคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างเพียงเท่านี้เราก็มีผลการเทรดที่ดีขึ้นแล้วครับ
 สรุปสิ่งที่อยากฝากไว้
การเทรดที่ดีไม่ได้มาจากการเดาทิศทางตลาด แต่มาจากการรอให้ตลาดพิสูจน์ตัวเองหรือเฉลยทิศทางก่อน แล้วค่อยตอบสนองอย่างมีแผน “Trade what you see, not what you think!”
เทรดสิ่งที่เห็นไม่ใช่สิ่งที่คิด
 3 สิ่งที่ควรจำ
1. ตลาดเคลื่อนที่ตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตามที่เราคิด
2.การรอโอกาสที่ดี ดีกว่าการรีบเทรดแล้วเจ็บตัว ตกรถดีกว่าโดนลาก
3.เทรดตามแผนและระบบ ไม่ใช่ตามความรู้สึก เพราะเราคือนักเทรดไม่ใช่ผีพนัน
สุดท้ายนี้ ไอหวังว่าประสบการณ์และเทคนิคที่แชร์มาจะช่วยให้ทุกคนเทรดได้ดีขึ้นนะครับ
*จำไว้ว่า
ตลาดจะอยู่ที่เดิมเสมอ แต่เงินในพอร์ตเราอาจจะไม่อยู่ ถ้าเราไม่รู้จักการรอคอย
ใครอ่านจบถึงตรงนี้ คอมเม้นท์ “รอ” ครับ แล้วเราจะสำเร็จไปด้วยกันขอให้ทุกคนเทรดอย่างมีกำไรครับ