อ่านก่อนหลอน! พูดคุยกับ “แจ็ค สายสิญจน์” เจ้าของคลื่นสยอง แห่งวงการขวัญผวา
“เรื่องลี้ลับเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับเรามานาน และจะอยู่กับเราไปอีกนาน”
หนึ่งในประโยคเด็ดจาก “แจ็ค สายสิญจน์” (วัชรพล ฝึกใจดี) พิธีกรรายการเรื่องผีสุดฮิต “The Ghost Radio คลื่นสยองของคนรุ่นใหม่” กล่าวจากประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการสิ่งลี้ลับมานานกว่า 20 ปี ก่อนปลุกปั้น The Ghost Radio ให้เป็นสถานที่พักใจของคนรักความสยอง ที่เมื่อเอ่ยถึง “เรื่องผี” ทีไร เป็นต้องนึกถึงสถานีนี้เป็นอันดับแรก ๆ
เรา ชวน “พี่แจ็ค” ของชาว The Ghost Radio พูดคุยถึงเบื้องหลังรายการฮิตที่เจ้าตัวภูมิใจ ที่มาที่ไปก่อนจะเฮี้ยนติดลมบนอย่างทุกวันนี้ พร้อมตอบทุกคำถามผี ๆ ที่แฟนรายการต้องอยากฟัง!
เริ่มเฮี้ยน
“The Ghost Radio” (เดอะโกสต์เรดิโอ) ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 58 มันเกิดจากความอยากทำของเรา ก่อนหน้านั้นออกจาก “The shock” มาแล้วเคว้งอยู่ประมาณสองปี ไปเป็นพ่อค้าขายของ ปรากฏว่าพอถึงจุดนึงผมรู้ตัวว่าเราถนัดอย่างเดียวคือเรื่องผี เพราะว่าเราเกิดมากับมัน เราโตมากับมัน ผมอยู่กับพี่ป๋องมา 20 ปี เพราะฉะนั้นสิ่งนึงที่เราซึมซับที่สุดคือการคุยการฟัง แล้วก็ความรู้รอบตัวเกี่ยวกับผี เราก็เลยอยากทำรายการเล่าเรื่องผีขึ้นมาบ้าง
ต้องเท้าความก่อนว่าสองปีก่อนหน้านั้นมีคนบอกเราว่า “อยากฟังเราจัดรายการ” มันก็เลยเป็นแรงบันดาลใจให้เราจัดอีกสักครั้งนึง ปรากฏว่าพอไปคุยกับผู้ใหญ่ แล้วเขามีบ้านเล็กๆ มีห้องเล็กๆ ที่พอจะจัดรายการได้ แล้วมันก็ประจวบเหมาะว่าเขามีอุปกรณ์ ก็เลยตั้งสเตชั่น "The Ghost Radio” ขึ้นมา ส่วนคำว่า “คลื่นสยองของคนรุ่นใหม่" ไม่ใช่ว่าคนรุ่นใหม่จัดนะ แต่อยากให้คนรุ่นใหม่ฟัง
ซึ่งตอนนั้นการจะไปเช่าสถานีวิทยุมันใช้เงินมหาศาลมาก เราเลยใช้เว็บไซต์ชื่อ homestationradio.com เป็นเว็บบ้านๆ ให้คนเข้ามานั่งฟังรายการสดได้ แล้วก็ใช้วิธีโปรโมตในเฟซบุ๊กว่าวันนี้เราจะมีเล่าเรื่องผีนะ ใครคิดถึงเสียงเรา อยากฟัง ก็มาฟังกัน
สายแรกพอทำใจ สายต่อไปขนหัวลุก
ปรากฏว่าวันแรกที่ออนแอร์ มีคนมาฟัง 17 คน ผมดีใจมากเลยนะ แล้วก็มีคนโทรมาฝากเรื่องด้วย ผมจำได้เลย ชื่อ "คุณปั๊ม" โทรมาเล่าเรื่อง "ใครมากู้" เป็นเรื่องแรกที่ออกอากาศแล้วมันดันน่ากลัว มันเป็นเรื่องเหมือนกับคนที่มากู้สินเชื่อเขาตายไปแล้ว อะไรแบบนี้ อีกวันนึงเราก็ได้ฟีดแบ็กเยอะเลย คืนถัดมาเราเลยจัดใหม่ คนก็เริ่มบอกต่อกันเยอะขึ้น จาก 17 เป็น 25 แต่ยังอยู่ในหลัก 10 นะ
จนกระทั่งวันนึงมันขยับขยาย มีคนแนะนำให้ไปไลฟ์ในยูทูป ตอนนั้นก็มีคนแชร์ต่อไปเรื่อย ๆ ในพันทิปก็มีโพสต์ว่าเออมีรายการผีออนไลน์นะ คนก็เริ่มรู้จักเรามากขึ้น
ตอนที่จำนวนคนฟังมันขึ้นมาเป็นหลักพันเราดีใจมาก โคตรดีใจเลย แล้วจากนั้นใช้เวลาไม่นาน มันขึ้นเป็นหลักสามพัน สี่พัน ห้าพัน จนสุดท้ายยืนพื้นที่แปดพัน จากนั้นก็เท่านี้เรื่อย ๆ สปอนเซอร์ก็เข้ามา เราก็คิดละว่าจะใช้วิธีไหนให้แฟนรายการอยู่กับเราไปนาน ๆ แล้วศาสตร์การเล่าเรื่องผีโดยปกติทั่วไปคือ 1 คน 1 เรื่อง เพราะคนส่วนมากเจอผีแค่ครั้งเดียว
เปลี่ยนกฎ 1 คน 1 เรื่องผี
เราคิดว่าหลักการนี้เราฉีกทิ้งไปก่อน คนนึงอาจจะเจอผีได้หลายครั้งก็ได้ ผลปรากฏว่ามีคนโทรมาเล่าเรื่องผี แล้วโทรมาอีกเรื่อยๆ แล้วคนดันชอบ พอคนนี้มาเล่าปุ๊บ ยอดคนฟังมันเพิ่มขึ้น จากแปดพันมาเป็นหมื่น
ทีนี้เราก็มาปรับอีก เพื่อจะดึงคนอยู่กับเรามากที่สุด จากปกติเที่ยงคืนถึงตีสาม เราเปลี่ยนเป็นจัดเที่ยงคืนถึงจบรายการเลย ซึ่งจบตอนไหนก็ไม่รู้นะ แต่เรารู้ว่าเราทำได้ เรามีพลังอยู่แล้วนี่
ส่วนจำนวนเรื่องผี เราเริ่มจากคืนนึงมี 6-7 เรื่องก่อน ทีนี้คนฟังไม่อิ่ม เราเลยเพิ่มเรื่องเล่าเข้าไปอีกเป็น 9 เรื่องไปเลย! ลองดู แล้วมันก็ประสบความสำเร็จจริง ๆ
9 เรื่องผี ไม้ตายความสยอง
ทีนี้พอเรากำหนดว่าคืนละ 9 เรื่อง คนฟังเขาก็เตรียมตัวกันละ น่ากลัวไม่น่ากลัวอีกเรื่อง แต่ทุกคืนจะมี “นักเล่าขาประจำ” เข้ามาเล่าวันละ 1-2 เรื่อง ซึ่งทุกครั้งเขาติดต่อเข้ามาเอง นโยบายเราคือไม่โทรไปเซ้าซี้ มันต้องเป็นความสมัครใจของเขา
เวลาไลฟ์เราก็เปลี่ยนเป็น 4 ทุ่มจนจบรายการ พอเริ่มเป็น 4 ทุ่ม คนฟังก็เข้ามาง่ายขึ้น แล้วพอเรามีนักเล่าขาประจำ ก็มีแฟนคลับเข้ามารอฟังเยอะขึ้น ตอนนั้นนักเล่าหน้าใหม่ ๆ เกิดขึ้นทุกวัน ไล่มาตั้งแต่ “คุณคิง” “คุณบอย” เยอะมาก แล้วแต่ละคนจะมีวิธีเล่าไม่เหมือนกัน บางคนเล่าจบมีการยิงทีเซอร์ไว้ว่า“เดี๋ยวเรื่องหน้ามีอีก” คนก็ติดเลย มารอฟังกันทุกอาทิตย์
ยิ่งช่วงโควิด ยิ่งเฮี้ยน
ช่วงโควิดเนี่ย The Ghost Radio โชคดีมากที่แทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย เราเพิ่มวันจัดรายการด้วยซ้ำ จากเสาร์อาทิตย์ เพิ่มเป็นวันศุกร์อีกวันนึงเพราะคนเรียกร้อง และปรากฏว่าตอนนั้นคนฟังสดมันเริ่มเพิ่มเป็นสองหมื่นห้าถึงสามหมื่นคน เราก็ได้โอกาสขยับขยายรายการ ทำห้องจัดใหม่ ใช้รูปแบบเสียงใหม่ที่ดีกว่าเดิมมาก เพราะหัวใจสำคัญของรายการผีคือ "เสียง" คนจะมาฟังเรื่องผี เสียงต้องดี เสียงต้องชัด แล้วที่สำคัญคือเราฉีกกฎไปเลย คนถามว่าตีสองตีสามใครจะเข้ามาฟังวะ แต่ The Ghost Radio ทำได้ครับ
"สิ่งลี้ลับ" ในทัศนะของพิธีกรรายการผี
ผมมองเรื่องผีเป็นเรื่องความบันเทิงครับ คือความเชื่อก็อีกมุมนึงนะ แต่ถ้าเมื่อไหร่เรื่องผีมาอยู่ในวิทยุ ทีวี ผมมองว่ามันเป็นความบันเทิง มันไม่มีข้อพิสูจน์ความจริงอะไรอยู่แล้วว่าเรื่องนี้จะจริงหรือไม่จริง ยกเว้นถ้ามาในรูปสารคดี แต่ถ้ามีผู้ผลิตรายการนึงกำลังสร้างอะไรก็แล้วแต่เกี่ยวกับผี สิ่งนั้นคือความบันเทิง
อย่างสมมติเราไปดูหนังผีสักเรื่อง เราก็จะรอดูว่าผีมันจะออกมาแบบไหน หรือตอนเราดูรายการประเภทล่าท้าผี ผมก็จะรอดูนะว่าเขาจะไปล่ากันยังไง ผีจะออกมาไหม เราจะตกใจยังไง เพราะฉะนั้นผมพูดกลม ๆ เลยนะทุกอย่างเกี่ยวกับผีไม่ว่าในจอแก้ว จอเงิน ออนไลน์ บันเทิงล้วน ๆ ครับ เรื่องผี เรื่องลี้ลับ มันจะอยู่คู่กับเราไปนานเท่านาน ไม่ใช่แค่คนบ้านเราด้วย ต่างประเทศก็เป็น
ไม่กลัวเท่าไหร่ แค่ตกใจมากๆ
ที่จริงผมกลัวผีมาก แต่ไม่ถึงขนาดไปนอนโรงแรมคนเดียวไม่ได้นะ คือผมเป็นคนขี้ตกใจ โวยวาย สะดุ้งเร็ว มือไว เท้าไว เหมือนพวกรีแอคชั่นเวลาไลฟ์สด คือผมเป็นคนอิน บางคนจะถามว่า"มึงเฟครึเปล่าเนี่ย แต่ถ้าคนรู้จักผมจริงๆ จะรู้ว่าผมอินกับทุกเรื่องที่คนโทรมาเล่า คือผมชอบเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ สนุกดี ยิ่งฟังยิ่งรู้สึกกลัว แล้วมันกลายเป็นคาแร็กเตอร์ที่คนฟังชอบ เพราะเราถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกจริงๆ ในการฟัง ถ้าเรื่องไหนผมอินมากๆ ผมจมดิ่งลึกเลยนะ
ก่อนหน้านี้เราก็เคยทำรายการล่าผีอยู่ ชื่อ "The Ghost Team ทีมล่าผี” แล้วก็เป็นคนออกไปนอกสถานที่กับ “The Shock” ไปมาทั่วประเทศแล้วแต่ยังไม่เคยเจอผีนะ เจอก็เสียงกับกลิ่น ไอ้ที่เห็นเป็นตัว ๆ ไม่เคย แล้วก็ไม่โกหกคนฟังด้วยว่าเจอ คนฟังเขาเก่ง เขารู้ว่าเรากลัวจริงหรือกลัวปลอม เห็นจริงหรือเห็นปลอม
ของขลังอย่างเดียวที่มี “อยู่ในหัวใจ”
แล้วผมไม่พกของขลังเลยแม้แต่ชิ้นเดียว คือไม่ใช่ว่าไม่ศรัทธานะ แต่แค่สมัยก่อนผมออกนอกสถานที่บ่อย แล้วถ้าผมพกเครื่องรางของขลังไปเยอะ ๆ ผมกลัวเขาไม่ชอบ เหมือนเราอยู่บ้านอยู่ดี ๆ แล้วมีใครพกของที่เราไม่ชอบเข้ามาในบ้าน เราจะรู้สึกยังไง เราก็ต้องโกรธใช่ไหม ผมเลยไม่เคยใส่พระ ไม่เคยใส่เครื่องรางของขลังเลย พระอยู่ในใจ มีอะไรนึกถึงพระไว้ก่อน
ผีจบ คนจบ
แต่ดีอย่างที่ผมเป็นคนปิดสวิตช์ได้ ฟังเรื่องนี้จบรอฟังเรื่องต่อไป กลับบ้านไม่คิดมาก ขับรถไม่คิดมาก เพราะอย่าลืมว่าผมจัดรายการเสร็จตี 3 ถึง ตี 4 ขับรถกลับบ้านลงทางด่วนจตุโชติ เปลี่ยวจะตาย ผมก็ขับของผมคนเดียวได้ เพราะตอนกลับไปบ้านผมจะไม่ฟังแล้วเรื่องผี แล้วเราจะไม่ฟังซ้ำ
ขึ้นชื่อว่า “เรื่องผี” ไม่มีวันน่าเบื่อ
อย่าลืมว่าเรื่องผีทุกเรื่องไม่เหมือนกัน โอเคจุดหมายปลายทางอาจจะเจอผีเหมือนกัน แต่ระหว่างทางคุณเดินทางไปยังไง ให้ไปเจอผีตรงนั้น คุณต้องหักมุมยังไง แล้วคุณเลือกอะไร ในแง่ของคนฟังอย่างผมมันก็ลุ้นกับเขาตลอด ในฐานะคนดำเนินรายการด้วยนะ เราจะฟังผ่าน ๆ ไม่ได้ อย่างถ้าเราเป็นแค่คนฟังรายการ อะตรงนั้นเล่าน่าเบื่อ ไปเล่นเฟซฯ ไปแชตก่อนก็ได้ แต่เราทำไม่ได้ เพราะต้องสรุปตอนท้ายเรื่อง ถ้าเราสรุปไม่ได้ ความขลังของรายการมันจะหายไปเลย
แล้วบางทีคนเล่าน้อยประสบการณ์ คนฟังคอมเมนต์กันใหญ่เลยนะ ถ้าคอมเมนต์มาดุเดือดมากๆ ผมก็ต้องเบรกคนเล่าละ เพราะหัวใจสำคัญของเรื่องผีคือคนเล่า รองลงมาคือผู้ดำเนินรายการ ผมเป็นพระรองตัวเล็กๆ เอง แล้วเราแค่ประคองให้เขาสามารถเล่าไปจนจบได้ ช่วยเสริมบางส่วนให้บ้าง หรือช่วยบิวด์ให้มันน่ากลัว
ทีมงานขนหัวลุก
ทีมงานผมเวลาสกรีนเรื่อง เขาฟังกันทั้งเรื่องนะครับ เพราะทุกคนชอบจริงๆ ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งทีมงานก็มี "วีวี่" ส่วนผมจะมารู้ตอนสามทุ่มตอนก่อนจัดรายการ ซึ่งก็จะรู้แค่ชื่อเรื่อง ชื่อคนเล่า ประสบการณ์นี้ผ่านมากี่ปี แค่นั้น แล้วผมจะกำชับทีมงานด้วยว่าอย่าเฉลย คือถ้าคุณเฉลยมาเสร็จแล้ว สมมติเรื่องราวมันเป็นแบบนี้ "คุณไปแย่งเครื่องเซ่นจากศาลนี้มา แล้วเจอผีตามมา เรื่องราวจะเป็นยังไง ไปติดตามฟังกัน" มันไม่ได้ มันเป็นการเฉลยแล้วอะ ต้องเขียนอ้อม ๆ ให้คนฟังลุ้น ให้ผมลุ้นไปด้วยเหมือนกัน มันถึงจะสนุก
คุณ "วีวี่" ทีมงานคัดเลือกเรื่องผีของ The Ghost Radio
รายการผีหนึ่งเดียวที่มีชื่อเรื่องสุดแปลก
ชื่อเรื่องผีแต่ละเรื่องสำคัญมาก ผมต้องมีทีมดูแลหลังบ้านที่ดูแลระบบต่าง ๆ รวมถึงยูทูป ซึ่งเขามีหน้าที่หาคีย์เวิร์ดหรือคำต่าง ๆ ว่าคำไหนควรจะไปอยู่ในโลกออนไลน์ เอาให้คนเห็นแล้วเวิร์ก เราถึงมีเรื่องผีแปลก ๆ อย่างเรื่อง "ลอดช่อง" "ข้าวเหนียวหมูปิ้ง" "ข้าวหมกไก่" "หมูกระทะ" อะไรแบบนี้ มันฟังดูตลกแต่คนคลิกฟังจริง ๆ แถมน่ากลัวด้วย
จัดอันดับเรื่องหลอนในดวงใจ
ที่จริงผมชอบฟังเรื่องผีที่หลากหลายมากเลยนะ แต่เรื่องผีที่ผมจะตื่นเต้นทุกครั้งคือเรื่องผีที่เกี่ยวข้องกับ "ป่า" เพราะมันห่างไกลชีวิตเรา เราไม่ใช่คนที่เปิดประตูบ้านแล้วเห็นป่า เราไม่เคยเข้าป่า เราไม่รู้ว่าในป่าลึก ๆ มันเป็นยังไง เพราะฉะนั้นจะชอบเป็นพิเศษเพราะมันมีความเหนือธรรมชาติ เคยมีพรานโทรมาเล่าว่าไปนั่งห้าง เจอผู้หญิงมาเรียกข้างล่าง มองไปอีกทีกลายเป็นเสือตัวใหญ่ แบบเนี้ย มันมีรายละเอียดเยอะแยะที่ทำให้เราได้จินตนาการไปไกล
อันดับสองคือเรื่องใน "บ้าน" ใกล้ตัวไง ผมชอบฟังมุมมองคนที่เขาชอบเจอผีในบ้านว่าเขาจะเจอกันตรงไหน เคยตั้งกระทู้คำถามด้วยนะว่าคุณคิดว่าส่วนไหนในบ้านที่มีผี คนก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นเยอะแยะมากมาย อันดับแรกคือตรง "ขื่อ" หรือ “หลังตู้เสื้อผ้า” “ในตู้เสื้อผ้า” เฮี้ยนสุด
สาม "โรงพยาบาล" ผมเป็นคนกลัวลิฟต์ในโรงพยาบาลมาก! เวลาคนโทรมาเล่าผมจะถามทุกครั้ง คุณคิดว่าตรงไหนในโรงพยาบาลน่ากลัวที่สุด ซึ่งผมอยากให้เขาตอบเหมือนผมมากว่ามันคือลิฟต์! คือมันแคบ แล้วเราไม่รู้ว่าเขาขนอะไรบ้างด้วยวัน ๆ ใช่ไหมล่ะ มันไม่แยกโซนหรอกว่า “ลิฟต์นี้ห้ามขนคนตาย"
อีกอันคือ "โรงแรม" เพราะผมเดินทางบ่อย แต่การฟังเรื่องพวกนี้มันดีอย่างนึง คือเราจะมีภูมิคุ้มกัน เช่น การที่จะไปพักโรงแรม เราเปิดประตูเข้าไป ห้องนี้มีกลิ่นอับ มีลมปะทะออกมา เราไม่พัก เพราะคิดอยู่ละว่าห้องนี้มันไม่น่าจะเปิดให้คนเข้ามาพักนานแล้ว เปิดแอร์มามีกลิ่นอับแบบเนี้ย แล้วมีเยอะมากนะคนโทรมาเล่าแล้วผมต้องถามเลยว่า "จริงเหรอ มีของสิ่งนี้ในโรงแรมเหรอ" คืออะไรรู้ไหม? หิ้งพระ! อยู่ในห้องอะ! บางทีมีเพื่อนไปพักโรงแรมแล้วถ่ายรูปมาให้ดู มีพวงมาลัยแขวนอยู่ตรงหน้าต่างบ้าง มียันต์แปะบ้าง มันใช่ของที่ควรอยู่ตรงนี้ไหมเนี่ย แต่มันก็เป็นประสบการณ์ว่าถ้าเราเจอของแบบนี้ อย่าพัก! คือมันไม่ใช่ว่าทุกคนจะเจอผีหรอกครับ แต่มันก็มีโอกาสไง
ที่สุดของความสยองขอมอบให้ “ผีนางรำ"
ผมฟังเรื่องผีมาเป็นหมื่น ๆ เรื่องแล้วนะ เรื่องที่ประทับใจน่าจะเป็นหลักร้อย แต่เราจะอินกับ "ผีนางรำ" เป็นพิเศษ น่ากลัวที่สุดเลย เพราะเราเห็นจากหนัง จากละคร ผีนางรำเขาจะแต่งองค์ทรงเครื่องมาเต็ม เร็วๆ นี้เพิ่งมีเรื่องเล่าเรื่องนึงเกี่ยวกับผีนางรำ คือเขาเป็น รปภ. ไปเฝ้าโรงงาน ที่โรงงานมันมีห้องปิดตายอยู่ห้องหนึ่ง แล้วก่อนหน้านั้นเขาได้ยินเสียงซออู้ทุกวัน พอเขาไปเปิดห้องนั้นดูปรากฏว่ามันเป็นต้นไทร ที่สร้างห้องมาครอบไว้ แล้วหันมาเจอนางรำ อ้าปาก แล้วรำ แล้วก็มีเสียงซออู้ออกมาจากปาก! ผมกลัวมาก อะไรวะเนี่ย! มันคือปรากฏการณ์ของผีนางรำที่ใหม่มาก แล้วทุกครั้งการปรากฏตัวของผีนางรำน่ากลัวเสมอ ผีนางรำนี่นับเป็นซิมโบลิค (Symbolic) ของผีไทยเลยก็ว่าได้ ฝรั่งรู้จักผีไทยอันดับต้น ๆ คือผีนางรำ
โรงแรมอาถรรพ์ ที่ห้ามเอ่ยชื่อ
แต่ที่คนถามเยอะที่สุดคือเวลามีเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรงแรมคือชื่อโรงแรม ขอให้รู้ว่าผมไม่เคยถามชื่อโรงแรมกับนักเล่านะครับ ถ้ามันเกี่ยวข้องกับสถานที่ ผมจะบอกทีมงานเลยว่าไม่ต้องบอก เพราะถ้าผมรู้ เดี๋ยวหลังไมค์จะพรั่งพรูมาละ ผมเลยตัดปัญหาว่าผมไม่รับรู้ ไม่ต้องมาถามผม รู้แค่ว่าอยู่จังหวัดอะไร ไปหาเอาเอง คุณมดดำชอบมาถามผมเวลาผมไปเล่าในรายการ "อังคารคลุมโปง" (หัวเราะ) เราเสี่ยงไม่ได้ครับ ผมเคยมีเคสเหมือนกัน มีอยู่เรื่องนึงเขาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเสาในโรงแรม แล้วเล่าละเอียดเลย ตัวผมไม่รู้หรอกว่าที่ไหน จนกระทั่งคลิปนี้ปล่อยย้อนหลัง เจ้าของโรงแรมโทรมาขอให้ลบคลิปเลย แต่โชคดีที่เขาเป็นแฟนรายการ ผมเลยต้องลบให้ ถ้าไม่ลบเขาฟ้องเราได้ เพราะมันเป็นสถานที่เฉพาะ แล้วคนเล่าเขาเล่าละเอียดด้วย สรุปก็คือผมไม่เคยรู้ว่าโรงแรมที่เขาเล่าให้ฟังมันที่ไหน ถ้าไปแล้วเจอก็ซวย แต่โชคดีที่ผมไม่เคยเจอ
ความน่ากลัวไม่ต้องมีเกณฑ์
เราไม่เคยให้คะแนนความน่ากลัวของเรื่องเล่าครับ เราไม่ตัดสิน ถ้าเราให้คะแนน มันจะกลายเป็นเราเลือกที่รักมักที่ชัง ต้องพูดถึงคำจำกัดความก่อน สมัยก่อนที่ยังเป็นรายการวิทยุ ไม่ว่าใครที่โทรมาเล่า เขาจะเรียกว่า "สายจากคุณผู้ฟังทางบ้าน" แต่ยุคนี้มันเป็นยุคของโซเชียลเน็ตเวิร์ก สายจากคุณผู้ฟังทางบ้านแทบจะไม่ใช้กันแล้วใน The Ghost Radio นะ ใครที่โทรมาเล่าแล้วมีคนติดตามเยอะ มันจะเกิดอาชีพ "นักเล่า" ขึ้นมา
นักเล่าเหล่านี้บางทีสามารถไปต่อยอดในชีวิตตัวเองได้ มีคนติดตาม ไปทำธุรกิจ ไปขายของ ไปเปิดกลุ่ม เห็นแล้วเราก็ดีใจ ดีใจกับเขาที่ไปสร้างงานสร้างอาชีพให้เขาได้ ยกตัวอย่างนักเล่าชื่อ "บ่าวตูน" สมัยก่อนบ่าวตูนเป็นคนขับรถบัส ขับให้เถ้าแก่ ทุกวันนี้อย่าเรียกเขาบ่าวตูน แต่ให้เรียกนายหัวตูน เปิดฟาร์มนกกระจอกเทศ ได้แฟนเพราะ The Ghost Radio แฟนเขาเป็นแฟนคลับรายการ ก็ไปเจอกัน รักกัน สร้างธุรกิจด้วยกัน บ่าวตูนก็กลายเป็นคนดัง ใครรู้จักก็รักด้วย เป็นนักเล่าที่หลายคนยังรอแต่ไม่ว่างมาเล่าเพราะช่วงนี้เป็นนักธุรกิจไปแล้ว
“นักเล่าเรื่องผี” ที่ The Ghost Radio ต้องการ
วิธีการเล่าที่ผมว่าเวิร์กคือเล่าแบบฉบับตัวเองนั่นแหละ ไม่ต้องไปอิงใคร ไม่ต้องไปเลียนแบบใคร หลาย ๆ คนที่เป็นนักเล่า เขาก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ซึ่งผมว่าการลำดับเรื่องสำคัญสุด มันคือหัวใจของเรื่องเลย คุณควบคุมเนื้อเรื่องได้มากน้อยแค่ไหน อยู่ที่ตัวคุณเอง บางคนเล่าหลังไมค์ นิ่งมาก ทำได้ดี แต่พอมาเล่าหน้าไมค์ตื่นเต้น หายใจไม่ทัน เล่าไปลืมไป ทำให้เรื่องเล่าขาดอรรถรส เพราะฉะนั้นเวลาเล่า เป็นตัวเองดีที่สุด ตัวเองเป็นแบบไหน เล่าแบบนั้น ผมว่ามันเรียล ไม่ต้องไปอ้างอิง “คุณบอล” “บ่าวตูน” ไม่ต้อง เป็นตัวเองก็พอครับ
"ล่าท้าผี" ความท้าทายที่ต้องใช้วิจารณญาณในการรับชม
ถ้าพูดถึงรายการประเภทพิสูจน์ความกล้า ผมไม่ก้าวล่วงแล้วกันว่าไปท้าทาย หรือไปลบหลู่ ผมว่าคนที่ออกไปทำงานตรงนี้ก็คงต้องทำเรตติ้ง เพราะฉะนั้นมันไม่ผิด ผมเข้าใจน้อง ๆ ยุคใหม่ครับ แต่การทำอะไรก็แล้วแต่ ผมว่าคนที่ไปทำต้องรู้ลิมิต รู้กรอบตัวเอง ว่าสิ่งที่ไปทำมันเรียกแขกรึเปล่า ก่อนหน้านี้ก็มีน้องๆ รายการผีที่ไปหยิบหัวกะโหลกคนตายขึ้นมาแล้วไปตบเล่น อันนั้นเป็นดราม่าเลยนะ ผมว่าบางคนถ้าเขาทำจนเชี่ยวชาญแล้วเขาจะรู้ลิมิตตัวเอง
เรื่องการลบหลู่หรือไม่มันอยู่ที่ดุลยพินิจของแต่ละคน เพราะแต่ละคนเชื่อไม่เหมือนกัน บางคนเชื่อว่าสิ่งนี้คือการท้าทาย แต่บางคนบอกไม่ เพราะฉันไม่เชื่อว่าสิ่งนี้มีจริง มันจะลบหลู่ได้ไง? แต่สิ่งหนึ่งที่อย่าไปทำคือไปทำลายข้าวของเขาก็พอ เพราะทุกที่ที่คุณไปมีเจ้าของ ไม่เป็นของเจ้าของจริง ๆ ก็ต้องเป็นของธนาคาร ไม่มีที่ไหนที่ถูกทิ้งร้างเฉย ๆ หรอกครับ อย่ามองแค่เรื่องลี้ลับอย่างเดียว ต้องมองในแง่ความเป็นจริงหรือแง่กฎหมายด้วย หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการจะเข้าไปในสถานที่แบบนี้ มันต้องขออนุญาตอย่างเป็นทางการและลายลักษณ์อักษร เพราะมันคือการบุกรุกยามวิกาล ถ้ากฎหมายเอาเรื่อง ยอมความไม่ได้นะครับ ผมเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน สมัยอยู่ The Shock คือเข้าไปแล้วเขามาเห็น เลยโดนฟ้องย้อนหลัง ก็ถือเป็นบทเรียนครับ
คุณค่าของเรื่องผี
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการฟังเรื่องผีคือบาปบุญคุณโทษอันดับแรกเลย อย่างน้อยมันทำให้เราฉุกคิดอยู่ในใจก่อนที่เราจะไปทำชั่วอะไรสักอย่าง สมมติเราไม่มีเงินเลย เดินไปในวัดเห็นตู้บริจาค โห เงินเยอะ ไม่มีใครอยู่ด้วย แต่ถ้าคุณเคยฟังเรื่องผีมา อย่างน้อยมันต้องมีแวบขึ้นมาในหัวบ้างแหละ ว่าเฮ้ย! ขโมยของวัด บาปมากนะ เป็นเปรตนะ ที่สำคัญคือเวรกรรมไม่รอถึงชาติหน้า เผลอ ๆ โดนจับติดคุก ซวยอีก
ซึ่งผมชื่นชมอย่างนึงคือพอ The Ghost Radio มันเดินทางมาถึงวันนี้ แฟนคลับส่วนมากเป็นบรรดาครอบครัวซะส่วนใหญ่ สังเกตได้จากการที่เราเปิดร้าน “The Ghost House” แล้วมีคุณพ่อคุณแม่ พาลูกเด็กเล็กแดงมา ผมเคยถามว่าทำไมให้ลูกฟังเรื่องแบบนี้ พ่อแม่เขาก็เล่าว่ามันได้เรื่องบาปบุญคุณโทษ เพราะพอมันตื่นเต้น น้องก็ตั้งใจฟัง ฟังเสร็จคุณพ่อคุณแม่ช่วยสรุปว่านี่เห็นไหม เขาไปลองดี ไปท้าทาย ไปเจอผีหลอก เราก็อย่าไปทำแบบนั้นนะ ดังนั้นบาปบุญคุณโทษนี่แหละที่สำคัญ ไม่ได้พูดให้หล่อนะฮะ นี่เรื่องจริง กลับกันถ้าเราไปเจออะไรไม่ดีมา เราก็ไปทำบุญทดแทน ไปช่วยเหลือคนให้มันรู้สึกดีขึ้น
ทางหลายแพร่งแต่จุดมุ่งหมายเดียวของ The Ghost Radio
ผมอินกับรายการผีต่างประเทศมาก ชอบดูพวก“Ghost Adventure” ยึดเป็นต้นแบบสิ่งที่เราจะทำในอนาคตเลย เพราะมันเป็นแนววิทยาศาสตร์ เอาเครื่องมือมาพิสูจน์ผีแบบจริงจังกัน ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้ผมซื้อเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว แต่เราคงไม่ใช่นะไอ้กล้องที่มีปัญหากันอยู่ แต่ก่อนก็มีเหมือนกัน แต่พอดูๆ ไปแล้วอ๋อเลยว่าทำไมมันมีปัญหา เราเลยไม่ใช้ดีกว่า ซึ่งเครื่องมือตัวอื่นที่ฝรั่งเขาใช้กันเรามีเยอะมาก ผมว่ามันก็จะเป็นอีกอรรถรสนึงในการดูรายการผี ไม่ต้องมาจุดธูปขอเชิญวิญญาณแล้ว เอาเครื่องมือมาวางเลย แล้วจับพลังงานเอา ผมอยากลองดูแนวนั้น
แล้วผมมีโปรเจกต์อีกเยอะมากที่กำลังทำอยู่ นอกจากเรื่องเล่าผีที่ตอนนี้มันเริ่มอยู่ตัวแล้ว ผมก็มีเริ่มขยายไปทำอย่างอื่น ซึ่งก็จะมีแอนิเมชันที่เราไปร่วมกับบริษัทเกมที่ทำเกม"Home Sweet Home” กับ “Araya” นอกจากนี้ก็มีหนังสั้นที่สร้างจากเรื่องผีในรายการ ก็ได้พาร์ตเนอร์ที่เขาอยากลุยกับเราอยู่แล้วมาช่วยทำ แต่ที่แน่ ๆ คือเราจะไม่ทำแนวอื่นนอกเหนือจากเส้นทางนี้ เพราะเราเชื่อว่าเราถนัด และคนที่ติดตามเราก็คงคาดหวังว่าถ้าเราผลิต มันต้องเป็นแนวผีเท่านั้น รอติดตามครับ ปีนี้ได้ดูกันแน่นอน
ปิดท้ายด้วยเหตุสยองในห้องส่ง!
สยองสุดมีตอนเดียวคือไฟดับ แต่ตั้งแต่ทำรายการมาเจอรอบเดียว ติดอยู่ในห้องส่งสามสี่ชั่วโมงเพราะมันเป็นประตูไฟฟ้า มันดับทั้งอาร์ซีเอ ไม่เกี่ยวกับผี แต่วันนั้นรู้สึกใส่เสื้อ “อีเจี๊ยบ” มา ก็เลยกาลกิณีมั้ง แซว ๆ นะครับ (หัวเราะ)