ลูก ไม่ใช่สิ่งของ อย่าใช้สิทธิ์ความเป็น พ่อแม่ กำหนดชีวิตใคร
...
ประเด็นร้อนแรงที่ไม่ว่าใครจะหยิบยกขึ้นมา ก็โดนด่าทั้งขึ้นทั้งล่อง
...
เรื่องครอบครัว โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงพ่อแม่ และความไม่ลงรอยกันกับลูกๆ เป็นเรื่องที่ถ้าไม่ได้ยืนอยู่ในมุมของตัวเองก็คงไม่มีวันเข้าใจ
...
โลกนี้มีทั้งพ่อแม่ที่ดี รักและเข้าใจลูกในทุกเรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่ามีพ่อแม่บางประเภทที่ไม่เคยทำตัวเป็นพ่อแม่ที่ดีเลย เลี้ยงลูกมาแบบผิด ๆ ด่าบ้าง จะให้ลูกอย่างที่ตัวเองต้องการบ้าง รักลูกไม่เท่ากันบ้าง หรือแม้แต่ตั้งหน้าตั้งตาจะเอาเงินท่าเดียวบ้าง จนทำให้ตัวพ่อแม่เองกลายเป็นพิษร้ายสำหรับลูก ๆ โดยไม่รู้ตัว
...
ว่ากันตามตรงภาพจำของทุกคนเวลาคุยกันเรื่องลูกก็คือ ลูกต้องเชื่อฟัง ลูกต้องมีความกตัญญู ลูกต้องเป็นความหวังของพ่อแม่ ลูกต้องอย่างนั้น ลูกต้องอย่างนี้ จนลืมไปหรือเปล่าว่า ลูก..ก็ต้องมีชีวิตของเค้าเองในสักวันหนึ่ง เค้ามีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในการคิดและทำในสิ่งที่เค้าต้องการ หน้าที่ของพ่อแม่อาจเป็นแค่การสนับสนุน ดูแล และอยู่ข้างๆ เมื่อเค้าต้องการก็เป็นได้
...
ทุกคนมีชีวิตของตัวเอง ไม่เว้นแม้กระทั่งลูก
...
สัญชาตญาณของพ่อแม่ก็คืออยากปกป้องลูกของตัวเองให้มากที่สุด ไม่ว่าลูกจะอายุเท่าไหร่ ก็ยังคงอ่อนประสบการณ์ในสายตาของพ่อแม่เสมอ เพราะฉะนั้นต่อให้โตขนาดไหน ลูกก็ยังเป็นแค่เด็กที่ไม่ค่อยจะรู้เดียงสาอยู่วันยังค่ำ
...
ในขณะที่ลูกก็มีชีวิตและความคิดเป็นของเค้าเอง แถมยุคสมัยยังทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกันที่มากขึ้นทุกที ในสายตาของลูก ความคิดของพ่อแม่อาจเป็นความโบราณที่ไม่เคยทันสมัย ขณะที่ความคิดของลูกวิ่งไปไกลเกินกว่าที่พ่อแม่จะเข้าใจได้
...
ช่องว่างระหว่างกัน มาจากหลายปัจจัย ทั้งอายุ ความคิด หน้าที่ และการใช้ชีวิต ซึ่งก็เป็นไปได้ที่ช่องว่างนี้จะขยับให้เล็กลง เพราะยิ่งช่องว่างเล็กลงหรือหายไปได้มากเท่าไหร่ ความเข้าใจกันระหว่างพ่อแม่กับลูกก็มีมากขึ้นเท่านั้น อย่าลืมว่าคนเป็นพ่อแม่ก็เคยเป็นลูกมาก่อน ส่วนคนเป็นลูกก็ต้องเป็นพ่อแม่ของใครสักคนในสักวัน เพราะฉะนั้นหัดลองคิดในมุมของกันและกันดูบ้าง ก็จะเข้าใจกันและกันได้ดีมากขึ้น
...
พ่อแม่ก็ต้องลองนึกในมุมของลูก เค้าเป็นคนไม่ใช่สิ่งของ ที่จะจับไปวางตรงไหนก็ได้ มีชีวิตจิตใจ มีความคิดที่เป็นของเค้าเอง คำว่า เชื่อฟังพ่อแม่ สำหรับยุคนี้ อาจต้องเปลี่ยนเป็นการฟังคำแนะนำของพ่อแม่ แล้วลูกก็เก็บไปคิด วิเคราะห์ในมุมของเค้าเอง
...
ส่วน คำสั่งสอนของพ่อแม่ สำหรับยุคนี้ ก็อาจต้องกลายเป็นคำสอน คำแนะนำ ข้อเสนอแนะ และการพร้อมที่จะให้กำลังใจลูกในทุกครั้งที่เค้าต้องการ แทนที่คำสั่งที่อาจไม่เหมาะกับการใช้ชีวิตในยุคนี้อีกต่อไป
...
จริงๆ แล้วทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตัวเอง พ่อแม่มี ลูกก็มีสิทธิ์มีได้เหมือนกัน ชีวิตเป็นของเค้า หน้าที่พ่อแม่ยุคนี้อาจเป็นแค่คนคอยซัปพอร์ตและให้กำลังใจเค้าไปตลอดชีวิตก็ได้ สุดท้ายชีวิตลูกจะเป็นอย่างไร เค้าต้องตัดสินใจด้วยตัวของเค้าเอง
...
แค่เข้าใจ อะไรก็เป็นไปได้
...
สายสัมพันธ์ของครอบครัวเป็นสิ่งที่ตัดกันได้ยาก หรือต่อให้ตัดจริงๆ ก็ใช่ว่าจะขาดกันได้ง่ายๆ ต่อให้ทะเลาะกันมากแค่ไหน ไม่เข้าใจ เบื่อ หงุดหงิด หรือรำคาญกันมากแค่ไหน เมื่อลูกต้องการ พ่อแม่ก็พร้อมจะช่วยเหลือโดยไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว
...
อย่างที่บอกว่าทุกคนมีจุดยืนของตัวเอง พ่อแม่อาจมีภาพจำ มีค่านิยมว่าลูกต้องเชื่อฟัง ลูกต้องทำตามที่สั่ง ซึ่งมันไม่ผิดที่คิดแบบนี้ เพราะเราทุกคนเติบโตมากับชุดความคิดแบบนี้กันทั้งนั้น แต่ตอนนี้ สมัยนี้ ภาพจำเหล่านั้นแม้ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ถูกเสียทีเดียวในยุคนี้
...
เด็กเดี๋ยวนี้เติบโตมาพร้อมกับชุดความคิดอีกแบบ เค้ามีความคิดเป็นของตัวเอง มีสิทธิ์ มีทางเลือกของเค้าเอง ต่อให้เป็นลูกที่ให้กำเนิด ที่เลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโต ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะเป็นเจ้าของชีวิตของเค้า ลูกมีสิทธิ์อย่างเต็มที่ในชีวิตของตัวเอง ในทางที่ลูกเลือกเอง
...
เรื่องแบบนี้เป็นสิ่งที่ต้องทำความเข้าใจกัน พ่อแม่ก็ต้องเข้าใจในมุมของลูกด้วย อาจไม่ต้องถึงขนาดทันความคิดของเค้า แต่ต้องเข้าใจในสิ่งที่เค้าคิด ส่วนลูกเองจะใช้อภิสิทธิ์ความเป็นลูกทำตามแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการไม่ได้ บางทีเหตุผลของลูกก็ใช้กับพ่อแม่ไม่ได้ แต่ถ้าเข้าใจ ไม่ต้องอธิบายแม้แต่เหตุผลเดียว
...
สำหรับพ่อแม่ เมื่อลูกไม่เป็นไปตามต้องการ ให้นึกเสมอว่าไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น สิ่งที่พ่อแม่ต้องการอาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องและดีสำหรับลูกเสมอไปก็ได้ อย่าเอาชุดความคิดที่ว่าลูกต้องเชื่อฟัง ลูกต้องทำตามคำสั่งมาใช้อีกเลย วิธีสอนลูกแบบนี้มันไม่เวิร์กอีกต่อไปแล้ว คำสั่งที่ไม่มีเหตุผลก็ใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้วเหมือนกัน ลองเปลี่ยนเป็นการเข้าใจเค้าในแบบที่เค้าเป็น คอยสนับสนุน คอยให้กำลังใจ เฝ้าดูการเติบโตของเค้าด้วยตัวของเค้าเองจะดีกว่า
...
ส่วนคนเป็นลูก เมื่อไหร่ก็ตามที่รู้สึกเบื่อ หงุดหงิด รำคาญ หรือแม้แต่เกิดคำถามว่าทำไมพ่อแม่เป็นแบบนี้ ขอให้หยุดคิดทุกอย่าง แล้ววางทั้งอารมณ์และเหตุผลลงไปให้หมด ปล่อยให้ใจโล่งๆ เอาตัวเองออกมาจากสถานการณ์นั้นให้ได้ อย่าลืมว่ายิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ยิ่งสงสัยก็ยิ่งมีคำถาม ยิ่งเบื่อก็ยิ่งอยากหนีให้ไปไกล แล้วจะทำแบบนั้นไปทำไม ตัดเรื่องบาปและความกตัญญูไป ยังไงซะนี่ก็คือพ่อแม่เรา จะเอาชนะไปเพื่ออะไร ในเมื่อก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
...
การเอาชนะกันในครอบครัวมีแต่เสียกับเสีย เพราะไม่ว่าใครที่เสียใจ อีกคนก็ไม่ได้รู้สึกดีหรืออะไรทั้งนั้น ความเป็นครอบครัวมันถูกกำหนดมาแบบนั้น
...
เมื่อคนหนึ่งเสียใจ อีกคนก็ไม่มีทางมีความสุขไปได้ สุดท้ายแล้วครอบครัวก็คือคนที่จะมีความสุขไปด้วยกัน และเมื่อทุกข์ก็เสียใจไปด้วยกัน ดังนั้นเปิดใจ และเข้าใจกันและกัน ความรักของพ่อแม่ลูกก็จะแนบแน่นได้เหมือนเดิม
...