ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเทรด  (อ่าน 414 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2592
  • คนดีไม่เบ่ง คนเก่งไม่โม้ คนใหญ่โตไม่อวด
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
#Index102
สิ่งที่คุณควรรู้ก่อนเทรด Index 102
(บทความนี้สนับสนุนโดย พี่ P.S Ming)
สนับสนุนโดยทำบุญเข้ามูลนิธิเพื่อเด็กพิการ
หากท่านใดต้องการสนับสนุนบทความนี้ผมจะแนบรูปทิ้งไว้
หากท่านใดทำบุญแล้วสามารถแนบสลิปในคอมเม้นต์ได้
เพื่อเป็นกำลังใจให้ผมผลิตบทความต่อไปนะครับ
ปล.สังคมไม่สามารถดีขึ้นได้จากการภาวนา
การช่วยกันพัฒนา และ บริจาค เพื่อผู้ด้อยโอกาสต่างหาก
ที่จะทำให้สังคมดีขึ้นได้นะครับ 
——————————————————————————
หลังจากคราวที่แล้วได้เขียน Index 101
โดยเขียนไปถึงเรื่องของ Time / Volatility / Advantage
ของการเทรด Index ไปแล้ว วันนี้จะมาลง Details กัน
ถึงอีกหลายอย่างที่คุณควรจะได้รู้ว่าหากจะเทรด Index
คุณควรจะรู้อะไรอีกบ้าง !
——————————————————————————
เข้าใจความแตกต่างระหว่าง Spot และ Future
แต่ละโบรกเกอร์เองเนี่ยถ้ามี Index ให้เทรด
มักจะมีให้เทรดทั้ง Spot / Future ทั้งสองแบบ
วิธีคัดแยกง่ายๆว่าของโบรคไหนเป็นยังไง
มันจะมีวิธีเช็คง่ายๆคือ ถ้าเป็น Spot
Contract Size ที่ให้เทรดต่ำสุดมักจะเป็น 1 Lot
โดยวิธีการคำนวณกำไรขาดทุนก็จะง่ายๆเช่น
ผมอาจจะกด Long US100 (Nasdaq)
หากผมซื้อที่ราคา 14,000.00 1 Lot
และ ราคาวิ่งไปที่ 14010.00 ผมจะกำไร 10$
แต่กลับกัน หากคุณ Long Nas future 1 Lot เท่ากัน
Contract Size ต่อการวิ่ง 1 จุดจะกำไรขาดทุน 20$
หมายความว่า หากซื้อที่เดียวกัน 14,000 1 Lot
และ ราคาวิ่งไปที 14010.00 ผมจะกำไร 200$ ทันที
จะเห็นได้ว่า Contract size ที่ต่างกัน ก่อให้เกิดความเสี่ยง
ที่แตกต่างกันอย่างมหาศาลฉะนั้นเรื่องนี้คือเรื่องแรกที่อยากให้ Focus
เรื่องที่สองคือเรื่องของ Dividend Payment
หากคุณเทรด Spot มันจะใช้ margin เยอะกว่าใน Lot ที่เท่ากัน
แต่หากคุณเล่นฝั่ง Long เมื่อถึงวันที่เค้าคิด Dividend
จะมีการฝากเงินเข้ามาในบัญชีให้ ผมเคยได้มากสุด 1 lot 33$
จากการ Long us30 1 lot ผมกด 6 lot ผมก็ได้ 33x6
ซึ่งในกรณีที่คุณเล่นฝั่ง Short มันจะเป็นเงินที่คุณถูกหักออกไป
ฉะนั้นแล้วกล่าวได้ว่า หากคุณจะเล่นฝั่ง Long การเล่น Spot
อาจจะได้เปรียบ มากกว่า แต่หากคุณจะเล่นฝั่ง Short
เล่น Future อาจจะดีกว่า Margin ที่ใช้ก็น้อย เทรดยังไงก็สบายกว่า
เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่สร้าง advantage ให้กับเรา
เวลาจะเทรดอย่าลืมหา unfair advantage ให้ตัวเองเสมอนะครับ
——————————————————————————
เรื่องต่อมาที่อยากพูดถึงก็คือเรื่องของการตามข่าว (เบื้องต้น)
ด้วยความที่สินค้าที่เราเทรดมันเป็นดัชนี มันจึงอ้างอิงราคาของหุ้น
ในตัวที่จะถูกมาคำนวณในที่สุด ยกตัวอย่างเช่น
หากคุณเทรด Nasdaq คุณควรจะรู้ว่าหุ้นตัวไหนที่ Market Cap ใหญ่
และจะถูกมาคำนวณ เพราะหุ้นนั้นๆ หากมีข่าว หรือ มีอะไรที่ส่งผลโดยตรง
อาจจะส่งผลให้ดัชนีนั้นๆ ถูกทุบลงจนร้องรอชีวิตจ
ยกตัวอย่างเช่น ในช่วงปลายปีก่อนที่ผ่านตลาดหุ้นหลายตัว
มีการปรับตัวลง แต่ Nasdaq เป็นตัวเดียวที่มีการวิ่งขึ้น
เนื่องจาก TSLA มีการปรับตัวขึ้นอย่างรุนแรง
ทั้งๆที่ดัชนีหลายๆตัวเวลาวิ่ง มักจะวิ่งทางเดียวกันตาม
Cor-relation แต่กลับกลายเป็นว่าบางทีมันมีการวิ่งฉีกกันไปเลย
ฉะนั้นแล้ว มันเป็นสิ่งที่คุณไม่ต้องรู้ก็ได้ แต่หากคุณรู้ด้วยจะดีมาก
ว่า index แต่ละตัว capable หุ้นตัวไหนไว้บ้าง แล้วเลือก analyze
ตัวที่ market cap ใหญ่ๆ จะทำให้คุณรู้ตัวได้เบื้องต้นว่า
ตัวไหนมีสิทธิจะขึ้นมีสิทธิจะลง นะจ๊ะ
——————————————————————————
ต่อมาเรื่องที่อยากพูดถึงคือเรื่องของ Recession
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่เคยเกิดขึ้นมาแล้วไม่นานนี้
เป็นช่วงที่ Index และ หุ้นต่างๆ มีการถดถอยวันละ หลายๆ %
จนบางตัวติดลบไปถึง 40% อย่าง DJI มีการปรับตัวลงจาก 29,000
ไปจนถึง 18,000 ฉะนั้นแล้วต้องระวังให้ดีดี
สิ่งที่อยากจะให้บทเรียนก็คือ ยามที่เศรษฐกิจถดถอย
อย่าเอามือเข้าไปรับมีดเด็ดขาด เพราะช่วงต้นปี 2020
สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตาม Sentiment แต่ละ Broker
คน Sell นั้นมีไม่เยอะ คน Buy มีมากกว่า
แต่เค้าไม่ได้บอกว่า Volume ของ Sentiment แต่ละท่านนั้น
“มีเท่าไหร่” ฉะนั้นแล้วอย่าไปถูกเค้าหลอก
หากจะดู Sentiment ให้หาข้อมูลในลักษณธคล้ายๆ COT ของทอง
แต่ถ้าเป็นของ การเทรดด้วยไปจะเรียกว่า Order Book เป็นการบอกว่า
ในแต่ละจุดจะมีคนรอ ซื้อ - ขายเท่าไหร่ การรู้เรื่องพวกนี้จะทำให้การเทรดง่ายขึ้น
(แต่พวกนี้ส่วนมากต้องซื้อ Data นะไม่มีที่ไหนให้ฟรี ผมเองอ่านพวกฝรั่งใช้กัน)
แต่ผมเองยังหาแหล่งซื้อ Data ไม่ได้เล้ยยยย
ทุกวันนี้เลย Trade แบบเทคนิคล้วนๆครับ
——————————————————————————
อีกเรื่องที่อยากพูดถึงคือเรื่อง Fund Flow
โดยปกติแล้ว ในตลาดการลงทุนของแต่ละ asset class
เงินจะมีการหมุนเวียนไปมาเสมอ เงินจะถูกถอดออกมาจากตลาดที่
อนาคต(อันใกล้) ดูแย่และ เงินจะไหลเข้าอีกตลาดนึงเสมอ
การ Monitor ตลาดที่จะส่งผลต่อสินทรัพย์ที่คุณเทรด
จะทำให้คุณรู้ได้เบื้องต้นว่าตลาดไหนจะถูก Short
โดยการเช็คที่ง่าย (ที่สุด) สำหรับการเทรด index คือ
การเช็ค Cor-relation ของ Vix และ index
โดย Vix นั้นจะถูกเรียกว่า Greed & Fear Index
แปลง่ายๆ แบบ บ้านๆเลยหากตัวนี้มีแนวโน้มจะขึ้น
Index ต่างๆจะพากันปรับตัวลง ฉะนั้นแล้ว
หากท่านใดเทรด index อย่าลืมเช็คพวกนี้กันนะครับ
——————————————————————————
เพื่อให้ทุกท่านเทรดได้ราบรื่นขึ้น ผมจะแนบ Link ของ
Vix ไว้ ให้ทุกท่านได้ดูกัน Link ดังนี้
https://th.tradingview.com/symbols/TVC-VIX/ideas/
วิธีเช็คหุ้นใน Nasdaq เบื้องต้น
https://www.nasdaq.com/market-activity/stocks
หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆนะครับ
——————————————————————————