ผู้เขียน หัวข้อ: 10 วิธีง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันให้มีความสุข โดย นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร  (อ่าน 322 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

su

  • Administrator
  • Full Member
  • *****
  • กระทู้: 138
  • msn =>su-81@hotmail.com
    • ดูรายละเอียด
    • อีเมล์
10 วิธีง่าย ๆ ในชีวิตประจำวันให้มีความสุข
โดย นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง

(1). คิดถึงเรื่องดีๆ ก่อนนอน..

ควรคิดเรื่องอะไรก็ได้ที่ทำให้เรามีความสุขหรือมีความทรงจำดี ๆ ในวันนี้ โดยเฉพาะการทำดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราทำแล้วสบายใจ เช่น วันนี้ทำส้มตำให้คุณแม่ นวดให้คุณพ่อ อาบน้ำให้น้องหมา ฯลฯ

เวลาคิดดี ๆ ให้ใส่ใจด้วยว่า เรายิ้มน้อย ๆ หรือไม่... ถ้ายังไม่ยิ้มให้ยิ้มน้อย ๆ ด้วย, สังเกตด้วยว่า ใจเรารู้สึกดีเวลาคิดเรื่องดี ๆ... ความตึงเครียดบริเวณคอ-ไหล่จะลดลง ปล่อยให้ความรู้สึกดี ๆ นี้แสดงออกทางกาย

(2). หัดมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ..

หัดเป็นคนมี "สุขเล็ก ๆ" เช่น ทำกับข้าวกับเพื่อน ๆ กินอาหารสุขภาพ ฯลฯ แทนการพึ่งพิง "สุขใหญ่ ๆ" เช่น ต้องบินไปรอบโลก 2 รอบจึงจะมีความสุข น้อยกว่านี้สุขไม่ได้ ฯลฯ

ดู TV ให้น้อยลง... ออกไปหาธรรมชาติ เช่น เดินเล่นกับน้องหมา ปลูกต้นไม้ ซึ่งจะเป็นไม้กระถาง หรืออะไรก็ได้ เช่น หัดเพาะถั่วงอกไว้กินเอง ฯลฯ

(3). ให้รางวัลกับตัวเองบ้าง..

ทำตัวให้มีชีวิตชีวา และหัดใช้ชีวิตแบบเรียบ-ง่าย-ประหยัด เช่น ถ้าจะดื่มชา... ควรหัดไม่พึ่งพิงว่า จะต้องชาจากที่แสนไกลหรือแสนแพงจึงจะมีความสุข มีความสุขให้ได้กับชาถ้วยนี้

คนที่มีความสุข "เล็ก ๆ" บ่อย ๆ มีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าคนที่มีความสุข "ใหญ่ ๆ" นาน ๆ ครั้ง โดยเฉพาะคนที่มีความสุขง่ายๆ เช่น อาบน้ำธรรมดาๆ กับสบู่ก้อนละไม่ถึงสิบบาทก็มีความสุขได้ ฯลฯ
(4). กล้าแสดงออกให้มากขึ้น..

คนที่กล้าแสดงออก มีแนวโน้มจะมีความสุขมากกว่าคนที่ไม่กล้าแสดงออก แม้แต่คนที่ไม่กล้าแสดงออก ถ้าฝึกบ่อย ๆ ก็มีความสุขได้ เช่น ฝึกร้องเพลงคาราโอเกะคนเดียวก่อน แล้ววันหลังชวนเพื่อนมาลุยกันที่บ้าน ฯลฯ

ถ้าไม่ชอบร้องเพลง... ควรหาโอกาสสวดมนต์โดยเลือกทั้งบาลีและไทย เพื่อให้สมองได้ฝึกระบบภาษาหลายๆ ภาษาไปพร้อม ๆ กัน ยิ่งถ้าสวดเป็นภาษาอังกฤษได้ด้วย... ยิ่งดี

(5). เสริมแรงจูงใจ..

อย่ารอให้ใครมาจูงใจเรา... เราต้องเริ่มจูงใจตัวเองให้มี "แรงจูงใจ" อะไรดี ๆ เช่น กล้าที่จะเข้าชั้นเรียนอะไรใหม่ๆ ซึ่งเมืองไทยมีให้เลือกมากมาย เช่น เรียนรู้เรื่องใหม่ๆ จากมหาวิทยาลัยเปิด (มสธ., มร.), วิทยาลัยสารพัดช่าง ฯลฯ

ไม่จำเป็นต้องเรียนเอาวุฒิ หรือปริญญามาเก็บไว้เป็นปี๊บ ๆ... เรียนรู้อะไรก็ได้ที่ชอบ เช่น อาหารไทย คอมพิวเตอร์ โยคะ ไทเกก-ไทชิ มวยจีน ฯลฯ

(6). มองความทุกข์เป็นเรื่องธรรมดา..

ไม่ว่าเราจะมีสุขหรือทุกข์... เราก็ไม่ได้สุขหรือทุกข์คนเดียว, คนอื่นก็สุข ๆ ทุกข์ ๆ ขึ้นบ้างลงบ้างแบบนี้ คนที่มีสุขทั้งวันมีเหมือนกัน เช่น คนบ้าบางคนที่สร้างโลกได้ด้วยการฝันกลางวัน ฯลฯ

ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ไม่จำเป็นอย่าหมกมุ่นอยู่กับความทุกข์ของตัวเอง เพราะจะทำให้เกิดวงจรแบบ "พายเรือในอ่าง" ทำให้ความทุกข์ท่วมท้น ทางที่ดีกว่า คือ ลุกขึ้นจากเรือ และออกมาจากอ่าง หันไปดูภายนอก

ชีวิตจริงมีคนที่ทุกข์กว่าเรามากมาย เช่น คนในอาฟริกาที่อดตาย ชนกลุ่มน้อยในบางประเทศ ฯลฯ, ถ้าเรามีอาการ "เศร้า-เหงา-เซง" ก็อย่าเพิ่งตกใจ เราไม่ได้ทุกข์อยู่คนเดียว คนอื่นก็ทุกข์เหมือนกัน

(7). ทำงานเฉพาะของเราให้ดี..

ทำงานส่วนของเราให้ดี มีความสุขพอสมควร และอย่าไปคาดหวังกับคนอื่นให้มาก
คาดหวังกับตัวเราคนเดียวก็เหนื่อยพอแล้ว

ทีนี้ถ้างานไม่มีความสุขเลยก็ไม่ต้องตกใจ... ให้ลองคิดถึงคนที่ตกงานบ่อยๆ เพราะคนที่ตกงานมีความทุกข์มากกว่าคนที่มีงานทำแยะเลย

(8). เชื่อเรื่องกรรม..คุณให้อะไร, คุณจะได้สิ่งนั้นกลับมา.

ถ้าคุณปฏิบัติต่อคนอื่นดี, คุณจะได้รับการปฏิบัติที่ดี
(ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ไม่เร็วก็ช้า).

ถ้าคุณแบ่งปันความสุข,
คุณจะได้ความสุขอันงอกงามไพบูลย์.

ถ้าคุณใจกว้าง เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีเมตตา,
คุณจะได้รับคุณความดีเหล่านี้เป็นรางวัล.

ขอให้ฝึกรักผู้อื่นแบบเมตตา (ไม่ใช่ผูกพัน),
เอาใจเขามาใส่ใจเรา, และเผื่อแผ่เมตตานี้ออกไปภายนอก."

(9). สะสางสิ่งไม่ดีกับชีวิตเสมอ..

เริ่มจากการ "สะสาง" ของที่ไม่ใช้ออกไปจากบ้าน,
สะสางคนใจร้ายหรือมองโลกในแง่ร้ายออกไปจากชีวิต,
ติดต่อกับคนที่มีจิตใจดีหรือมองโลกในแง่ดีมากขึ้น

(10). อย่าลืมว่า คนเราไม่ได้เกิดมามีความสุขล้วน..

คนไม่ได้เกิดมามีสุขอย่างเดียว ทว่า... เกิดมามีสุขทุกข์คลุกเคล้า ผสมผสานกันไป... ต่างกันแต่มุมมอง ความอดทน และการพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส

การฝึกมองโลกในแง่ดี เริ่มจากการหัดแสดงความกล้าหาญด้วยการกล่าวคำ "ขอโทษ ขอบคุณ ขอบใจ" บ่อยๆ, กล่าวชมคนรอบข้างจากใจจริงให้ได้อย่างน้อยวันละครั้ง และต่อไปเพิ่มเป็น 3 ครั้งหลังอาหาร มีส่วนช่วยให้คนเรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น

หัดคบคนที่มองโลกในแง่ดี... แล้วจะพบว่า ความดีและความสุขนั้น ติดต่อกันได้, และอย่าปล่อยให้คนใจร้าย หรือคนมองโลกในแง่ร้ายเข้ามาครอบงำชีวิต หรือความคิดของเรา (อีกต่อไป)...

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ไอเอ็นเอ็น