ข่าว:

SMF - Just Installed!

กระทู้ล่าสุด

#11
Forex / ต่อ: ความรู้ กำลังใจ Forex
กระทู้ล่าสุด โดย banrong - ตุลาคม 24, 2025, 04:04:42 หลังเที่ยง
Price Action: แนวคิดและการใช้งานที่เข้าใจง่ายและใช้งานได้จริง

Price Action คือการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicator) อื่น ๆ เช่น MACD หรือ RSI ซึ่งเป็นวิธีการที่เทรดเดอร์มืออาชีพส่วนใหญ่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด โดยมองแค่ "การเคลื่อนไหวของราคา" หรือ "ราคาที่เกิดขึ้น" บนกราฟเท่านั้น

ทำไม Price Action ถึงสำคัญ?
การวิเคราะห์ราคาคือการสังเกตพฤติกรรมของตลาดที่เกิดจากการซื้อขายในแต่ละช่วงเวลา การใช้ Price Action ช่วยให้เราสามารถ:

เข้าใจจิตวิทยาตลาด: การเคลื่อนไหวของราคาสะท้อนอารมณ์ของนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ในขณะนั้น เช่น ความกลัว, ความโลภ, หรือความลังเล
หาจุดเข้าซื้อ (Entry) และจุดขาย (Exit): Price Action ช่วยให้เราคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มของราคาจะเป็นอย่างไรในอนาคต และจุดที่มีโอกาสสูงในการเข้าและออกจากตลาด
ไม่พึ่งพาตัวชี้วัด: หลายครั้งที่ตัวชี้วัดอาจให้สัญญาณที่ช้า หรือล่าช้า ในขณะที่การดูแค่การเคลื่อนไหวของราคาแบบสด ๆ จะให้ข้อมูลที่ตรงและทันเหตุการณ์มากกว่า
หลักการพื้นฐานของ Price Action
แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)

แนวรับ คือจุดที่ราคามักจะหยุดลงและกลับตัวขึ้นมาได้เพราะมีแรงซื้อเข้ามามาก
แนวต้าน คือจุดที่ราคามักจะหยุดขึ้นและกลับตัวลงได้เพราะมีแรงขายเข้ามามาก
รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
รูปแบบแท่งเทียน (เช่น Doji, Engulfing, Pin Bar, Hammer) ช่วยบ่งบอกถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต

Pin Bar: สัญญาณที่บ่งบอกการกลับตัวของราคา โดยมี "ไส้เทียนยาว" ที่ชี้ให้เห็นถึงการทุบหรือลงแรง
Engulfing: สัญญาณที่บ่งบอกการเปลี่ยนทิศทางของตลาด โดยแท่งเทียนในปัจจุบันจะใหญ่กว่าคู่ก่อนหน้า
การอ่านแนวโน้ม (Trend)
การดูว่าราคาอยู่ในทิศทางไหน: ขาขึ้น, ขาลง หรือข้างๆ โดยการดูการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นหรือระยะยาว

ถ้าราคาเคลื่อนตัวขึ้นในลักษณะ higher highs และ higher lows ก็คือขาขึ้น
ถ้าราคาเคลื่อนตัวลงในลักษณะ lower highs และ lower lows ก็คือขาลง
Breakout และ Pullback

Breakout: เป็นการทะลุแนวรับหรือแนวต้านขึ้นไปหรือลงไปอย่างแรง แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาด
Pullback: การดึงกลับจากราคาที่ทะลุแนวต้านหรือแนวรับ มักเกิดขึ้นหลังจากการ Breakout เพื่อให้ราคามีการพักตัวก่อนที่จะขึ้นหรือลงต่อ
วิธีการใช้ Price Action
หาจุดเข้า (Entry):
มองหาจุดที่ราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ หรือตรวจสอบการเกิดรูปแบบแท่งเทียนที่เป็นสัญญาณการกลับตัวของราคา เช่น รูปแบบ Pin Bar ที่ทุบผ่านแนวรับ

หาจุดออก (Exit):
ใช้แนวรับและแนวต้านในการกำหนดจุดที่ควรออกจากตลาด เช่น หากราคากลับมาทดสอบแนวต้านอีกครั้งหลังจาก Breakout ออกมาแล้ว

ตั้ง Stop Loss:
การใช้ Stop Loss ในการตั้งจุดป้องกันความเสี่ยงสามารถตั้งได้โดยการมองจากระดับที่สำคัญ เช่น การตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าจุดแนวรับหรือต่ำกว่าระดับที่มีความสำคัญ

ตั้ง Take Profit:
ตั้งจุด Take Profit ที่มีความเป็นไปได้สูง เช่น ที่ระดับแนวต้านถัดไปหรือที่ระดับที่ราคาอาจกลับตัว

ตัวอย่างการใช้ Price Action ในการเทรด
สมมุติว่าเราเห็นรูปแบบ Pin Bar ที่ปรากฏใกล้แนวรับ (Support) บนกราฟ และราคาเริ่มกลับตัวขึ้นมา เราก็สามารถเปิดออเดอร์ ซื้อ (Buy) ที่จุดนี้ได้ โดยตั้ง Stop Loss ไว้ที่ต่ำกว่าแนวรับ และตั้ง Take Profit ที่จุดที่คาดว่าจะถึงก่อนถึงแนวต้านถัดไป

สรุป:
การใช้ Price Action เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการวิเคราะห์ตลาด โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวชี้วัดหรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ สิ่งที่สำคัญคือการเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นในตลาด โดยการมองหาจุดสำคัญ เช่น แนวรับ, แนวต้าน, รูปแบบแท่งเทียน และการสังเกตทิศทางของแนวโน้ม เพื่อนำมาปรับใช้ในการเข้าและออกจากตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
#12
Forex / ต่อ: ความรู้ กำลังใจ Forex
กระทู้ล่าสุด โดย banrong - ตุลาคม 24, 2025, 04:04:24 หลังเที่ยง
เทรดตามเจ้าตลาด: หลักการง่าย ๆ ที่ใช้ได้จริง

การเทรดตาม "เจ้า" หมายถึงการติดตามทิศทางที่ผู้มีอิทธิพลในตลาด (หรือที่เรียกว่า "เจ้า") กำลังขับเคลื่อนราคาไป ซึ่งสามารถช่วยให้เรามีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น ต่อไปนี้เป็นการขยายแนวคิดในข้อความให้เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง:

หลักการเข้าใจง่ายในการเทรดตามเจ้า
รอให้ราคาไปถึงจุดสำคัญ

เมื่อราคาขึ้นไปสูงใกล้แนวต้านที่สำคัญ (โซนที่เจ้าอาจเริ่มเทขายเพื่อดึงราคาลง) ให้เราสังเกตว่าเขาเริ่ม "ทุบ" หรือดันราคาลงหรือยัง
ในกรณีที่ราคาลงมาแรงใกล้แนวรับ (จุดที่มีแรงซื้อสูงหรือเป็นโซนดีมานด์) เจ้าอาจเริ่มซื้อกลับเพื่อดึงราคาขึ้นตามเทรนด์เดิม
อย่ายึดติดกับกราฟสีแดงหรือสีเขียว

ไม่จำเป็นต้องกังวลว่ากราฟเป็นสีแดง (ลง) หรือสีเขียว (ขึ้น) เพราะเป้าหมายของเราคือ "การเทรดส่วนต่างของราคา"
เมื่อราคาลงเยอะ (ใกล้แนวรับ) ให้หาจังหวะซื้อ (Buy)
เมื่อราคาขึ้นเยอะ (ใกล้แนวต้าน) ให้หาจังหวะขาย (Sell)
เข้าในจังหวะที่เหมาะสม (Signal Now)

เมื่อมีสัญญาณจากการวิเคราะห์ เช่น การกลับตัวของราคาในโซนสำคัญ หรือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเจ้ากำลังเข้าซื้อหรือขาย
อย่ารอจนแน่ใจเกินไป เพราะบางครั้งถ้าช้า ราคาจะขึ้นหรือดึงกลับไปแล้ว
หลีกเลี่ยงการโดนลาก
การ "โดนลาก" หมายถึงการเข้าออเดอร์ผิดจังหวะ เช่น ซื้อในช่วงราคากำลังขึ้นแรง แต่เจ้ากลับเทขายและทุบราคาลง หรือตรงข้าม
หลักสำคัญคือรอให้ราคามาถึงจุดที่มีโอกาสสูงสุด เช่น แนวรับที่ชัดเจน หรือโซนดีมานด์ที่คาดว่าจะดึงกลับ
เทรดอย่างมีวินัยเพื่อความสุขในระยะยาว
การเทรดไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นการเรียนรู้และปรับปรุงวิธีการอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเรารู้จังหวะและเข้าใจพฤติกรรมของตลาด เราจะสามารถเทรดได้ทุกวัน และสนุกไปกับมัน
สรุป:
เป้าหมายคือการเทรดให้สอดคล้องกับจังหวะและการเคลื่อนไหวของเจ้าตลาด เข้าในโซนที่มีความเป็นไปได้สูงและไม่ยึดติดกับอารมณ์หรือกราฟสีแดง/เขียว เมื่อฝึกฝนจนชำนาญ คุณจะมีความสุขกับการเทรดในทุกวันครับ!
#13
Forex / ต่อ: ความรู้ กำลังใจ Forex
กระทู้ล่าสุด โดย banrong - ตุลาคม 24, 2025, 04:04:06 หลังเที่ยง
การทำความเข้าใจเรื่องดีมานด์ (Demand) และซัพพลาย (Supply) แบบง่าย ๆ และนำไปใช้ได้จริง

"ดีมานด์" และ "ซัพพลาย" คือหัวใจสำคัญของการวิเคราะห์ตลาดในเชิงเทคนิค โดยสรุปก็คือ "ความต้องการซื้อ" และ "ความต้องการขาย" ที่เกิดขึ้นในตลาด

ดีมานด์และซัพพลาย เกี่ยวข้องกับแนวรับ-แนวต้านอย่างไร?
แนวรับ (Support) คือจุดที่ราคามักจะหยุดลง เพราะมีแรงซื้อเข้ามามากพอที่จะดันราคาไม่ให้ตกไปต่อ
แนวต้าน (Resistance) คือจุดที่ราคามักจะหยุดขึ้น เพราะมีแรงขายเข้ามามากพอที่จะดึงราคาลง

ถ้าคุณมองดีมานด์และซัพพลายในภาพกว้าง ๆ มันก็คือ "แนวรับ" และ "แนวต้าน" นั่นแหละครับ แต่แทนที่จะมองเป็น "เส้นเดียว" หรือจุดเดียว คุณสามารถขยายมุมมองให้กว้างขึ้นเป็น "โซน" (Zone) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

วิธีขยายแนวรับ-แนวต้านให้เป็นโซนดีมานด์และซัพพลาย
เริ่มจากการตีเส้นแนวนอน
มองหาจุดที่ราคาเคยหยุด (แนวรับ-แนวต้าน) โดยใช้ราคาเปิด-ปิด หรือปลายของไส้เทียนจากหลาย ๆ แท่งเทียนที่มีความสำคัญ

เปลี่ยนเส้นแนวนอนให้เป็น "โซน"
แทนที่จะมองเป็นจุดเดียว ให้ขยายพื้นที่ออกมาเล็กน้อยโดยรวมราคาในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวสูงไว้ด้วย เช่น บริเวณที่มีไส้เทียนยาว ๆ หรือการแกว่งตัวแรง ๆ

วิเคราะห์ความแข็งแรงของโซน

โซนที่เกิดจากการเคลื่อนไหวราคาหนัก ๆ (Volume มาก) มักจะมีความสำคัญ
ยิ่งราคาเด้งกลับหลายครั้งจากโซนนี้ โซนนี้ยิ่งแข็งแรง
สรุป: แนวรับ-แนวต้าน กับ ดีมานด์-ซัพพลาย คือเรื่องเดียวกัน
คุณไม่จำเป็นต้องแยกแนวคิดหรือเรียนรู้จากหลายคอร์สให้ซับซ้อน เพราะแนวรับ-แนวต้านในเชิงเทคนิค เมื่อมองให้กว้างขึ้นเป็น "โซน" ก็คือโซนของดีมานด์และซัพพลาย

ดีมานด์ = บริเวณที่มีแรงซื้อหนาแน่น (โซนแนวรับ)
ซัพพลาย = บริเวณที่มีแรงขายหนาแน่น (โซนแนวต้าน)
การเข้าใจโซนเหล่านี้ช่วยให้คุณวางแผนซื้อ-ขายได้อย่างแม่นยำขึ้น ไม่ต้องไปเสียเงินเรียนแยกคอร์สเพิ่มเติม ขอแค่ตีเส้น วิเคราะห์โซน และฝึกสังเกตพฤติกรรมราคาบ่อย ๆ คุณก็สามารถใช้งานแนวคิดนี้ได้ทันที

สรุปจบ: ความรู้ดี ๆ ไม่ต้องจ่ายแพงครับ แค่เข้าใจแล้วลองใช้จริงในตลาดก็พอ!
#14
Forex / ความรู้ กำลังใจ Forex
กระทู้ล่าสุด โดย banrong - ตุลาคม 24, 2025, 04:03:57 หลังเที่ยง
เมื่อก่อน เห็นวันละ40-80-90$ และค่อยๆมาเป็นวันละ100-150$ เดียว300-600$ พัฒนาการดีมากครับ แต่กว่าจะมาตรงนี้ ไม่ต้องถามว่าโดน SL.พอร์ตแตกเติมเงินไปเท่าไหร่ เพราะมันคือของคู่กัน ผ่านได้ก็ชนะเอง
ใครว่าต้านรับทหาเงินไม่ได้ โบราณแล้ว  ต้องดู
ดีมาน ซับพลาย สำหรับผม ต้านรับนี้ล่ะ ตัวทำเงิน

ถ้าเข้าใจ มันไม่ยาก ทำเงินได้จริงๆ แค่เราทำวิธีที่ถูกต้อง ทำเรื่องเดิมๆ ในวันที่ไม่เหมือนเดิม
Price action นึ้ล่ะ ของจริง
แต่ต้องใช้เวลาหน่อย กว่าจะเข้าใจ
อธิบายเรื่อง ดีมาน ซัฟพลาย มันคือความต้องการซื้อ และขาย มันคือโซน โซนก็คือ เรื่องเดียวกันกับ แนวรับแนวต้านแหละ ยิ่งรู้ว่าแนวรับตรงไหน ถ้ากำหนดให้กว้างขึ้นไม่ใช่เส้นแนวนอนเส้นเดียว ก็คือการใช้แนวรับต้าน ตัวเลขจากการตีเส้น แนวนอนในจุดที่มีค่า ถั่วเฉลี่ยราคาจากเปิด และปิด ไส้เทียน หลายๆจุดจนเกิดเส้นราคาที่มีความแข็งแรง บริเวณนั้น มันก็คือจุด ดีมานที่แข็งแรง สรุปเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ต้องมาทำความเข้าใจหรือเรียนแยกคอร์ส ให้เสียเงินหลายรอบ ครับ จบการสอนเท่านี้

รอเทรดตามเจ้าดีกว่าครับ คิดง่ายๆนะครับ มันจะลงตอนมันขึ้นไปเยอะๆ ถึงแนวต้าน เขาจะทุบทีนึง แล้วถ้าดึงกลับตามเทรน ก็สักพัก อาจตะย่อมาค่อยว่ากันครับ เวลาให้ signal now จึงจำเป็นต้องเข้า อย่าสนว่าแดงอยู่ เพราะผมมีหลักการอยู่ ไม่เกียวกับว่าเขากำลังลงอยู่ เพราะถ้าเราเข้าตอนเฟริม คืออด มันขึ้น  แต่เราจะเข้าซื้อในราคาที่มีโอกาสดึง แนวรับ ดีมานนั่นแหละ อย่ายึดติดกับ เขียวหรือแดง เพราะเราเทรดกินส่วนต่าง ถ้าลงเยอะ เรา buy ถ้าขึ้นเยอะเรา sell แต่หลักการว่าจะเข้า ตอนไหนนั้นแหละที่ หลายคนไม่รู้จึงเข้าแล้ว โดนลาก ทั้งขึ้นและลงครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนน่ะ ครับ เมื่อมาถึงวันหนึ่งที่เราเทรดไ้ด้ทุกวัน เราจะมีความสุขกับการเทรด ครับ

เรา จะไม่ถอดใจครับ เทรดน้อยมาก ขอให้เกาะสถานการณ์ เทรดไว้ อย่าหลุด ค่อยๆฝึกไป เพื่อน และผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้ครับ รักษาระยะไว้ ได้น้อยไม่เป็นไร   เสียก็อยู่ในการควบคุม อย่าเสียเยอะจนกลับมาไม่ได้ ครับ

ลองตั้งเป้าดูครับ วันหนึ่งไม่ต้องเยอะ สัก 30$ ออกล็อตเล็กๆ เทรดทุกวัน ฝึกครับ เท่านั้นเลย
แต่ต้องมีความรู้ด้วยน่ะครับ

#15
Forex / Exness น่าสนใจมากกกก
กระทู้ล่าสุด โดย banrong - ตุลาคม 23, 2025, 05:18:04 หลังเที่ยง
Exness  น่าสนใจมากกกก












#16
Forex / XM น่าลงทุน
กระทู้ล่าสุด โดย banrong - ตุลาคม 23, 2025, 02:58:48 หลังเที่ยง
XM  น่าลงทุน






#17
Forex / เทรดเดอร์ จะเป็นโรคกันเยอะค่ะ
กระทู้ล่าสุด โดย banrong - ตุลาคม 19, 2025, 08:43:10 หลังเที่ยง
5% ต่อวันเป็นไปได้ค่ะ แต่ไม่ยั่งยืน
เทรดเดอร์มืออาชีพจะโฟกัสที่ความสม่ำเสมอมากกว่าความเร็ว ทำได้ 1–2% ต่อวันแบบนิ่ง ๆ ไปเรื่อย ๆ พอร์ตจะโตเองโดยไม่ต้องเสี่ยงแตกค่ะ
5% ต่อวันไม่ยากในบางวัน
แต่การไม่เสียคืนวันต่อมา — นั่นแหละที่ยากกว่า"
วินัยในการหยุด คือกำไรระยะยาวที่แท้จริงค่ะ
ไม่มีระบบไหนในโลกที่เสถียรพอจะคง Winrate + RRR ให้ได้ขนาดนั้นโดยไม่เจอ Drawdown ใหญ่
5% ต่อวันคือ "โหมดเร่ง" ไม่ใช่โหมดอยู่รอด
มืออาชีพจะอยู่ในกรอบ 0.5–2% ต่อวัน (หรือ 5–10% ต่อเดือน)
ถ้าจะเล่น 5% ต่อวัน ต้องยอมรับว่าเป็น ช่วงทดลองระบบหรือทดสอบความแม่น ไม่ใช่โหมดพอร์ตจริง
เพราะยิ่งกำไรเร็ว แปลว่าใช้ Risk ต่อไม้สูง ซึ่ง Drawdown จะกินคืนภายในไม่กี่ไม้
ลองคิดในมุมสถิติ
ถ้า Winrate 70%, RRR = 2:1
ความคาดหวังเฉลี่ยต่อไม้ (Expectancy) = 0.4R
ถ้าคุณเสี่ยง 1% ต่อไม้ = กำไรเฉลี่ยต่อไม้ 0.4% จะต้องเทรด 10 ไม้ขึ้นไปต่อวันถึงจะได้ใกล้ 5% ซึ่งไม่ยั่งยืนและเหนื่อยมาก แต่ถามว่าเปนไปได้มั้ยก้อเปนไปได้
ถ้าคุณทำได้ 1–2% ต่อวัน อย่างสม่ำเสมอ 20 วัน/เดือน
→ = 20–40% ต่อเดือน
→ ทุน $3,000 จะโตเป็น $4,000–$5,000 ใน 2 เดือนแบบเสถียร
จากนั้นค่อยเพิ่มขนาดไม้ตาม Equity (Compound Growth)
เน้นให้ port ยืนระยะแล้วค่อย scale up หลังจาก port cover ต้นทุน คือเอากำไรมาเทรดในภายหลังก้อไม่สายค่ะ ดีกว่าตั้งเป้ากำไรรายวันจะกดดันมากเกินไป ให้ยืนระยะและรอดก่อนในปีแรก


เทรดเดอร์ จะเป็นโรคกันเยอะค่ะ
ไบโพล่าร์ กรดไหลย้อน นอนไม่หลับ เครียด ซึมเศร้า เคยผ่านมาเหมือนกันค่ะ
#18
อนุบาลสงขลา / ประกาศผลการเรียน ภาคเรียนที่ 1...
กระทู้ล่าสุด โดย banrong - ตุลาคม 17, 2025, 06:33:31 ก่อนเที่ยง
🎓 วันที่ 15 ตุลาคม 2568 📚
ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป
โรงเรียนอนุบาลสงขลา ประกาศผลการเรียน
ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2568 ✨

📖 พร้อมกันหรือยังเอ่ย? มาดูผลการเรียนกันได้เลย! 💫
#อนุบาลสงขลา #ประกาศผลการเรียน #ภาคเรียนที่1
https://www.facebook.com/share/17FQ5F2tUn/
#19
ทั่วไป / แต่งเพลง +สร้าง Mv จบในคลิปเดี...
กระทู้ล่าสุด โดย Simple Machines - ตุลาคม 03, 2025, 01:25:17 หลังเที่ยง
เนื้อหาเสร็จเป็นที่เรียบร้อยครับ
แต่งเพลง +สร้าง Mv จบในคลิปเดียว
แจกโค๊ดส่วนลด 10 % ท้ายคลิป 30 สิทธิ์ ดูลิปจบรีบเลย
🎶✨ อยากมีเพลงเป็นของตัวเอง + ทำ MV แบบมืออาชีพ ไม่ยากอีกต่อไปแล้ว!
สมัยก่อนการทำเพลงกับ MV ต้องใช้งบเยอะมาก 🎤🎥
แต่วันนี้...แค่มี AI เราก็สามารถทำเองได้ทั้งเพลงและมิวสิกวิดีโอ ✨
นี่คือ ภาพรวมการทำงานทีละขั้นตอน 👇
1️⃣ แต่งเนื้อเพลง
ใช้ ChatGPT ช่วยแปลงไอเดียของเราออกมาเป็นเนื้อเพลง จะโรแมนติก เศร้า เหงา หรือมันส์ ๆ ก็ทำได้หมด
2️⃣ สร้างดนตรี + เสียงร้อง
ใช้ Suno AI เลือกแนวเพลงที่ชอบ เช่น Pop, Rock, Ballad หรือ Lo-fi แล้วใส่เนื้อเพลงลงไป แป๊บเดียวได้เพลงพร้อมร้องจริงออกมาเลย
3️⃣ ทำภาพประกอบ & วีดีโอ
ใช้ MidJourney ช่วยเจนภาพ + แปลงเป็นคลิปวิดีโอ เลือกโทนภาพให้เข้ากับอารมณ์เพลง เช่น ซึ้ง ๆ มืดหม่น หรือสดใสฟีลไอดอล
4️⃣ ทำลิปซิ้งสมจริง
ใช้ DreamFace ให้นักร้อง AI ขยับปากตรงกับเนื้อเพลง ดูสมจริงเหมือนถ่าย MV จริง ๆ
5️⃣ ตัดต่อเป็น MV เต็ม
สุดท้ายใช้ CapCut รวมทุกไฟล์ ใส่เอฟเฟกต์ เนื้อร้อง และปรับเสียงให้สมบูรณ์ แล้ว Export ออกมาเป็น MV พร้อมอัปลง YouTube ได้เลย 🚀 ดูน้อยลง