ผู้เขียน หัวข้อ: อย่ามัว เสียเวลาเรื่องไม่เป็นเรื่อง  (อ่าน 313 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

admin

  • Administrator
  • Hero Member
  • *****
  • กระทู้: 2590
  • คนดีไม่เบ่ง คนเก่งไม่โม้ คนใหญ่โตไม่อวด
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
"อย่ามัว เสียเวลาเรื่องไม่เป็นเรื่อง
ทีเวลา เรื่องธรรมะ ทำไมไม่เอาจริงๆ สักที

แต่เพราะ โลกมันเป็น ของมันแบบนี้นะ
มันหลอกให้คนหลง ว่าใช่ ว่าดี

คนมันหลง จะทำใง ฮ่าๆๆ

ยิ่งถ้าเขาไม่เคารพจริง บอกไปก็เขาก็ไม่ทำตามหรอก
ดีไม่ดี เขาจะโกรธเอาด้วย
ก็เป็นบาปเป็นกรรมอีก

ทางที่ดีก็ คือ เงียบดีกว่า

ผู้รู้จริง จะรู้นะ คนไหน มีเท่าไหร่ อย่างไร
จิตมันโกหกกันไม่ได้
คนไหนฝึกมาหน่อยก็ปิดบังทางกาย วาจา ไว้ได้
คนไหนฝึกมาหนักหน่อย ก็ปิดบัง ระงับทางใจได้

แต่พระจริงๆ ท่านไม่ต้องปิด ไม่ต้องบัง
มันเป็นของมันตามจริตนิสัยนั้นเอง
มีแต่ ควร กับ ไม่ควร
ซึ่งอันนี้ มันของใครของมัน เฉพาะองค์เฉพาะท่านผู้นั้นไป

ถ้า ภาคปฏิบัติจริงๆ
ไม่ว่า ผู้ใหม่ หรือผู้เก่าก็ตาม

 เบื้องต้นต้อง เอาจริง เรื่องศีลนะ
ขึ้นต้นศีล ไม่ได้ ไปไม่ได้แน่นอน
แต่ มันต้องมีผิดมีพลาดกันได้
เราทำข้อสอบ เราอยากผิดมั้ย
ก็ไม่มีใคร อยากผิด นี่นา
เมื่อรู้ตัวว่าผิด ก็ยอมรับผิด
แล้วเริ่มต้น เอาใหม่ เอาจริง ก็ทำได้ทุกคน

เริ่มจาก รักษาศีลตัวเองนะ ถ้าทำได้
ได้ขึ้นต้นแน่นอน

อย่ามัวไปเที่ยวรักษาศีลให้คนอื่น
คืออะไร คือการไปคอยจับผิดคนอื่นนั่นแระ มันเสียเวลา เสียประโยชน์เราเปล่าๆ

เขาจะผิดจริงๆก็เขาผิด มิใช่หรือ
แล้วเราเป็นใคร ถึงจะมีหน้าที่ไปคอยจับผิดเขา
ที่สำคัญ เราเองก็เคยผิด มิใช่หรือ
นี่แระ กรรมฐานเบื้องต้น

ถ้าผ่านตัวนี้ได้ ต่อไปจะเข้าสู่ความสงบได้

คือ การฝึกทำสมาธิฝึกสติให้รู้ตัว ให้ได้

จะจับลมก็ได้ จะจับพุทโธก็ได้
จะจับอะไรก็ได้ สักอย่าง เอาอย่างเดียวนะ
อย่าหลายใจ ส่ายไปทั่ว

พอมาถึงตรงนี้ ต้องบังคับตนเองละนะ
ต้องขัดใจตนเองละนะ
ทำบ่อย ทำเยอะๆ ถ้าเป็นโยมต้องทำมาหากินอยู่
ทำได้วันละครั้งๆละห้านาทีสิบนาทีก็ อภิมหาบุญแล้ว
แม้จิตไม่สงบก็ไม่เป็นไร
ให้เชื่อ หลวงตา อภิมหาบุญเกิดที่ใจแล้วทุกครั้ง

ทีนี้ก็เหลือแต่ขยัน อดทน กับต่อเนื่องละทีนี้
อย่าเลิก เท่านั้นเอง
ทำไปตามหน้าที่ ปกติ
วันหนึ่งมันจะถึงความสงบ ของมันเอง

ซึ่งมันมีสงบ สองแบบ
แบบแรก คือ ข่มหรือ กดกิเลสไว้ คือ จิตไม่คิดอะไร ดีไม่คิด ชั่วไม่คิด เป็นต้น

มันมีสามระดับคือระดับต้น หยุดคิดได้ 1 นาที 5 นาที
ระดับกลาง หยุดคิด 10 นาทีขึ้นไป
ได้ยินเสียงปกติ แต่ไม่คิดตาม ไม่ปรุงตาม แบบนี้ดีมาก
มันดียังใง ดีตรงที่ เราจะตั้งใจนึกเรื่องอะไร ก็ได้ เรื่องเดียว
ถ้าภาคปฏิบัติ ก็มานึก มาพิจารณา ร่างกายเรานี่แระ
ว่า แท้จริง มันคืออะไร ทำบ่อยๆ จนจิตมันยอมรับความจริงว่าร่างกายของเรา
แท้จริง มันเป็นธาตุทั้งสี่
อันนี้ ต้องจิตยอมรับนะ
มันจะยอมรับได้ ก็ต้อง ขยัน เอาลง ไตรลักษณ์ ให้ได้ เป็นต้น

ระดับสูง
อันนี้ ระยะเวลาไม่แน่นอน หลวงตาเคยเป็นบ่อย สมัยเร่งความเพียร
ตรงนี้ จิตมีพลังมาก
จิต จะไปรู้ ไปเห็น อะไรต่อมิอะไรมากมาย
ซึ่ง มันไม่ใช่ธรรมะ เรียกว่าเข้าฌาณ แต่ สงบสุขมากๆ
ธรรมะของพรพุทธเจ้า มันมีที่ดีกว่านี้ จะไปต่อมั้ยละ
ถ้าจะไปต่อ
ก็ย้อน ถอนจิต ไปที่ระดับรู้ตัว หรือระดับกลาง แล้วเอาจิต ทำงานสิ แล้วจะไปต่อได้

แบบที่สอง คือ ปล่อยวางกิเลสได้

ซึ่งมันมีหลายระดับ
ถึงตรงนี้ ใครติดขัด มาถามหลวงตาได้เลยทุกเวลา
จะขยันหายใจรอ ทุกคน

ไปทำเอา ปฏิบัติเอานะ เท่านี้ก่อน"

สรุปโอวาทธรรม
หลวงตาวัดป่าเคียนพิง