ผู้เขียน หัวข้อ: สัญญาณบ่งบอกว่าเด็กอาจมีปัญหา สมาธิสั้น  (อ่าน 383 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2590
  • คนดีไม่เบ่ง คนเก่งไม่โม้ คนใหญ่โตไม่อวด
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
สัญญาณบ่งบอกว่าเด็กอาจมีปัญหา  สมาธิสั้น

        การวินิจฉัยอาการสมาธิสั้นไม่ใช่เรื่องง่าย  เนื่องจากอาการของสมาธิสั้นคล้าย ๆ กับอาการของโรคอื่น ๆ อีกหลายโรค  แต่โดยปกติแล้ว  เด็กจะแสดงพฤติกรรมออกมาตั้งแต่อายุก่อน 7 ขวบ  และ  มีอาการซ้ำ ๆ อยู่อย่างน้อย 6  เดือน




       

        เด็กที่มีสมาธิสั้นจะดู "ปกติ" มาก  แต่จะทำอะไรไม่ได้นาน  ไม่สามารถจดจ่อกับงานหรือของตรงหน้าได้นานเพียงพอ  หรือ  มีอาการใจลอย  ถ้าเป็นเด็กเล็กจะเล่นของเล่นแต่ละชิ้นในช่วงสั้น ๆ แล้วเปลี่ยนของเล่นไปเรื่อย ๆ  ถ้าเป็นเด็กโต  มักจะไม่สามารถตั้งใจทำการบ้านจนเสร็จ  มักจะวอกแวก  เหลียวซ้ายแลขวา ชอบคุยกับคนอื่น  ลุกขึ้นเล่น  ทำโน่นทำนี่ตลอดเวลา  หรือใจลอย  ช่างฝัน  เลขหนึ่งข้อ  อาจใช้เวลาถึงชั่วโมงก็เป็นได้  เด็กมักซุกซนไม่นิ่งตลอดเวลา  ทำอะไรค่อนข้างรุนแรง  ไม่อดทนต่อการรอคอย  หรือ  กฎระเบียบวินัย

         อย่างไรก็ตาม  มีเด็กสมาธิสั้นบางคน  อาจไม่มีปัญหาซุกซนร่วมอยู่ด้วยก็ได้  พึงระลึกว่าเด็กทุกคนอาจแสดงพฤติกรรมเช่นว่านี้ได้เป็นครั้งคราว  แต่  เด็กที่มีสมาธิสั้น  จะมีพฤติกรรมเช่นนี้ตลอดเวลา  ไม่มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์หรือปิดเทอม



อาการแบ่งออกได้เป็น  3  ประเภท คือ


สมาธิสั้น
ซนมากผิดปกติ
วู่วามหุนหันพลันแล่น  รอคอยไม่เป็น  หงุดหงิดง่าย
           เด็กส่วนใหญ่  มักมีอาการผสมของอาการตาม 1 และ 2 และ 3 เด็กบางคนอาจมีเฉพาะอาการที่ 1 หรือ 1 บวก 2 หรือ เฉพาะ อาการตาม 3

         เด็กดูปกติมาก  พูดชัดเจน  ฉาดฉาน  แสดงความฉลาด  แต่เด็กมักมีอาการใจลอย  ทำการบ้านเองไม่ได้  ต้องนั่งคุมจนกว่าจะเสร็จ  ทำงานในชั้นเรียนช้า  ทั้งๆที่อ่านคล่อง  เขียนได้  ทำเลขได้และเล่าเรื่องชัดเจน  แค่ผลการเรียนแย่  ไม่สามารถรับผิดชอบในกิจวัตรประจำวันที่บ้านและที่โรงเรียนได้  อยู่ไม่สุข  ทำอะไรโดยไม่คิดให้ดีเสียก่อน  ซุ่มซ่าม  ทำข้าวของเสียหาย  มีอุบัติเหตุบ่อย  อารมณ์หงุดหงิดง่าย  ขี้โมโห เมื่อโกรธอารมณ์จะพุ่งปรี๊ด  ควบคุมอารมณ์โกรธไม่ได้  จะไม่ยอมใครเมื่อโกรธ  อดทนรอคอยไม่ค่อยได้  เด็กแต่ละรายจะมีอาการมากน้อยต่างกัน  บางคนอาจมีอาการน้อย เช่น เพียงเหม่อลอย  แต่บางคนอาจมีอาการครบทุกอย่าง  ดังที่กล่าวมาแล้วและมักจะเป็นกับเด็กผู้ชาย

         พฤติกรรมต่าง ๆ ตามข้างต้น  อาจช่วยให้ผู้ปกครองพิจารณาได้คร่าว ๆ ว่าเด็กมีปัญหาหรือไม่  ถ้าเด็กมีอาการเพียงบางข้อหรือหลาย ๆ ข้อ และ เป็นมานานเกิน  6  เดือน  แม้เด็กอายุเกิน  7  ขวบแล้ว  อาการยังคงเกิดอยู่อย่างสม่ำเสมอ  มีพฤติกรรมดังกล่าวทั้งที่บ้าน  ที่โรงเรียน  และ  ที่อื่น ๆ ผู้ปกครองควร "ปรึกษาจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่นและผู้ทีมีประสบการณ์มานาน"

         หากเด็กพูดไม่ได้ตามวัย  เดินเขย่งเท้า  ไม่สบตาหรือหลีกเลี่ยงการมองหน้า  รับประทานอาหารซ้ำซาก  กลัวเสียงดังและชอบวิ่งมากกว่าเดิน นอกจากนี้ยังเคลื่อนไหวและซนมากแบบกระเจิดกระเจิง  ไร้จุดมุ่งหมาย  ดูคล้ายสมาธิสั้น ฯลฯ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย  เพื่อประโยชน์ของ  การวินิจฉัยที่ถูกต้อง  ไม่ผิดพลาด  การช่วยเหลือจะได้ถูกทาง

        การได้รับความช่วยเหลือแต่เนิ่น ๆ เมื่อเด็กอยู่ในชั้นอนุบาล 3  ถึง ชั้นประถมต้น  จะเป็นการช่วยเหลือที่ดีที่สุด  ช่วยให้พ่อแม่และครูเข้าใจว่าเด็กนั้นมีความสามารถในการควบคุมตัวเองได้น้อย  ไม่ใช่เป็นเพราะเด็กนิสัยไม่ดีหรือพ่อแม่ปล่อยปละละเลย  พ่อแม่ต้องปรึกษาหารือกัน  เพื่อช่วยเหลือลูกในทิศทางเดียวกัน  นั่นคือ  ควรหา  คำวินิจฉัยจาก "จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น" ว่าลูกเป็นอะไร

         พ่อแม่จะต้องตั้งใจและอดทนที่จะปรับพฤติกรรมของตนเอง  โดยยึดหลัก  ทาน  ศีล  ภาวนา  หากนับถือพุทธ  เพื่อไม่ให้หงุดหงิด เครียดและโกรธลูก  ต้องช่วยเหลือลูกในทางบวก  ฝึกวินัยอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง โดยไม่โกรธหรือตำหนิติเตียนลูกอย่างรุนแรง  ถ้าทำในทางลบ  เท่ากับเป็นการกดดันเด็กเพราะจะทำให้ปัญหาขยายตัว  และ  พัฒนาให้เกิดอาการแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น

         ครูควรจะได้รู้ถึงวิธีการช่วยเหลือที่เหมาะสม  ไม่เป็นการซ้ำเติมปัญหาให้แก่เด็ก  การช่วยเหลือด้วยยาเป็นความจำเป็นสำหรับบางราย  เพราะช่วยเพิ่มความอดกลั้นและความอดทนให้เด็ก  เป็นการช่วยให้เด็กได้มีโอกาสใช้ศักยภาพที่ตนมีอยู่อย่างเต็มที่  ไม่ถูกบั่นทอน

         ลองตรวจสอบพฤติกรรมลูกด้วยตัวเองว่า  ลูกสมาธิสั้นหรือไม่  หากพบว่า  มีอาการอยู่หลายข้อและเป็นอาการที่ทำให้เกิดปัญหาต่อการเรียนและการใช้ชีวิตประจำวัน  ควรที่จะนำเด็กไปพบจิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น   ตามโรงพยาบาลต่างๆ  ถ้ายังไม่มั่นใจหรือกลัวคำว่า  จิตแพทย์  หรืออยากรู้ว่าควรจะทำอย่างไร  สามารถติดต่อนัดหมาย

"ขอคำปรึกษาโดยไม่มีค่าใช้จ่ายจากเราที่ โทร. 02-932-8439" ในเวลาราชการ  หากอยู่ต่างจังหวัด  แต่ถ้าอยู่ในกรุงเทพและปริมณฑล  ควรนัดหมายมาพบเพื่อปรึกษาหารือหรือรับรู้วิธีการช่วยเหลือลูกให้ถูกทางซึ่งต้องใช้เวลาพูดคุยกันนานตามสมควร  จะทำให้เห็นปัญหาว่า  เด็กมีสมาธิสั้นหรือมีอาการออทิสติกหรืออาการแอลดีกันแน่  ความช่วยเหลือจะได้ถูกต้อง  ไม่หลงทิศทางคิดว่า  ลูกสมาธิสั้น"

 

 ***************