ข่าว:

SMF - Just Installed!

ความรู้ กำลังใจ Forex

เริ่มโดย banrong, ตุลาคม 24, 2025, 04:03:57 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

banrong

เมื่อก่อน เห็นวันละ40-80-90$ และค่อยๆมาเป็นวันละ100-150$ เดียว300-600$ พัฒนาการดีมากครับ แต่กว่าจะมาตรงนี้ ไม่ต้องถามว่าโดน SL.พอร์ตแตกเติมเงินไปเท่าไหร่ เพราะมันคือของคู่กัน ผ่านได้ก็ชนะเอง
ใครว่าต้านรับทหาเงินไม่ได้ โบราณแล้ว  ต้องดู
ดีมาน ซับพลาย สำหรับผม ต้านรับนี้ล่ะ ตัวทำเงิน

ถ้าเข้าใจ มันไม่ยาก ทำเงินได้จริงๆ แค่เราทำวิธีที่ถูกต้อง ทำเรื่องเดิมๆ ในวันที่ไม่เหมือนเดิม
Price action นึ้ล่ะ ของจริง
แต่ต้องใช้เวลาหน่อย กว่าจะเข้าใจ
อธิบายเรื่อง ดีมาน ซัฟพลาย มันคือความต้องการซื้อ และขาย มันคือโซน โซนก็คือ เรื่องเดียวกันกับ แนวรับแนวต้านแหละ ยิ่งรู้ว่าแนวรับตรงไหน ถ้ากำหนดให้กว้างขึ้นไม่ใช่เส้นแนวนอนเส้นเดียว ก็คือการใช้แนวรับต้าน ตัวเลขจากการตีเส้น แนวนอนในจุดที่มีค่า ถั่วเฉลี่ยราคาจากเปิด และปิด ไส้เทียน หลายๆจุดจนเกิดเส้นราคาที่มีความแข็งแรง บริเวณนั้น มันก็คือจุด ดีมานที่แข็งแรง สรุปเรื่องเดียวกัน แต่ไม่ต้องมาทำความเข้าใจหรือเรียนแยกคอร์ส ให้เสียเงินหลายรอบ ครับ จบการสอนเท่านี้

รอเทรดตามเจ้าดีกว่าครับ คิดง่ายๆนะครับ มันจะลงตอนมันขึ้นไปเยอะๆ ถึงแนวต้าน เขาจะทุบทีนึง แล้วถ้าดึงกลับตามเทรน ก็สักพัก อาจตะย่อมาค่อยว่ากันครับ เวลาให้ signal now จึงจำเป็นต้องเข้า อย่าสนว่าแดงอยู่ เพราะผมมีหลักการอยู่ ไม่เกียวกับว่าเขากำลังลงอยู่ เพราะถ้าเราเข้าตอนเฟริม คืออด มันขึ้น  แต่เราจะเข้าซื้อในราคาที่มีโอกาสดึง แนวรับ ดีมานนั่นแหละ อย่ายึดติดกับ เขียวหรือแดง เพราะเราเทรดกินส่วนต่าง ถ้าลงเยอะ เรา buy ถ้าขึ้นเยอะเรา sell แต่หลักการว่าจะเข้า ตอนไหนนั้นแหละที่ หลายคนไม่รู้จึงเข้าแล้ว โดนลาก ทั้งขึ้นและลงครับ
เป็นกำลังใจให้ทุกคนน่ะ ครับ เมื่อมาถึงวันหนึ่งที่เราเทรดไ้ด้ทุกวัน เราจะมีความสุขกับการเทรด ครับ

เรา จะไม่ถอดใจครับ เทรดน้อยมาก ขอให้เกาะสถานการณ์ เทรดไว้ อย่าหลุด ค่อยๆฝึกไป เพื่อน และผมทำได้ ทุกคนก็ทำได้ครับ รักษาระยะไว้ ได้น้อยไม่เป็นไร   เสียก็อยู่ในการควบคุม อย่าเสียเยอะจนกลับมาไม่ได้ ครับ

ลองตั้งเป้าดูครับ วันหนึ่งไม่ต้องเยอะ สัก 30$ ออกล็อตเล็กๆ เทรดทุกวัน ฝึกครับ เท่านั้นเลย
แต่ต้องมีความรู้ด้วยน่ะครับ


banrong

การทำความเข้าใจเรื่องดีมานด์ (Demand) และซัพพลาย (Supply) แบบง่าย ๆ และนำไปใช้ได้จริง

"ดีมานด์" และ "ซัพพลาย" คือหัวใจสำคัญของการวิเคราะห์ตลาดในเชิงเทคนิค โดยสรุปก็คือ "ความต้องการซื้อ" และ "ความต้องการขาย" ที่เกิดขึ้นในตลาด

ดีมานด์และซัพพลาย เกี่ยวข้องกับแนวรับ-แนวต้านอย่างไร?
แนวรับ (Support) คือจุดที่ราคามักจะหยุดลง เพราะมีแรงซื้อเข้ามามากพอที่จะดันราคาไม่ให้ตกไปต่อ
แนวต้าน (Resistance) คือจุดที่ราคามักจะหยุดขึ้น เพราะมีแรงขายเข้ามามากพอที่จะดึงราคาลง

ถ้าคุณมองดีมานด์และซัพพลายในภาพกว้าง ๆ มันก็คือ "แนวรับ" และ "แนวต้าน" นั่นแหละครับ แต่แทนที่จะมองเป็น "เส้นเดียว" หรือจุดเดียว คุณสามารถขยายมุมมองให้กว้างขึ้นเป็น "โซน" (Zone) เพื่อเพิ่มความแม่นยำ

วิธีขยายแนวรับ-แนวต้านให้เป็นโซนดีมานด์และซัพพลาย
เริ่มจากการตีเส้นแนวนอน
มองหาจุดที่ราคาเคยหยุด (แนวรับ-แนวต้าน) โดยใช้ราคาเปิด-ปิด หรือปลายของไส้เทียนจากหลาย ๆ แท่งเทียนที่มีความสำคัญ

เปลี่ยนเส้นแนวนอนให้เป็น "โซน"
แทนที่จะมองเป็นจุดเดียว ให้ขยายพื้นที่ออกมาเล็กน้อยโดยรวมราคาในช่วงที่มีการเคลื่อนไหวสูงไว้ด้วย เช่น บริเวณที่มีไส้เทียนยาว ๆ หรือการแกว่งตัวแรง ๆ

วิเคราะห์ความแข็งแรงของโซน

โซนที่เกิดจากการเคลื่อนไหวราคาหนัก ๆ (Volume มาก) มักจะมีความสำคัญ
ยิ่งราคาเด้งกลับหลายครั้งจากโซนนี้ โซนนี้ยิ่งแข็งแรง
สรุป: แนวรับ-แนวต้าน กับ ดีมานด์-ซัพพลาย คือเรื่องเดียวกัน
คุณไม่จำเป็นต้องแยกแนวคิดหรือเรียนรู้จากหลายคอร์สให้ซับซ้อน เพราะแนวรับ-แนวต้านในเชิงเทคนิค เมื่อมองให้กว้างขึ้นเป็น "โซน" ก็คือโซนของดีมานด์และซัพพลาย

ดีมานด์ = บริเวณที่มีแรงซื้อหนาแน่น (โซนแนวรับ)
ซัพพลาย = บริเวณที่มีแรงขายหนาแน่น (โซนแนวต้าน)
การเข้าใจโซนเหล่านี้ช่วยให้คุณวางแผนซื้อ-ขายได้อย่างแม่นยำขึ้น ไม่ต้องไปเสียเงินเรียนแยกคอร์สเพิ่มเติม ขอแค่ตีเส้น วิเคราะห์โซน และฝึกสังเกตพฤติกรรมราคาบ่อย ๆ คุณก็สามารถใช้งานแนวคิดนี้ได้ทันที

สรุปจบ: ความรู้ดี ๆ ไม่ต้องจ่ายแพงครับ แค่เข้าใจแล้วลองใช้จริงในตลาดก็พอ!

banrong

เทรดตามเจ้าตลาด: หลักการง่าย ๆ ที่ใช้ได้จริง

การเทรดตาม "เจ้า" หมายถึงการติดตามทิศทางที่ผู้มีอิทธิพลในตลาด (หรือที่เรียกว่า "เจ้า") กำลังขับเคลื่อนราคาไป ซึ่งสามารถช่วยให้เรามีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้น ต่อไปนี้เป็นการขยายแนวคิดในข้อความให้เข้าใจง่ายและนำไปใช้ได้จริง:

หลักการเข้าใจง่ายในการเทรดตามเจ้า
รอให้ราคาไปถึงจุดสำคัญ

เมื่อราคาขึ้นไปสูงใกล้แนวต้านที่สำคัญ (โซนที่เจ้าอาจเริ่มเทขายเพื่อดึงราคาลง) ให้เราสังเกตว่าเขาเริ่ม "ทุบ" หรือดันราคาลงหรือยัง
ในกรณีที่ราคาลงมาแรงใกล้แนวรับ (จุดที่มีแรงซื้อสูงหรือเป็นโซนดีมานด์) เจ้าอาจเริ่มซื้อกลับเพื่อดึงราคาขึ้นตามเทรนด์เดิม
อย่ายึดติดกับกราฟสีแดงหรือสีเขียว

ไม่จำเป็นต้องกังวลว่ากราฟเป็นสีแดง (ลง) หรือสีเขียว (ขึ้น) เพราะเป้าหมายของเราคือ "การเทรดส่วนต่างของราคา"
เมื่อราคาลงเยอะ (ใกล้แนวรับ) ให้หาจังหวะซื้อ (Buy)
เมื่อราคาขึ้นเยอะ (ใกล้แนวต้าน) ให้หาจังหวะขาย (Sell)
เข้าในจังหวะที่เหมาะสม (Signal Now)

เมื่อมีสัญญาณจากการวิเคราะห์ เช่น การกลับตัวของราคาในโซนสำคัญ หรือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเจ้ากำลังเข้าซื้อหรือขาย
อย่ารอจนแน่ใจเกินไป เพราะบางครั้งถ้าช้า ราคาจะขึ้นหรือดึงกลับไปแล้ว
หลีกเลี่ยงการโดนลาก
การ "โดนลาก" หมายถึงการเข้าออเดอร์ผิดจังหวะ เช่น ซื้อในช่วงราคากำลังขึ้นแรง แต่เจ้ากลับเทขายและทุบราคาลง หรือตรงข้าม
หลักสำคัญคือรอให้ราคามาถึงจุดที่มีโอกาสสูงสุด เช่น แนวรับที่ชัดเจน หรือโซนดีมานด์ที่คาดว่าจะดึงกลับ
เทรดอย่างมีวินัยเพื่อความสุขในระยะยาว
การเทรดไม่ใช่เรื่องของโชค แต่เป็นการเรียนรู้และปรับปรุงวิธีการอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเรารู้จังหวะและเข้าใจพฤติกรรมของตลาด เราจะสามารถเทรดได้ทุกวัน และสนุกไปกับมัน
สรุป:
เป้าหมายคือการเทรดให้สอดคล้องกับจังหวะและการเคลื่อนไหวของเจ้าตลาด เข้าในโซนที่มีความเป็นไปได้สูงและไม่ยึดติดกับอารมณ์หรือกราฟสีแดง/เขียว เมื่อฝึกฝนจนชำนาญ คุณจะมีความสุขกับการเทรดในทุกวันครับ!

banrong

Price Action: แนวคิดและการใช้งานที่เข้าใจง่ายและใช้งานได้จริง

Price Action คือการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของราคาบนกราฟโดยไม่ต้องพึ่งพาตัวชี้วัดทางเทคนิค (Indicator) อื่น ๆ เช่น MACD หรือ RSI ซึ่งเป็นวิธีการที่เทรดเดอร์มืออาชีพส่วนใหญ่ใช้ในการวิเคราะห์ตลาด โดยมองแค่ "การเคลื่อนไหวของราคา" หรือ "ราคาที่เกิดขึ้น" บนกราฟเท่านั้น

ทำไม Price Action ถึงสำคัญ?
การวิเคราะห์ราคาคือการสังเกตพฤติกรรมของตลาดที่เกิดจากการซื้อขายในแต่ละช่วงเวลา การใช้ Price Action ช่วยให้เราสามารถ:

เข้าใจจิตวิทยาตลาด: การเคลื่อนไหวของราคาสะท้อนอารมณ์ของนักลงทุนหรือเทรดเดอร์ในขณะนั้น เช่น ความกลัว, ความโลภ, หรือความลังเล
หาจุดเข้าซื้อ (Entry) และจุดขาย (Exit): Price Action ช่วยให้เราคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มของราคาจะเป็นอย่างไรในอนาคต และจุดที่มีโอกาสสูงในการเข้าและออกจากตลาด
ไม่พึ่งพาตัวชี้วัด: หลายครั้งที่ตัวชี้วัดอาจให้สัญญาณที่ช้า หรือล่าช้า ในขณะที่การดูแค่การเคลื่อนไหวของราคาแบบสด ๆ จะให้ข้อมูลที่ตรงและทันเหตุการณ์มากกว่า
หลักการพื้นฐานของ Price Action
แนวรับ (Support) และแนวต้าน (Resistance)

แนวรับ คือจุดที่ราคามักจะหยุดลงและกลับตัวขึ้นมาได้เพราะมีแรงซื้อเข้ามามาก
แนวต้าน คือจุดที่ราคามักจะหยุดขึ้นและกลับตัวลงได้เพราะมีแรงขายเข้ามามาก
รูปแบบแท่งเทียน (Candlestick Patterns)
รูปแบบแท่งเทียน (เช่น Doji, Engulfing, Pin Bar, Hammer) ช่วยบ่งบอกถึงทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาในอนาคต

Pin Bar: สัญญาณที่บ่งบอกการกลับตัวของราคา โดยมี "ไส้เทียนยาว" ที่ชี้ให้เห็นถึงการทุบหรือลงแรง
Engulfing: สัญญาณที่บ่งบอกการเปลี่ยนทิศทางของตลาด โดยแท่งเทียนในปัจจุบันจะใหญ่กว่าคู่ก่อนหน้า
การอ่านแนวโน้ม (Trend)
การดูว่าราคาอยู่ในทิศทางไหน: ขาขึ้น, ขาลง หรือข้างๆ โดยการดูการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นหรือระยะยาว

ถ้าราคาเคลื่อนตัวขึ้นในลักษณะ higher highs และ higher lows ก็คือขาขึ้น
ถ้าราคาเคลื่อนตัวลงในลักษณะ lower highs และ lower lows ก็คือขาลง
Breakout และ Pullback

Breakout: เป็นการทะลุแนวรับหรือแนวต้านขึ้นไปหรือลงไปอย่างแรง แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงทิศทางของตลาด
Pullback: การดึงกลับจากราคาที่ทะลุแนวต้านหรือแนวรับ มักเกิดขึ้นหลังจากการ Breakout เพื่อให้ราคามีการพักตัวก่อนที่จะขึ้นหรือลงต่อ
วิธีการใช้ Price Action
หาจุดเข้า (Entry):
มองหาจุดที่ราคาทะลุแนวต้านหรือแนวรับที่สำคัญ หรือตรวจสอบการเกิดรูปแบบแท่งเทียนที่เป็นสัญญาณการกลับตัวของราคา เช่น รูปแบบ Pin Bar ที่ทุบผ่านแนวรับ

หาจุดออก (Exit):
ใช้แนวรับและแนวต้านในการกำหนดจุดที่ควรออกจากตลาด เช่น หากราคากลับมาทดสอบแนวต้านอีกครั้งหลังจาก Breakout ออกมาแล้ว

ตั้ง Stop Loss:
การใช้ Stop Loss ในการตั้งจุดป้องกันความเสี่ยงสามารถตั้งได้โดยการมองจากระดับที่สำคัญ เช่น การตั้ง Stop Loss ต่ำกว่าจุดแนวรับหรือต่ำกว่าระดับที่มีความสำคัญ

ตั้ง Take Profit:
ตั้งจุด Take Profit ที่มีความเป็นไปได้สูง เช่น ที่ระดับแนวต้านถัดไปหรือที่ระดับที่ราคาอาจกลับตัว

ตัวอย่างการใช้ Price Action ในการเทรด
สมมุติว่าเราเห็นรูปแบบ Pin Bar ที่ปรากฏใกล้แนวรับ (Support) บนกราฟ และราคาเริ่มกลับตัวขึ้นมา เราก็สามารถเปิดออเดอร์ ซื้อ (Buy) ที่จุดนี้ได้ โดยตั้ง Stop Loss ไว้ที่ต่ำกว่าแนวรับ และตั้ง Take Profit ที่จุดที่คาดว่าจะถึงก่อนถึงแนวต้านถัดไป

สรุป:
การใช้ Price Action เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการวิเคราะห์ตลาด โดยไม่ต้องพึ่งพาตัวชี้วัดหรืออินดิเคเตอร์อื่น ๆ สิ่งที่สำคัญคือการเข้าใจการเคลื่อนไหวของราคาที่เกิดขึ้นในตลาด โดยการมองหาจุดสำคัญ เช่น แนวรับ, แนวต้าน, รูปแบบแท่งเทียน และการสังเกตทิศทางของแนวโน้ม เพื่อนำมาปรับใช้ในการเข้าและออกจากตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ

banrong

 สรุปชาเล้น 10 สัปดาห์: จาก $50 → $1,000/สัปดาห์
"10 บทเรียนของคนธรรมดา ที่เอาชนะตัวเองได้จริง"

 Week 1:
หัวข้อ: "ภาพใหญ่ก่อนกำไร"
"ผมไม่รีบเข้า เพราะรู้ว่าเป้าหมายชัดเจน
บทเรียน: คนที่เห็นเป้าหมายชัด = ใจไม่สั่น
https://www.facebook.com/share/p/1YNfsoCuHF/?mibextid=wwXIfr

 Week 2:
หัวข้อ: "จะชนะ ต้องไม่ Bias"
"ไม่ใช่ทุกไม้ต้องชนะ แต่ทุกไม้ต้องซื่อสัตย์กับแผน"
บทเรียน: ยอมแพ้ไม้หนึ่ง เพื่อชนะทั้งแผน
https://www.facebook.com/share/p/15B3HYW8xoa/?mibextid=wwXIfr

 Week 3:
หัวข้อ: "พลาดไม่เป็นไร ถ้าใจยังไม่พัง"
"ถ้าผมไม่หยุดในวันนั้น...ผมอาจจะจบในอีก 3 วัน"
บทเรียน: การหยุดเทรด คือการเทรดแบบหนึ่ง
1/2: https://www.facebook.com/share/p/1Hw5CcKvJv/?mibextid=wwXIfr
2/2 : https://www.facebook.com/share/p/1C2tcwHtTC/?mibextid=wwXIfr
( ช่วงคันมือ)
1/3: https://www.facebook.com/share/p/15g5kbeT1J/?mibextid=wwXIfr
2/3 : https://www.facebook.com/share/p/194k5TEWct/?mibextid=wwXIfr
3/3 : https://www.facebook.com/share/p/19VrzbGw7V/?mibextid=wwXIfr

 Week 4:
หัวข้อ: "พอร์ตไม่โตเพราะโชค...แต่วางแผนมาแล้วต่างหาก"
"กำไรใน 3 วัน ไม่ใช่เพราะเก่ง แต่เพราะรู้ว่า 'วันไหนควรเทรด'"
บทเรียน: วินัยกับวันพัก = ตัวเร่งทุนอย่างยั่งยืน
https://www.facebook.com/share/p/1EYy9pqEE9/?mibextid=wwXIfr

 Week 5:
หัวข้อ: "ชนะเร็วเกินไป = พังเร็วกว่าเดิม"
"จากเกือบ $1,000 → เหลือ 0 เพราะโลภแค่ครั้งเดียว"
บทเรียน: "พอร์ตไม่พังถ้าใจไม่หลุด" แต่หลุดเพราะ "อยากได้เพิ่ม"
1/3 : https://www.facebook.com/share/p/16Vr8Ho3Ez/?mibextid=wwXIfr
2/3 : https://www.facebook.com/share/p/1BqAfz3cqB/?mibextid=wwXIfr
3/3 : https://www.facebook.com/share/p/19TRAcGwy2/?mibextid=wwXIfr

Week 6:
หัวข้อ: เทคนิคแนวคิดปั้นพอร์ต ที่ไม่ได้ใช้แค่กราฟ...แต่ใช้จิตวิทยาล้วนๆ
เทคนิค+วิธีคิด https://www.facebook.com/share/p/1QdjcpTcbP/?mibextid=wwXIfr

 Week 7:
หัวข้อ: "ออกล็อตยังไง ให้พอร์ตไม่ตายไว"
"พอร์ตเล็ก MM ต้องคุมโอกาส ไม่ใช่คุมตัวเลข"
บทเรียน: ออกล็อต = ออกแผน ไม่ใช่ออกดวง
https://www.facebook.com/share/p/1Bhgmk8mS4/?mibextid=wwXIfr

 Week 8:
หัวข้อ: "เป้าถึงแล้ว...ทำไมใจยังโลภอยู่?"
"เสียงในหัวบอกว่า ถ้าอีกนิดจะได้อีก...แต่นั่นคือเสียงของความพัง"
บทเรียน: เทรดเดอร์ไม่แพ้กราฟ แต่แพ้ตอนชนะแล้วไม่ยอมหยุด
https://www.facebook.com/share/p/1NbVKvSMho/?mibextid=wwXIfr
https://www.facebook.com/share/p/14GxAUDNCDx/?mibextid=wwXIfr

 Week 9:
หัวข้อ: "การจด = เครื่องมือเปลี่ยนเทรดเดอร์ธรรมดาให้เก่งขึ้น"
"ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนตั้งแต่เริ่มเขียน...แม้แต่ความคิดของผม"
บทเรียน: จดให้ได้ก่อนเก่ง แล้วจะเก่งเพราะจด
https://www.facebook.com/share/p/1FyP7hqtiB/?mibextid=wwXIfr

 Week 10:
หัวข้อ: "วันนี้กราฟพร้อม แต่ผมไม่พร้อม"
"เลือกออกจากตลาด...ไม่ใช่แค่ถอนเงิน แต่ถอนตัวจากสนามที่ใจไม่มั่นคง"
บทเรียน: บางครั้ง การไม่เทรด คือการเทรดที่ดีที่สุด
1/2 https://www.facebook.com/share/p/16okZJSQTJ/?mibextid=wwXIfr
2/2 https://www.facebook.com/share/p/1EJqq72nVW/?mibextid=wwXIfr

จบซีรี่ส์
ใครตามซีรี่ส์นี้มาตลอด 10 สัปดาห์
พิมพ์ว่า "โตได้" เพื่อยืนยันกับตัวเองว่า
คุณก็สร้างผลลัพธ์จากวินัยและความเข้าใจได้เหมือนกัน
หรือถ้าอยากเริ่มชาเล้นใหม่กับผมอีกครั้ง
ก็พิมพ์ว่า "เริ่มใหม่ไปด้วยกัน"
แล้วเราไปลุยชาเล้นรอบถัดไปด้วยกัน