ตอนผมทำงาน
เป็นกรรมกรแผงหมู
ผมมาแผง 4ทุ่ม เถ้าแก่มาตี4
ผมกับกรรมกรคนอื่น
ทำงานเสร็จหมดละ เถ้าแก่มา
จัดของ ส่งของ ให้กับขาประจำ
ให้กับร้านอาหารต่างๆ
7-8 โมง เลิกงาน
ทุกๆวัน ผมเห็นเถ้าแก่
นับเงิน 5-6แสน กลับบ้านทุกวัน
ส่วนผม ได้เงิน600 กลับบ้าน
มีสิ่งนึง
ที่เกิดขึ้นในใจผมคือ
เชี้ยยย ทำไมชีวิตกู มีค่าแค่600
ทำมากกว่า เสือกได้น้อยกว่า
ในหัวผมคิดไงรู้มั้ย?
กูอยากได้แบบเขา กูต้อง
ทำให้ได้แบบเขา กูต้องเป็นเถ้าแก่
แล้วผมก็ พัฒนาตัวเอง
เก็บเงิน มาลงทุนทำธุรกิจเล็กๆข้างถนน
ลงทุนค้าขาย สำเร็จบ้าง เจ๊งบ้าง
ผมไม่เคยคิดเรียกร้อง
อยากได้เงินเพิ่ม จากค่าแรงเลย
เพราะผมรู้ดีว่า ถ้าแค่อยากได้ค่าแรงเพิ่ม
ชีวิตผมก็จะต้องเป็นกรรมกรไปจนตาย
เหมือนเพื่อนๆ
หัวใจผมสั่ง ให้ออกมาเป็นเถ้าแก่
ออกมาเป็นเจ้าของกิจการ
นั่นแหละผมถึงรู้ว่า
เชี้ย!! ไม่ง่าย รับผิดชอบสูงมาก
ผมเลิกงาน
ผมไปกินเบียร์ แทงสนุก
นั่งคาราโอเกะได้โดยไม่ต้องคิดอะไร
แต่เถ้าแก่ ต้องบริหารคน
บริหารต้นทุน บริหารเงิน
รับผิดชอบ..ทุกอย่าง ทุกชีวิตในแผง
ผมเลิกงาน 7-8โมง
กลับบ้านนอนสบายอารมณ์ได้เลย
แต่เถ้าแก่ผม ต้องไปแบงค์
ไปจับหมู นั่งรถไปต่างจังหวัด
ไปหาหมูมีชีวิต มาเตรียมทำในวันต่อๆไป
หมูเกิดตายบนรถ
ลงหมู หมูขาหัก หมูติดโรค
ราคาหมูเสีย ราคาตก
เถ้าแก่ก็ต้อง…ขาดทุน!
นี่คือสิ่งที่…ลูกจ้างไม่เคยเห็น!
ร้านผมเหมือนกัน
ผมตื่นตี3 ไปตลาด ไปซื้อวัตถุดิบ
กลับมา ทำอาหาร เตรียมงาน
ขาย เก็บโต๊ะ เก็บร้าน กลับบ้านทำบัญชี
บริหารต้นทุน กำไร บริหารวัตถุดิบแต่ละวัน
คิดแผนการทำงานคิดแผนการตลาด
กว่าจะได้นอนโน่นนน 4-5ทุ่ม
เห็นผมได้ 3-4หมื่น
รู้หรือเปล่า ต้องแลกกับอะไรบ้าง
มีความรับผิดชอบอะไรบ้าง
แบกรับอะไรไว้บ้าง?
เวลาดูคนสำเร็จ
อย่าไปดูแค่ เขาได้ ให้ดูเขาเสียด้วย
อย่าดูแค่ เขาสำเร็จ ดูด้วย
เขาผ่านอะไรมา เขาเจอปัญหาอะไรบ้าง
ผมก็อยากได้เงินเยอะๆ
แต่ผมไม่เคยออกมาโวยวาย
เรียกร้องแบบ โง่ๆ ทำให้ตัวเองดูแย่
และให้สังคมรู้สันดาน
ผมคิดอย่างเดียว
เก่งใช่ไหม คิดว่าแน่ใช่ไหม
ทำเองแม่งเลย เป็นเถ้าแก่เก่งแม่งเลย
ถ้าเก่งจริง แน่จริง
ไม่ใช่แค่มโน หรือเข้าข้างตัวเอง
ยังไงก็สำเร็จ แค่ถ้าเก่งแต่ปาก เจ๊ง
Cr.สิริทัศน์ สมเสงี่ยม